http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-10-24

เช็กสต็อกหนังสือ เดือน ต.ค.55 โดย หนุงหนิง

.

เช็กสต็อกหนังสือ เดือน ต.ค.55
โดย หนุงหนิง www.facebook.com/malai.chantarayota  www.matichonbook.com
เลือกเรียบเรียงจาก คอลัมน์ เช็กสต๊อกหนังสือ ในมติชนสุดสัปดาห์ ปีที่ 32 ฉบับที่ 1676 - 1679  


ควีนวิกตอเรียกับเด็กชายใต้โซฟา (สำนักพิมพ์มติชน, จำนวน 292 หน้า, ราคา 200 บาท) อายุรี ชีวรุโณทัย แปลจากเรื่อง Queen Victoria"s Stalker ผลงานของ แจน บอนเดสัน 

Stalker ถ้าแปลตามดิกชันนารีเป๊ะๆ แปลว่า ผู้เดินย่องตาม 
หลายๆ คนอาจจะเคยเห็นคำคำนี้ในหนังฝรั่งบ่อยๆ ซึ่งมีความหมายไปในทางลบเสียมากกว่า เข้าขั้นนักตื๊อโรคจิต ผู้แอบติดตามบุคคลใดบุคคลหนึ่งอย่างคลั่งไคล้ 
ซึ่งถือว่าเป็นล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้อื่นอย่างหนึ่ง เพราะบางที Stalker ไม่เพียงแอบมองแอบติดตามเฉยๆ แต่ยังอาจเข้าไปรื้อค้นข้าวของ อยากรู้อยากเห็นในทุกๆ เรื่องของคนอื่น ซึ่งก็อาจถึงขั้นทำให้หวาดกลัว ไม่ปลอดภัย ศาลจึงอาจมีสั่งให้ Stalker ห้ามเข้าใกล้บุคคลนั้นๆ หากฝ่าฝืนมีหวังติดคุกได้นะเออ

"บอยโจนส์" จัดว่าเป็นตำนานของ Stalker ไม่ใช่เพียงเพราะเขาเป็น Stalker เมื่อ 170 ปีที่แล้ว 
หากแต่เขาเป็น Stalker ที่แอบติดตามพระราชินีวิกตอเรียผู้งามสง่าและสูงส่ง 
และแน่นอน สถานที่ที่ "บอยโจนส์" จะแอบติดตามพระราชินีได้ก็คือ พระราชวังบักกิ้งแฮม นี่แหละประเด็นสำคัญ 
ความอยากรู้อยากเห็นในทุกเรื่องของพระราชินีวิกตอเรียของ "บอยโจนส์" สร้างความปั่นป่วนไปทั่วทั้งพระราชวัง ฉีกหน้ามาตรการรักษาความปลอดภัยของพระราชวังอย่างสิ้นเชิง 
"บอยโจนส์" สามารถเข้าไปป้วนเปี้ยนชมสวนต้องห้ามได้อย่างสบายอารมณ์  
แอบดู แอบฟัง และรื้อค้นข้าวของส่วนพระองค์ของพระราชินีเป็นว่าเล่น และมีหลายๆ ครั้งที่เขามีโอกาสเข้าไปใกล้ชิดพระราชินีถึงห้องพระบรรทม และอยู่ใกล้ขนาดแอบอยู่ใต้โซฟาที่พระองค์ประทับ 
...ไม่มีใครรู้ว่าความจริงเขาแอบเข้าไปในวังกี่ครั้งกันแน่ แต่เท่าที่ถูกจับได้มีอยู่ด้วยกันสามครั้ง จุดประสงค์ในการลอบเข้าไปสำรวจภายในวังของเด็กชายโจนส์อาจจะไม่มีอะไรมากไปกว่าการอยากรู้อยากเห็น อยากสัมผัสกับบรรยากาศ และชีวิตความเป็นอยู่ใน "บ้าน" ของเจ้าแผ่นดินที่เรียกได้ว่าเป็นบ้านที่เลิศเลอหรูหรากว่าคนทั้งปวง แต่การที่เด็กคนนี้บังอาจ "ละลาบละล้วง" กลับกลายเป็นเรื่องใหญ่โตหลายประเด็นด้วยกัน ซึ่งประเด็นที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องราวความปลอดภัยของพระราชินี 
การดึงดันลอบเข้ามาเตร็ดเตร่ในวังของเด็กชายหลายครั้งกลายเป็นชนวนเหตุให้มีการปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยในเขตพระราชฐานเคร่งครัดขึ้น แต่ในส่วนของเด็กชายโจนส์ที่ไม่เคยละความพยายามแม้จะถูกลงโทษด้วยการขังคุกและถูกใช้ให้ทำงานหนัก ก็ยังไม่สามารถหยุดยั้งความพยายามในการเล็ดลอดเข้าไปในเขตพระราชฐานของเขาได้...(คำนำผู้แปล)
เรื่องราวของ stalker ในตำนานอาจสร้างความขบขันไปทั่วทั้งอังกฤษกลายเป็นบุคคลที่ใครๆ ก็กล่าวถึง
แต่พฤติกรรมนี้ก็นำพาเขาไปสู่ชะตากรรมที่ไม่ค่อยสวยนัก



