.
ผลประโยชน์อเมริกา...ท่าทีฝ่ายค้าน บีบรัฐบาลได้หรือ?
โดย มุกดา สุวรรณชาติ คอลัมน์ หลักศิลากลางน้ำเชี่ยว
ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 03 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1642 หน้า 29
ข่าวเกี่ยวกับอเมริกามีสองข่าวคือการขึ้นบัญชีดำ นางนลินี ทวีสิน รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในข้อหาว่าติดต่อธุรกิจกับครอบครัวของ นายโรเบิร์ต มูกาเบ ประธานาธิบดีซิมบับเวซึ่งเป็นประเทศที่อเมริกาคว่ำบาตร (Smart/Targeted Sactions) ไม่น่าเชื่อว่าข่าวนี้ทำให้มาตรฐานการต่อต้านเผด็จการของพรรคฝ่ายค้านไทยยกระดับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
โดยขอให้นายกฯ ทบทวนหรือปลดรัฐมนตรีคนนี้
ข่าวที่สอง อเมริกาประกาศเตือนพลเมืองของตนเองเรื่องภัยก่อการร้ายในประเทศไทยแม้ภายหลังประเทศไทยขอให้ถอนคำประกาศนั้น แต่อเมริกาก็ไม่ยอมถอน เพราะอเมริกาย่อมยึดถือผลประโยชน์ของคนอเมริกา และมีมาตรฐานแบบอเมริกัน
ส่วนเรื่องบ้านเราจะเสียประโยชน์อย่างไรนั้นไม่เกี่ยวกับพวกเขา
เป็นเรื่องธรรมดา
ที่ผลประโยชน์อเมริกาต้องมาก่อน
การกระทำของอเมริกาที่มีผลกระทบต่อประเทศไทย มีมาตลอด ขึ้นอยู่กับว่าผู้นำประเทศแต่ละยุคจะรู้ทันหรือใจแข็งพอที่จะไม่มองเศษเงินดอลลาร์เป็นพระเจ้า เมื่ออเมริกายึดถือผลประโยชน์ของประเทศตนเองเป็นใหญ่ จึงไม่สนใจว่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น เมื่อลากประเทศอื่นเข้าไปร่วมในความขัดแย้ง การเข้าร่วมสงครามเวียดนามและเกาหลีคือบทเรียนของไทยที่มีคนกลุ่มหนึ่งได้เงิน พาคนไปตายในสงครามตามข้ออ้าง ต้านคอมมิวนิสต์
หลังเหตุการณ์ถล่มตึกเวิลด์เทรด อเมริกาขายอุดมการณ์ต้านผู้ก่อการร้าย ปี 2544 ขณะที่ บิน ลาเดน กลายเป็นผู้ร้ายตัวเอกอเมริกา โดยคนของ CIA ชี้ช่องให้ทางการไทยจับกุมแกนนำ กลุ่มอัลกออิดะห์ ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา มีคนได้รางวัลนำจับไป 10 ล้านเหรียญ
แต่หลังจากนั้นสถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนใต้ก็แรงขึ้น เกิดกรณีปล้นปืน, กรือเซะ, ตากใบ ไทยใช้เงินไปแก้ปัญหาเป็นแสนล้าน แต่ปัญหาก็ยังคงเป็นปัญหาเหมือนเดิม
วันนี้อเมริกาชี้ช่องให้รัฐบาลไทย จัดการกับคนของ ฮิซบอลเลาะห์ (Hezbollah) ที่เดินทางเข้ามาในไทย ซึ่งรัฐบาลจะต้องกำหนดท่าทีให้ดี เพราะฮิซบอลเลาะห์เป็นพรรคการเมืองในเลบานอน ซึ่งมีที่นั่ง 23 ที่นั่ง มีกองกำลังอาวุธ มีประเทศใหญ่ คืออิหร่านและซีเรียหนุนหลัง ทุกวันนี้ยังสู้รบกับอิสราเอลอยู่ประปราย
ถ้าเดินแต้มไม่ดี ไทยจะได้ศัตรูที่น่ากลัวเพิ่มอีกหนึ่งกลุ่ม