ภาษากายในที่ทำงาน (สำนักพิมพ์มติชน, จำนวน 176 หน้า, ราคา 130 บาท) พลอยแสง เอกญาติ แปลจากเรื่อง Body Language in the Work Place ผลงานของ Allan และ Barbara Pease

การที่จะได้รู้ว่าคนที่เรากำลังพูดคุยสนทนา หรือติดต่อธุรกิจด้วย คิดอย่างไร รู้สึกอย่างไร ลำพังอาศัยแค่ภาษาพูด ภาษาเขียน อาจจะยังไม่พอ อาจจะมีอะไรที่ปิดบังที่เขาไม่ได้พูดออกมา
แต่ภาษากายแทบจะปิดบังกันไม่ได้ เพราะมันเป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกที่แท้จริงของบุคคลนั้นๆ 
ซึ่งถ้าเราเข้าใจภาษากาย เราก็จะเข้าใจว่าคู่สนทนา เจ้านาย ลูกน้อง คนสัมภาษณ์งาน ลูกค้านั้น กำลังรู้สึกอย่างไรกับเรา หรือเราควรมีภาษากายแบบไหนที่จะโน้มน้าวให้อีกฝ่าย มีความรู้สึกที่ดี หรือให้รู้สึกเป็นไปอย่างที่เราต้องการ 
หนังสือเล่มนี้จะบอกถึงภาษากายของผู้คน โดยเน้นเฉพาะคนทำงานในสถานการณ์ต่างๆ ตั้งแต่ การสัมภาษณ์งาน การนำเสนอในที่ประชุม ไปจนถึงเจรจาธุรกิจ การพูดคุยระหว่างเจ้านายลูกน้อง ระหว่างผู้ร่วมงานด้วยกันเอง
สีหน้า ท่าทาง การยืน การนั่ง การจับมือ ตลอดจนน้ำเสียง สายตา แม้แต่การทาลิปสติก ล้วนแล้วแต่สำคัญ การอ่านปฏิกิริยาจากสิ่งเหล่านี้ออกได้อย่างเข้าใจ ก็จะทำให้เราอ่านใครก็ได้ในโลกนี้ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เช่น
ถ้าอยากเป็นเจ้านายที่รักของลูกน้อง เขาก็บอกว่า "เจ้านายไม่ควรนั่งตรงข้ามกับลูกน้องในลักษณะเผชิญหน้าหากอยากเป็นที่รักของลูกน้อง ตำแหน่งดังกล่าวทำให้คนสองคนมีแนวโน้มที่จะทะเลาะกัน อึดอัด และจำไม่ได้ว่าพูดอะไรไปบ้าง การนั่งเผชิญหน้ากับผู้อื่นทำให้เกิดความรู้สึกไม่ดีต่อกัน ตำแหน่งดังกล่าวควรใช้เฉพาะเมื่อคุณต้องการตำหนิใครสักคนหรืออยากรู้สึกเหนือกว่า"

และสำหรับผู้หญิง การยิ้มยังต้องมีเทคนิคนะคะ "นักธุรกิจหญิงที่ยิ้มมากเกินไปอาจถูกมองว่ายอมจำนนพอๆ กับชอบเอาอกเอาใจ เพราะรอยยิ้มของผู้หญิงคือ "เหรียญตราแห่งการพะเน้าพะนอ" และมักถูกใช้เพื่อปลอบประโลมผู้ชายที่มีอำนาจมากกว่า
ดังนั้น ผู้หญิงควรยิ้มให้น้อยลงเมื่อทำธุรกิจกับผู้ชายที่มีสถานะสูงกว่า หรือให้ยิ้มพอๆ กับที่ฝ่ายชายยิ้ม
ในขณะเดียวกัน หากผู้ชายต้องการจูงใจผู้หญิงให้มากขึ้นในการทำธุรกิจ พวกเขาก็ต้องยิ้มให้มาก

นอกจากนั้น จุดเด่นของหนังสือเล่มนี้คือ...ผู้เขียนได้รวมความสำคัญของการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างไอโฟน แบล็กเบอร์รี่ สไกป์ เฟซบุ๊ก พาวเวอร์พอยต์ ฯลฯ เอาไว้เพื่อให้คุณก้าวล้ำนำเกมในที่ทำงาน อีกทั้งยังไม่ลืมคำนึงถึงความเป็นสากลที่มีมากขึ้นในการติดต่อธุรกิจ เมื่อคุณอาจต้องสัมมนาไกลแบบข้ามทวีป หนังสือเล่มนี้ก็มีเทคนิคการประชุมทางไกลทั้งแบบเสียงและแบบภาพให้คุณรู้เคล็ดลับก่อนใครด้วย...
อ่านแล้วก็ลองลอบมองทอดสอบเพื่อนร่วมงานข้างๆ ดูซิคะ สนุกดีนะ



ฉลาดพูดกด Like (สำนักพิมพ์เอ็กซเปอร์เน็ท, จำนวน 132 หน้า, ราคา 175 บาท) โดย ลุงไอน์สไตน์

...ทักษะการพูดอันยอดเยี่ยมและชาญฉลาด ย่อมชนะใจผู้ฟังและนำมาซึ่งความสำเร็จในทุกโอกาสและทุกสถานการณ์  
ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร หนังสือเล่มนี้มีเคล็ดลับที่จะช่วยเพิ่มพลังการพูดของคุณสู่สุดยอดการพูดแบบอัจฉริยะที่พูดแล้วเอาชนะใจคนได้ทุกที่ ทุกเวลาและทุกโอกาส 
การพูดเป็นวิธีการการสื่อสารที่ทรงพลังมากที่สุดในการสื่อสารระหว่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการสนทนาในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงการหาเสียงระดับประเทศของชาติมหาอำนาจ อย่างเช่น ในสหรัฐอเมริกา ที่ชี้ให้เห็นเลยว่าการพูดเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้ง แต่แม้ว่าการพูดจะจำเป็นและมีพลังมากอย่างไร ก็ยังมีอีกหลายคนที่พูดได้ไม่ค่อยดีนัก หรือไม่ดีได้ดั่งใจ ซึ่งเราสามารถฝึกหัด ฝึกฝน เรียนรู้กลยุทธ์การพูดในหลายๆ รูปแบบได้