นโยบาย
เรื่องผลประโยชน์ของอเมริกาในต่างแดน
ผู้วิเคราะห์มีความเห็นเรื่องปฏิกิริยาของฝ่ายต่างๆ ในประเทศไทยต่อท่าทีหรือนโยบายทางการเมืองของอเมริกาที่แสดงออกโดยเห็นว่าทุกฝ่ายเลือกนำมาใช้ กล่าวอ้างสนับสนุนเฉพาะส่วนที่เป็นประโยชน์แก่ฝ่ายตน แสดงว่ากลุ่มต่างๆ เหล่านี้ไม่เพียงไม่ยอมรับความจริงแต่ยังไม่เข้าใจการเมืองระหว่างประเทศและผลประโยชน์ของมหาอำนาจในยุคปัจจุบัน (ที่จริงส่วนใหญ่เป็นผลประโยชน์ของกลุ่มนายทุน) ซึ่งมีนโยบายกำหนดไว้อย่างแน่นอนมานานแล้ว
ผลประโยชน์ของอเมริกามีอยู่ทุกหนแห่ง ทั่วโลก ทั้งวัตถุดิบ พลังงาน ตลาดการค้า อเมริกามีคนไม่ถึง 7% ของโลก แต่มีทรัพย์สินและบริโภค เกินกว่า 1 ใน 3 จึงต้องมีแผนการในการแสวงหาทรัพยากรทุกชนิดแม้แต่มนุษย์
นักวางแผนของสหรัฐเห็นว่า ภัยคุกคามอันดับแรกต่อระเบียบโลกใหม่ที่สหรัฐเป็นผู้นำนั้น คือลัทธิชาตินิยมของโลกที่สามซึ่งเป็นระบอบการปกครองแบบชาตินิยมที่ตอบสนองต่อประชาชนให้มีการปรับปรุงมาตรฐานชีวิตที่ต่ำของมวลชนส่วนใหญ่ในทันที รวมทั้งการผลิตเพื่อสนองความจำเป็นภายในประเทศ ไม่ใช่การขายเพื่อทำกำไร จึงต้องป้องกันมิให้รัฐบาลแบบนี้ขึ้นครองอำนาจ
แต่ถ้าเกิดได้อำนาจขึ้นมา ก็ต้องหาทางกำจัดทิ้งและตั้งรัฐบาลที่สนับสนุนการลงทุน หรือให้ประโยชน์แบบที่อเมริกาต้องการ
บทบาทของอเมริกาตอนที่บุกอิรัก ข้ออ้างในการกวาดล้างผู้ก่อการร้ายและค้นหาอาวุธร้ายแรงเช่นเคมีหรือนิวเคลียร์ ไม่มีการพูดถึงอีกเพราะสุดท้ายก็พบแต่เลือดและน้ำมัน ในที่สุดบริษัทน้ำมันของชาติตะวันตกและจีนก็เข้ามารับสัมปทานน้ำมัน นำไปขายต่อ ร่ำรวยกันท่ามกลางซากศพของชาวอิรัก
สำหรับประเทศไทยในอดีต การรัฐประหาร 6 ตุลาคม 2519 ซึ่งเกิดการสังหารหมู่อย่างโหดเหี้ยมกลางกรุงเทพฯ ก็ด้วยการสนับสนุนของอเมริกาที่มีความกังวลว่าลัทธิคอมมิวนิสต์จะขยายเข้ามาในประเทศไทยจึงจำเป็นต้องกวาดล้างและสนับสนุนรัฐบาลที่ตัวเองควบคุมได้และภายหลังเมื่อเหตุการณ์ไม่ได้เป็นไปตามที่คาดไว้ก็ได้ปรับเปลี่ยนนโยบายใหม่
กรณีท่าทีต่อพม่า อเมริกาแซงก์ชั่นพม่ามาตลอด ในขณะที่จีนสนับสนุนอย่างเงียบๆ และไทยจำเป็นต้องวางตัวให้เหมาะสมในฐานะเพื่อนบ้าน
ไทยไม่ทำตามอเมริกาเพราะต้องการรักษาผลประโยชน์ของไทยในพม่า แต่อเมริกาก็ไม่กล้าขึ้นบัญชีดำ ผู้ทำธุรกิจกับพม่า ดังนั้น จีนและไทยจึงเป็นผู้ลงทุนอันดับ 1 อันดับ 2 ในพม่า
เมื่อพม่ามีท่าทีว่าจะเปิดประเทศ อเมริกาต้องรีบปรับตัว 360 องศา เพื่อมาร่วมเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ในพม่า
การไปเต้นตามอเมริกาจึงไม่ใช่ท่าทีที่ถูกต้อง แต่นักการเมืองและพวกที่เลือกข้างก็จะอาศัยความเห็นของอเมริกามาใช้เป็นฐานอ้างอิงสนับสนุนความเห็นหรือข้อเสนอของตนเอง
เช่น กรณีกฎหมายมาตรา 112 ความเห็นอเมริกาต่อกฎหมายมาตรานี้ทำให้สถานทูตอเมริกาได้รับทั้งก้อนอิฐและดอกไม้จากทั้งสองฝ่าย
การตั้งรัฐมนตรี นลินี ทวีสิน
แรงสะท้อนของเผด็จการไปไกลถึง 3 ทวีป
ที่จริงแล้วความเหมาะสมของคนเป็นรัฐมนตรีขึ้นอยู่กับคุณสมบัติส่วนตัวว่าเป็นคนดีมีความสามารถหรือไม่ ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับความเห็นของรัฐบาลอเมริกาและชาติตะวันตก ซึ่งอยู่ในทวีปยุโรปและอเมริกา
เพราะเหตุผลที่แท้จริงของชาติเหล่านี้คือปัญหาที่มีต่อประธานาธิบดีมูกาเบซึ่งอยู่ในทวีปแอฟริกา
พวกเขาไม่พอใจมูกาเบ้และต้องการให้รัฐบาลไทยซึ่งอยู่ในทวีปเอเชียสนับสนุนการแซงก์ชั่นมานานแล้ว ตั้งแต่ปี 2550
ตอนที่ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ทูตอเมริกาและอังกฤษเคยขอให้ไทยร่วมมือในการสมาร์ต แซงก์ชั่น แต่ฝ่ายไทยไม่เห็นด้วยเพราะไม่ได้อยู่ภายใต้มติของ UN และนอกจากนั้นมูกาเบและภรรยายังมีสัมพันธ์ที่ดีต่อไทย บุตรชายก็เคยศึกษาอยู่ ABAC
ทำไมรัฐบาลมูกาเบต้องถูกแซงก์ชั่น
โรเบิร์ต มูกาเบ เป็นผู้นำการต่อต้านการปกครองของคนผิวขาวและได้สู้รบแบบกองโจรจนอังกฤษต้องให้เอกราชแก่ซิมบับเวในปี 2523 ในขณะที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เขาใช้นโยบายปฏิรูปที่ดินโดยยึดที่ทำกินของคนผิวขาวซึ่งเป็นที่ส่วนใหญ่ของประเทศมาจัดสรรมาจัดสรรให้ชาวซิมบับเวผิวดำ จนถูกประเทศตะวันตกใช้มาตรการแซงก์ชั่น และถอนจากสมาชิกเครือจักรภพ
ปี 2551 มีการเลือกตั้งทั่วไปเกือบทุกตำแหน่ง เช่น ประธานาธิบดี วุฒิสภา สภาผู้แทนราษฎร สภาท้องถิ่น พรรค ZANU-PF ของ มูกาเบได้เพียง 43% แพ้พรรค MDC ของ นายมอร์แกน ชังกิราย ซึ่งได้คะแนน 48%
เมื่อไม่มีใครได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่ง ทำให้มีการเลือกตั้งรอบสอง การแข่งขันที่รุนแรง 2 รอบ มีการใช้กำลังข่มขู่ประชาชนในหมู่บ้านที่สนับสนุนฝ่ายค้าน (แต่ไม่ได้บอกว่าไปหายาเสพติด) ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ในช่วงเวลาไม่กี่เดือนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 85 คน นายมอร์แกนถอนตัว มูกาเบได้คะแนนรอบ 2 ถึงร้อยละ 85
แต่ภายหลังมีการเจรจากัน จัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ มูกาเบดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีและคุมกำลังทหารและมอร์แกนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
การจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติได้รับการสนับสนุนจากชาวซิมบับเวและประเทศในแอฟริกา แต่ประเทศตะวันตกก็ยังคงมาตรการแซงก์ชั่นเหมือนเดิม
มูกาเบแก้ปัญหาด้วยขอความสนับสนุนจากลิเบีย และติดต่อกับจีนและมาเลเซียเพื่อผลประโยชน์ทางการค้าการลงทุน
จะเห็นว่าแม้ในยุคของพลเอกสุรยุทธ์ ไทยก็ไม่หลวมตัวไม่เข้าร่วมมาตรการแซงก์ชั่นกับอเมริกา
และในช่วงเวลาที่เกิดการต่อสู้และสังหารประชาชนในซิมบับเวไป 85 คน ในประเทศไทยก็มีเหตุการณ์ตุลาการภิวัฒน์โค่นล้มรัฐบาลจากการเลือกตั้งของนายกฯ สมัคร สุนทรเวช และนายกฯ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ จนถึงในเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 ก็มีการสังหารประชาชน เสียชีวิตไป 85 คนเช่นกันแต่อเมริกาไม่ได้มีท่าทีแซงก์ชั่นหรือมีมาตรการกดดันอะไรต่อรัฐบาลไทยชุดนั้น
ในขณะที่ช่วงเวลานั้นมีการแซงก์ชั่นรัฐบาลพม่า พอถึงปี 2554 กระแสความนิยมต่อประชาชนของพรรคเพื่อไทยสูงขึ้นจนได้รับการเลือกตั้ง อเมริกาและประเทศตะวันตกก็เข้าสนับสนุน นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตั้งแต่ กกต. ยังไม่รับรอง
จะเห็นว่าเมื่อประเทศมหาอำนาจอย่างอเมริกาจะทำเรื่องผิดร้ายแรงแค่ไหน ก็ไม่มีใครกล้าแซงก์ชั่น เช่นเดียวกับ จีนในทุกวันนี้ที่ทุกประเทศต้องเกรงใจ จนตัวงอ
โลกนี้ใครมีเงิน มีกำลัง คนก็เกรงใจ
ให้ยกเลิกการตั้งรัฐมนตรี
เพราะเคยคบหากับผู้นำเผด็จการ
มาตรฐานนี้ใครกำหนด
ผู้วิเคราะห์ได้ข่าวว่าการปรับรัฐมนตรีครั้งนี้เกิดอาการรวนเร เมื่อมีเสียงท้วงเรื่องบัญชีดำทางธุรกิจของอเมริกา มีชื่อคุณนลินี ตอนแรก รัฐบาลทำท่าจะถอย แต่ต่อมาก็เปลี่ยนใจ ไม่ยอมตามความเห็นของฝ่ายค้าน
ซึ่งทีมวิเคราะห์เห็นว่าถูกต้องแล้ว เพราะความฝันสูงสุดของฝ่ายค้านชุดนี้คือให้นายกฯ หรือรัฐมนตรีลาออก
ส่วนอเมริกาต้องรักษาผลประโยชน์ของเขาเป็นหลัก เราก็ต้องรักษาผลประโยชน์ของเรา ผลงานและบทบาทของ คุณนลินี ทวีสิน ในตำแหน่งรัฐมนตรีจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเธอมีคุณค่าพอที่จะอยู่ในตำแหน่งนี้หรือไม่ จะทำประโยชน์อะไรให้กับประเทศไทย ที่ฟังจากคำร่ำลือคือมีความกว้างขวาง รู้จักกับสื่อต่างประเทศมากพอสมควร แม้การแบ่งงานจะได้รับเรื่องการดูแลเอกลักษณ์ของชาติ แต่จากข้อมูลภายในพอทราบว่า เธอจะต้องดูแล รับผิดชอบ งานสื่อสารมวลชนระหว่างประเทศซึ่งจะเป็นการสร้างภาพลักษณ์และเน้นบทบาทของทั้งนายกฯ รัฐบาล และประเทศไทย ในช่วงที่การเคลื่อนไหวทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจกำลังอยู่ในยุคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ส่วนเรื่องเคยคบหากับครอบครัวประธานาธิบดีมูกาเบ แล้วกลัวว่า คุณนลินี รมต.