หนังสือเล่มนี้ประกอบไปด้วยตัวอย่างการพูดในชีวิตประจำวันและในสถานการณ์ต่างๆ ที่พูดยาก จนเราไม่อยากจะพูดเอาเสียเลย โดยหนังสือเล่มนี้มีเทคนิคที่สามารถเอาไปใช้ได้ง่ายๆ ทำให้เรามั่นใจในการพูดครั้งต่อไปมากยิ่งขึ้น...
คราวนี้ล่ะเคยป๊อดๆ ก็มั่นใจขึ้นแล้วอ่ะ



ทางอีศาน (ประจำเดือน ตุลาคม 2555, ราคา 100 บาท)

"เกิดมาชาติหนึ่ง ต้องไปไหว้ธาตุพนมสักครั้ง" คำพูดที่ชาวอีสานบอกต่อกันมารุ่นแล้วรุ่นเล่า ทางอีศานนำเสนอบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้ผ่านบทความถึง 4 เรื่อง ในแง่มุมต่างๆ 
นอกจากนั้น ภายในเล่มยังอัดแน่นไปด้วยเนื้อหาที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพจริงๆ

สำหรับเรื่องเด่นประจำฉบับ 
ตรงกับเจตนารมณ์ของเขาที่บอกว่า นี่คือนิตยสารของชาวอีสานและคนไทยทุกภูมิภาค จริงๆ ค่ะ



สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฉบับเสริมการเรียนรู้ เล่ม 18 (โครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน, จำนวน 192 หน้า, ราคา 80 บาท) เรียบเรียงโดย วันทนา อยู่สุข, อนุวัฒน์ นทีวัฒนา, จารุวัฒน์ นภีตะภัฏ, ชลอ ลิ้มสุวรรณ, ปกรณ์ อุ่นประเสริฐ

สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่ม 18 นี้ เนื้อหาเป็นเรื่องของสัตว์ประเภทไม่มีกระดูกสันหลัง 3 ชนิด คือ หอย ปลาหมึก และกุ้ง 
โดยเรื่องแรกเป็นเรื่อง หอย ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีจำนวนมากรองจากแมลง มีทั้งหอยบก หอยน้ำจืด หอยทะเล เนื้อหาในส่วนนี้บอกเล่าถึงลักษณะทั่วไปของหอย การจัดจำแนกชนิดหอยตามหลักการต่างๆ ให้รู้จักรูปร่างของหอยแต่ละชนิด รวมทั้งประโยชน์และอันตรายของหอย

ต่อมาเป็นเรื่อง ปลาหมึก สัตว์ที่ถูกนักสัตววิทยาลดชั้น จากสัตว์มีกระดูกสันหลังมาเป็นสัตว์จำพวกหอย เพราะมีกำเนิดจากบรรพบุรุษที่เป็นหอย ในส่วนนี้ผู้เขียนได้มีการสอดแทรกเรื่องเล่าจากตำนานสู่ความจริงทางวิทยาศาสตร์ไว้อย่างสนุกสนาน และให้ข้อมูลการแบ่งกลุ่ม พฤติกรรมอันชาญฉลาดในการใช้กลวิธีหลบหลีกศัตรูเหนือชั้นของปลาหมึก เรื่องน่าทึ่งเกี่ยวกับการสื่อสารความพร้อมผสมพันธุ์กับเพศเมียของปลาหมึก ที่เราอาจไม่เคยรู้มาก่อน

และลำดับสุดท้าย เป็นเรื่องของ กุ้ง ผู้เขียนได้เปิดฉากด้วยการเล่าเรื่องนิยายปรัมปรา เหตุใดกุ้งจึงมีขี้บนหัว ซึ่งเป็นที่มาของสำนวน "กลัวจนขี้ขึ้นสมอง" ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีแต่อาจยังไม่รู้ถึงที่มาที่ไป

นอกจากนั้นก็อธิบายลักษณะทั่วไป ความแตกต่างของกุ้งแม่น้ำและกุ้งทะเล รวมทั้งกุ้งแต่ละชนิด กุ้ง "คอนโด" การผสมพันธุ์และการพัฒนาของตัวอ่อนกุ้ง
เรื่องราวของกุ้งเครย์ฟิช หรือ "กุ้งลอบสเตอร์น้ำจืด" ที่ใช้ประกอบอาหารและเลี้ยงพระราชอาคันตุกะ ในงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี



HEALTH & CUISINE (ฉบับเดือนตุลาคม 2555, ราคา 90 บาท)

ฉบับนี้นำเสนอ "จานอร่อยจากข้าว เรื่องเล่าจากนาเกลือ" ซึ่งนอกจากจะพาผู้อ่านไปย่ำนาเกลือแล้ว ยังมีสูตรอาหารอร่อยที่ทำจากเกลือมาให้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น กุ้งคั่วพริกเกลือ ปลากระบอกเผาเกลือ พล่าปลาหมึกเค็ม อาหย่อยๆ ทั้งน้านเลยล่ะ 
และยังมีเค้กมันฝรั่งพิเศษตำรับ Le Cordon Bleu Dusit มาสอนเทคนิคทำเค้กมันฝรั่งให้เรียงชั้นสวย กรอบ อร่อย 
โดยนอกจากเค้กแล้วจะมาเผยทั้งสูตรและเคล็ดลับอาหารจานหลักที่ทำจากเนื้อเซอร์ลอยตำรับฝรั่งเศสแท้ๆ แล้วแหละ


และปิดท้าย ขอแสดงความยินดีกับนักเขียนรางวัลซีไรต์คนล่าสุด วิภาส ศรีทอง ที่สามารถนำผลงานเรื่อง คนแคระ เข้าวิน
คว้ารางวัลไปครองในปีนี้




* * * * * * * * * * * * * * *

"อ้าปากกว้างๆ นะครับ โอ้โห นี่ฟันผุมากเลยนะ คงจะต้องถอนแล้วล่ะ" คุณหมอเห็นแล้วว่าเคสนี้ยากจะเยียวยา

ขณะที่คุณหมอกำลังฉีดยาชา ก็ต้องสะดุ้งสุดตัว ไม่ใช่แทงเข็มใส่มือตัวเองหรอกนะยะ แต่มีมือมือหนึ่งมากำหมับเข้าที่เป้ากางเกง
"เอ้อ ขอโทษนะครับกำลังกำเป้ากางเกงผมอยู่นะครับ" มือนั้นไม่ใช่ของใครที่ไหนแต่เป็นของคนไข้ที่นอนหน้าซีดแต่ยิ้มเผล่อยู่บนเตียงนั่นเอง

"ก็ใช่น่ะซิคะหมอ เพื่อเป็นหลักประกันไงคะว่า
เราจะไม่สร้างความเจ็บปวดให้แก่กัน"



* * * * * * * * * * * * * * *

ผู้หญิงคนหนึ่งได้ว่าจ้างให้จิตรกรวาดรูปเหมือนของเธอ โดยมีเงื่อนไขพิเศษว่า

"คุณจะต้องวาดภาพให้ฉันเหมือนว่าฉันใส่ต่างหูเพชร สร้อยคอเพชรเป็นระย้า สร้อยข้อมือเป็นมรกตประดับเพชร แหวนก็เป็นทับทิมล้อมเพชร ส่วนข้อมืออีกข้างก็ใส่นาฬิกาโรเล็กซ์เรือนทองฝังเพชร"

"แต่ว่าคุณผู้หญิงไม่ได้ใส่ของพวกนี้จริงๆ เลยนี่ครับ" คุณจิตรกรชักสงสัย
"ฉันรู้..."

"และฉันก็รู้ว่าถ้าฉันตายไป สามีฉันต้องแต่งงานใหม่แน่ๆ และฉันต้องการให้ยัยเมียใหม่นั่นตามหาเครื่องประดับเหล่านี้จนคลั่งตาย"




.