ประจำสำนักนายกฯ จะติดเชื้อเผด็จการมาจากแอฟริกา จึงไม่สมควรเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ผู้วิเคราะห์เห็นว่า เชื้อโรคเผด็จการเมืองไทยแรงกว่า และได้กลายพันธุ์จนมีโครงสร้างของเซลล์ ที่ซับซ้อน ดื้อยา รักษายาก
ถ้าจะใช้เหตุผลเดียวกันนี้กำหนด คุณสมบัติและชี้ว่าใครที่เกี่ยวข้องกับเผด็จการเป็นรัฐมนตรีไม่ได้ จะทำให้คนจำนวนมากที่ทำรัฐประหารและสนับสนุนการรัฐประหารในประเทศไทย ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการร่างรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการสังหารประชาชน ในเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 จะไม่สามารถเป็นรัฐมนตรีได้เลย
ถ้าเข้าใจเหตุผลแล้ว ก็ไม่ต้องคิดเรื่อง ลาออกหรือเปลี่ยนตัว
สิ่งที่คุณนลินีทำ เป็นเพียงแค่คนที่เดินผ่านกระทะแกงไก่แล้วมีกลิ่นแกงลอยมาติดเสื้อผ้าและผิวกาย แต่ยังมีคนจำนวนมาก มีพฤติกรรมแบบเผด็จการ นับตั้งแต่การรัฐประหาร 2549 เทียบได้กับคนที่ลงมือเชือดไก่ ถอนขน ตำน้ำพริก ลงทุนเผาความยุติธรรมเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิง ในขณะที่แกงเดือดพล่านอยู่บนกระทะทุกคนก็โผล่หน้ามาฉลองและแสดงความหิวกระหาย อำนาจ
ดังนั้น เพียงแค่คุณนลินีเดินผ่านกระทะแกงแล้วพวกเชือดคอไก่ประณามเธอว่าผิดศีลข้อ 1 คงจะเป็นเรื่องตลกที่หัวเราะไม่ออกของคนไทยไปตลอดปี 2...5...5...5
++
สถานการณ์อ่อนไหว
โดย นายดาต้า คอลัมน์ เมนูข้อมูล
ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 03 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1642 หน้า 21
ในแวดวงการเมืองมีข่าวลือกระหึ่ม กลุ่มจ้องล้มรัฐบาล ทำพิธีทางไสยศาสตร์ในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาปลุกให้ทหารทำปฏิวัติ
หลังพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง ข่าวการปฏิวัติยังไม่เคยจางหายไปจากกระแส
ทั้งนี้ เพราะดูเหมือนว่าในเส้นทางประชาธิปไตย แทบไม่มีความเป็นไปได้ที่พรรคซึ่งฝ่ายกองทัพให้การสนับสนุนจะชนะการเลือกตั้ง
บทบาทของทหารที่จะเข้ามาคอนโทรลการเมืองเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก หากที่มาของผู้จะเข้ามากุมอำนาจรัฐยังต้องผ่านการเลือกตั้ง
ในสภาวะที่ปลุกกระแสจนความไม่ยอมรับในระบอบประชาธิปไตยกลายเป็นเรื่องปกติ การพยายามทุกวิถีทางที่จะหาเหตุให้ทหารมีความชอบธรรมในการทำรัฐประหารจึงเกิดขึ้นตลอด
และทำท่าว่าจะได้ผล
ผลสำรวจของเอแบคโพลล์ล่าสุด ที่ตั้งคำถามให้ประชาชนตอบว่าคิดอย่างไรกับเรื่องใหญ่โตของประเทศ
เรื่องแรก การปลุกระดมของกลุ่มคนที่จ้องทำลายสถาบันหลักของชาติ ประชาชนแสดงความเป็นห่วงในเรื่องนี้ถึงร้อยละ 93.4
เรื่องความแตกแยกของคนในชาติ มีคนถึงร้อยละ 80.6 ที่เป็นห่วง
โดยประชาชนร้อยละ 71.8 รู้สึกว่าประเทศไทยมีแต่เรื่องวุ่นวายไม่รู้จบ
อาจจะเป็นเพราะจับความรู้สึกนี้ได้ จึงมีความพยายามที่จะตอกย้ำความกังวลให้กับกระแสประชาชน โดยโหมกระหน่ำออกมาใช้เรื่องของสถาบันหลักมาเป็นประเด็นความขัดแย้งทางการเมือง
ต่างฝ่ายต่างโจมตีกันรุนแรงถึงขั้นด่าพ่อล่อแม่กันลั่นในโลกการสื่อสารยุคใหม่
เอาเรื่องที่อ่อนไหวมาเป็นเครื่องมือที่จะทำลายฝ่ายตรงกันข้าม
ท่ามกลางความแตกแยกที่ไม่มีทางประนีประนอมกันได้ เพราะมีการช่วงชิงอำนาจวาระซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลัง
อาจจะเพราะรู้ว่าหากปล่อยให้ถูกปลุกเร้าเช่นนี้เป็นไปได้ที่สถานการณ์จะถูกขยายจากการปะทะกันทางความคิดผ่านสื่อ มาเป็นการเปิดฉากถล่มกันด้วยกำลัง
อันหมายถึงความรุนแรงจะเกิดขึ้นอีกครั้งในประเทศไทย
รัฐบาลจึงพยายามทุกวิถีทางที่จะลดเงื่อนไขความร้อนแรงนั้น ด้วยการแสดงออกอย่างชัดเจนว่าจะไม่นำการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องกับสถาบัน
แต่นั่นเป็นเพียงทำให้ฝ่ายที่จ้องล้มล้างรัฐบาลไม่มีข้ออ้างเท่านั้น ไม่ได้ทำให้ขบวนการโค่นล้มหมดไป
ตราบใดที่ยังมองไม่เห็นหนทางว่าจะยึดอำนาจคืนจากพรรคเพื่อไทย หรือเครือข่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จากกลไกของระบอบประชาธิปไตยได้อย่างไร
คนกลุ่มนี้มีแต่ต้องหาทางสร้างเรื่องวุ่นวายให้เกิดขึ้น เพื่อเป็นข้ออ้างในการทำปฏิวัติ
การเมืองกำลังเข้าสู่สถานการณ์ที่อ่อนไหว
รัฐบาลจำเป็นต้องใช้ศิลปะในการบริหารจัดการอย่างสูงยิ่ง
ความคิดที่ว่ามาจากการเลือกตั้ง
คนส่วนใหญ่ของประเทศที่เลือกเข้ามาจะเป็นผนังทองแดง กำแพงเหล็กให้อิงนั้น
คิดได้ แต่จะเป็นจริงอย่างที่คิดหรือไม่นั้น
ประวัติศาสตร์เป็นบทเรียนได้อย่างดี
ทันทีที่เริ่มเอาวิธีการทางไสยศาสตร์เข้าช่วย
ย่อมหมายความว่าจุดแตกหักใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว
.
Selected Messages & Good Article for People Ideas and Social Justice .. หวังความต่อเนื่องของพลังประชาธิปไตยและการเลือกตั้งของปวงชนอันเป็นรากฐานอำนาจอธิปไตย เพื่อกำกับกติกาและอำนาจการเมือง-อำนาจตุลาการ ไม่ว่าต่อคนชั่ว(เพราะใคร?) และคนดี(ของใคร?) ไม่ให้อยู่เหนือนิติรัฐของประชาชน
http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย