http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-01-08

สรกล: ครูชื่อ "สมคิด"/ หนุ่มเมืองจันท์: ไนท์ บุ๊คแฟร์ "โคราช", ช่องว่าง

.

ครูชื่อ "สมคิด"
โดย สรกล อดุลยานนท์ คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12
ในมติชน ออนไลน์ วันเสาร์ที่ 07 มกราคม พ.ศ. 2555 เวลา 20:00:00 น.


แม้จะไม่เห็นด้วยกับทัศนคติทางการเมืองหรือแนวทางการเมืองของ "สมคิด เลิศไพฑูรย์" อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในหลายเรื่องตั้งแต่เหตุการณ์ 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมา

แต่ก็เคารพใน "ความเห็นต่าง"

ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เรื่องความคิดเห็นที่แตกต่างกันเป็นเรื่องธรรมดา

เราจึงไม่แปลกใจที่นักศึกษาจะประท้วงอาจารย์

หรืออธิการบดีลงมารับ "หนังสือประท้วง" จากนักศึกษา

แม้แนวคิดการเมืองหลายเรื่องจะไม่ตรงกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเคารพในตัว "สมคิด" มาก ก็คือ ความเป็น "ครู"

เขาพร้อมแลกเปลี่ยนความเห็นกับนักศึกษา

ใครที่เคยเข้าไปดูเฟซบุ๊กของ "สมคิด" จะเห็นปรากฏการณ์เช่นนี้อยู่เป็นประจำ

นักศึกษาไม่เห็นด้วยกับ "สมคิด" เรื่องวิธีคิดทางการเมืองก็เขียนแย้งอาจารย์ได้

คนเป็นอธิการบดีก็พร้อมจะมาตอบ หรือบางครั้งก็ชมเชยความเห็นต่างว่ามีเหตุผล

หรือตอนที่นักศึกษาธรรมศาสตร์ต้องสอบกลางเทอมหลังน้ำท่วม ซึ่งเลื่อนมานาน

อาจารย์สมคิดนัดประชุมอาจารย์ในมหาวิทยาลัย พร้อมขอความเห็นใจจากอาจารย์ทุกคนให้เข้าใจนักศึกษาถึง "ความไม่พร้อม" เนื่องจากเหตุน้ำท่วม

ขอร้องแต่ลงท้ายว่าไม่มีการบังคับ เพราะธรรมศาสตร์มีเสรีภาพทางวิชาการ


ไม่แปลกที่ "สมคิด" กับกลุ่มนิติราษฎร์ ซึ่งเป็นอาจารย์สอนคณะนิติศาสตร์ด้วยกัน จะมีความเห็นแตกต่างกัน

แต่กลุ่มนิติราษฎร์สามารถใช้ห้องประชุมของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จัดเสวนาเรื่องต่างๆ ได้

ไม่มีการปิดกั้น

และที่ชัดเจนที่สุดที่แสดงถึงความเป็น "ครู" ของ "สมคิด"

คือ กรณี "ก้านธูป"

"สมคิด" อธิบายเหตุผลที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รับ "ก้านธูป" เป็นนักศึกษาด้วยความเป็น "ครู"

เขาเทียบกรณี "ก้านธูป" กับนักศึกษาที่เข้าร่วมกลุ่ม พคท. หลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 แต่สังคมไทยก็ให้โอกาส

คนที่เข้าป่าหรือเป็นคอมมิวนิสต์ในอดีต ข้อหาหนึ่งที่ทุกคนเจอก็คือข้อหาเดียวกับ "ก้านธูป"

ดังนั้น ที่ประชุมคณบดีของธรรมศาสตร์มีมติเป็นเอกฉันท์ให้รับ "ก้านธูป" เป็นนักศึกษา


"สิ่งที่เธอทำก่อนมาเข้าศึกษาใน มธ. เป็นสิ่งที่ยังไม่เคยมีใครแจ้งความจับ มีเพียงแต่บอกทำผิดกฎหมาย ซึ่งกฎ ข้อบังคับของ มธ. ระบุชัดว่าหากนักศึกษาผู้ใดต้องโทษหรือมีคำพิพากษาที่สุดให้จำคุก เว้นแต่ทำผิดลหุโทษ หรือทำความผิดโดยประมาท ถือว่าผิดร้ายแรงถึงมีคำสั่งให้ไล่ออก"

"ดังนั้น ผมจะไล่ก้านธูปได้ก็ต่อเมื่อมีคำพิพากษาที่สุดให้จำคุก ต่อให้ถูกแจ้งความวันนี้ผมก็ไล่เขาออกไม่ได้ เพราะฉะนั้น ผมขอร้องว่าอย่าไล่คนให้ไปจนตรอก ผมคิดว่าคนแต่ละคนก็มีความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกัน"

"ถ้าผมจะจัดการก็คงต้องจัดการกับ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล วรเจตน์ ภาคีรัตน์ หรือปิยบุตร แสงกนกกุล ต้องจัดการไม่รู้กี่คน เพียงเพราะพวกเขาใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของเขาที่แตกต่างกัน"

คนสอนหนังสือในเมืองไทยนั้นหาไม่ยาก

แต่ไม่ใช่ว่าคนสอนหนังสือทุกคนจะเป็น "ครู"

"ครู" ที่เห็นนักเรียน นิสิต นักศึกษา เหมือนลูกหลาน

มีเมตตาและให้โอกาส



* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ข่าวสารที่เกี่ยวข้อง

เปิดใจอธิการบดี มธ. ว่าด้วยเรื่องก้านธูปและม.112 ผมจะไล่เธอออก ถ้าศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก
www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1325655010

.."ศิษย์เก่ามธ." นัดประท้วง "สมคิด" 5 ต.ค. ด้าน "คณาจารย์ต้านรปห." ออกแถลงการณ์หนุน "นิติราษฎร์"
http://botkwamdee.blogspot.com/2011/10/blog-post.html



++

ไนท์ บุ๊คแฟร์ "โคราช"
โดย หนุ่มเมืองจันท์ www.facebook.com/boycitychanFC คอลัมน์ ฟาสต์ฟู้ด ธุรกิจ
ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 09 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1634 หน้า 24


"ไอเดียเรื่องไนท์ บุ๊คแฟร์ ของโหน่งเยี่ยมจริงๆ"

ผมบอก "โหน่ง อะเดย์" ที่บูธสำนักพิมพ์อะบุ๊ค

"ไม่ใช่ของผม" โหน่งปฏิเสธ

"ไอเดียของพี่"

"เฮ้ย...จริงเหรอ"

ผมขี้ลืมขนาดนั้นจริงๆ หรือ

ถ้าจริง หลายชั่วโมงที่ผ่านมา ผมคงคล้าย "คนบ้า" เพราะชมไอเดียตัวเองกับคนอื่น


"โหน่ง" หัวเราะแล้วเริ่มพิธีกรรมระลึกชาติ
วันนั้น "สุรวุฒิ เชิดชัย" นายกเทศมนตรีเทศบาลนครนครราชสีมา พาทีมงานมาประชุมร่วมกับ พี่ชลิต กิติญาณทรัพย์ ผมและ "โหน่ง"
เขาจะจัดงานสัปดาห์หนังสือโคราชครั้งที่ 3
"สุรวุฒิ" เป็นคนบ้าหนังสือ อ่านหนังสือเยอะมาก เยอะระดับ "บินหลา สันกาลาคีรี" ยังเอ่ยปากชม
เขาชวน "มติชน" ไปร่วมจัดงานหนังสือมาแล้ว 2 ครั้งที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี
ประสบความสำเร็จดีทีเดียว
สำนักพิมพ์ต่างๆ ที่ไปร่วมงานยังตกใจ เพราะยอดขายสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้
ที่สำคัญ "สุรวุฒิ" มีบริการเสริมพิเศษที่ช่วยสำนักพิมพ์ต่างๆ
คือ ทุกสำนักพิมพ์สามารถส่งหนังสือผ่านทาง "เชิดชัยทัวร์" ได้
สำนักพิมพ์ต่างๆ ชอบมาก เพราะการขนส่งหนังสือเป็น "ต้นทุน" ที่ทำให้หลายสำนักพิมพ์ไม่อยากไปออกงานในต่างจังหวัด
ปีที่ 3 ของงานสัปดาห์หนังสือโคราชจึงใหญ่ขึ้น เพราะมีสำนักพิมพ์มาร่วมงานเยอะมาก

แต่ปัญหาหนึ่งของงาน 2 ครั้งก่อน ก็คือ พื้นที่จัดงานเป็นพื้นที่กลางแจ้ง ไม่ใช่ศูนย์ประชุมที่มีเครื่องปรับอากาศ
แม้จะเป็นหน้าหนาว แต่ตอนกลางวันร้อนมา
คนส่วนใหญ่จะมาเดินช่วงเย็น
"โหน่ง" บอกว่าเขาเป็นคนเสนอว่าแทนที่จะเริ่มขายตั้งแต่เช้า เราก็เปลี่ยนมาขายตอนเย็นสิ

เล่าถึงตอนนี้เริ่มจำได้แล้วครับ
คำพูดของ "โหน่ง" เหมือนการจุด "ไม้ขีดไฟ" ทางความคิด
ผมแค่ราด "น้ำมัน" ใส่
"งั้นจัดเป็น ไนท์ บุ๊คแฟร์ เลยดีกว่า เหมือนถนนคนเดิน"
คำว่า "ไนท์ บุ๊คแฟร์" เป็นของผม แต่ไอเดียเรื่องขายหนังสือตอนเย็นเป็นของ "โหน่ง"

เฮ้อ...ค่อยยังชั่ว
ในมุมของผมคิดว่าเมื่อ "ถนนคนเดิน" ในต่างจังหวัดจัดขึ้นตอนเย็น และมีคนเดินซื้อของกันคึกคักจนดึก
แล้วทำไม งานหนังสือจะจัดตอนเย็นถึงดึกไม่ได้
นี่คือ การแก้ปัญหางานที่จัดกลางแจ้งแบบง่ายๆ

เมื่อเมืองไทยเป็นเมืองร้อน เราจะดื้อจัดงานตอนกลางวันกันทำไม
ลูกค้าก็ร้อน คนขายก็ร้อน
จัดตอนเย็นถึงดึกๆ ดีกว่าแค่ลงทุนเรื่องไฟเพิ่ม
เวลาจัดงานอาจน้อยลง แต่ปริมาณคนที่แน่นๆ ทำให้งานคึกคัก
และบรรยากาศที่คึกคักจะทำให้คนควักกระเป๋าง่าย

ครับ ผมกับ "โหน่ง" เป็นคนเสนอไอเดีย แต่ในการทำงาน "คนตัดสินใจ" สำคัญที่สุด
คิดดูสิว่าจะมีกี่คนที่กล้าเสี่ยงจัดงานหนังสือตอนกลางคืน
แต่ "สุรวุฒิ" บ้าพอ
"โอเค ปีนี้เราจัดเป็นไนท์ บุ๊คแฟร์"


งานสัปดาห์หนังสือโคราช ครั้งที่ 3 ประสบความสำเร็จสูงมาก
สูงกว่าทุกครั้ง
ส่วนหนึ่ง เพราะเป็นปีที่ 3 ความต่อเนื่องทำให้การรับรู้ทั่วถึงขึ้น
ส่วนหนึ่ง เพราะจัดเป็น "ไนท์ บุ๊คแฟร์" อากาศเย็นสบาย บรรยากาศดีมาก
พอคนคึกคัก ยอดขายกระฉูดเลยครับ
แต่ส่วนสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ดึงดูดคนมาร่วมงาน คือ กิจกรรมในงาน
งานนี้จัดแค่ 4 วัน คือ 2-5 ธันวาคม
แต่วิทยากรที่มาร่วมงาน นักเขียนมีตั้งแต่ ชาติ กอบจิตติ บินหลา สันกาลาคีรี "จุ้ย" ศุ บุญเลี้ยง วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ นิ้วกลม คำ ผกา ฯลฯ
คนดังทั้งหลายก็ระดับ ตัน ภาสกรนที ธนา เธียรอัจฉริยะ ริว จิตสัมผัส พระมหาสมปอง ฯลฯ

"จัดใหญ่กว่ากรุงเทพฯ อีก"
"ต้อ" บินหลา ชม
"มีเงินอย่างเดียวไม่พอ ต้องบ้าด้วย" ผมบอก
ผมแซว "สุรวุฒิ" ว่างานนี้ถือเป็นงานที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน
เพราะเขาอยากคุยกับใครก็เชิญคนนั้นมา
แต่บังเอิญที่คนที่เขาอยากคุยด้วยนั้นล้วนเป็นคนที่สามารถให้ความรู้หรือแรงบันดาลใจให้กับคนทั่วไป
ผลประโยชน์ "ส่วนตัว" จึงกลายเป็นผลประโยชน์ "ส่วนรวม"

เชื่อไหมครับ 4 ทุ่มกว่า คนยังเดินเต็มงาน กิจกรรมบนเวทียังมีคนดูกันแน่น
ความสำเร็จของสัปดาห์หนังสือโคราชครั้งนี้ ทำให้หลายเทศบาลในภาคอีสานเริ่มติดต่อมาสอบถาม "สุรวุฒิ"
ถ้าโชคดี คนต่างจังหวัดหลายจังหวัดคงจะได้มีงานหนังสือดีๆ เกิดขึ้น
สำนักพิมพ์พร้อม นักเขียนพร้อม
ขอเพียงแค่องค์กรท้องถิ่นพร้อม
รับรองได้ว่า "กรุงเทพฯ" จะไม่ใช่ "ประเทศไทย" อีกต่อไป


หลังงานแต่ละวัน "สุรวุฒิ" จะชวนนักเขียนไปนั่งต่อที่ร้านของเขา
เป็นร้านอาหารอิตาเลียน ชื่อ "PIDASO" อยู่เลยโรงแรมสีมาธานี ติดกับโชว์รูมรถเบนซ์
อร่อยมากครับ
เมนูแนะนำคือ สเต๊กเนื้อจากญี่ปุ่น
สุดยอด...

วันแรก วงนักเขียนมี โหน่ง-ธนา-ตัน-บิ๊ก อะบุ๊ค-วิภว์ บูรพาเดชะ ฯลฯ
วันที่สอง เป็นคิวของ จุ้ย-บินหลา-ก้า อริณธรณ์-นิ้วกลม ฯลฯ
มันส์มากครับ
โดยเฉพาะวันที่สองที่ "บินหลา" เปิด "เดี่ยว" แบบไม่มี "ไมโครโฟน"
อำกันเละ
ฮากันถึงตีสอง
"เอ๋" นิ้วกลม พลาดที่สุด เพราะเขานำหนังสือกลอน "อุนนุน" เล่มใหม่มามอบให้ "สุรวุฒิ" ตอนที่ไวน์เริ่มขวดที่ 3
พอได้หนังสือ "สุรวุฒิ" ก็เปิดอ่านทันที
... อ่านออกเสียง
คิดดูสิครับกลอนหวานๆ น่ารักที่เหมาะสำหรับการอ่านคนเดียว เมื่อมาอ่านออกเสียงในวงเหล้า
อะไรจะเกิดขึ้น
และหนังสือเล่มนั้นกลายเป็น "อาวุธ" ของทุกคน
เวลาที่ "เอ๋" เริ่มอำพี่ๆ กลับ เขาจะเจอการตอบโต้ด้วยการหยิบหนังสือกลอน "อุนนุน" ขึ้นมาอ่านออกเสียงทันที
อ่านจน "เอ๋" ต้องยกมือไหว้ขอร้อง
"หยุดเถอะคร้าบ"

นอกจากเรื่องฮาเฮ มีเรื่องหนึ่งที่ผมชอบมาก
เป็นเรื่องค่ายนักเขียนของเด็กโคราชที่ "สุรวุฒิ" จัดขึ้นก่อนงานสัปดาห์หนังสือไม่นาน
"จุ้ย" เป็นคนตั้งหัวข้อบทความเพื่อส่งประกวด
"ถ้าฉันบินได้ ฉันจะ..."
"ต้อ" บอกว่าตอนแรกที่เห็นงานของเด็กที่ส่งมา เขาส่ายหัวเลย เพราะอ่อนมาก
"บางคนเขียนมาเชยมาก ถ้าฉันบินได้ ฉันจะ...ไปดวงจันทร์" เขายกตัวอย่างเด็กคนหนึ่ง

แต่หลังจากเข้าค่าย ส่งงานและแก้งานอีก 2 ครั้ง
เชื่อไหมครับ เด็กคนนั้นเขียนใหม่

"ถ้าฉันบินได้ ฉันจะ..."
...เดิน



++

ช่องว่าง
โดย หนุ่มเมืองจันท์ boycitychan@matichon.co.th คอลัมน์ ฟาสต์ฟู้ด ธุรกิจ
ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 06 มกราคม พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1638 หน้า 24


เวลาไปพูดที่ไหน และมีคนถามว่าธุรกิจไหนที่น่าลงทุน

และมีประโยคติ่งห้อยท้าย

"ทุกธุรกิจใครๆ ก็ทำไปหมดแล้ว"

ผมจะยกคาถาประจำตัวที่ลอกมาจาก "มอริตะ" ผู้ให้กำเนิด "โซนี่"
เขาบอกว่าทุกธุรกิจก็เหมือนกับวงกลมวงหนึ่ง
เอาวงกลมมาเรียงต่อกัน
เราจะเห็น "ช่องว่าง" ระหว่าง "วงกลม"
และนั่นคือ "โอกาส"


ผมนึกถึงคำนี้ขึ้นมาอีกครั้งเมื่อฟัง "ก้อง" อดิศักดิ์ รักอริยะพงศ์ บอสใหญ่ของ "เซปเป้ บิวตี้ดริ๊งก์" เล่าเรื่องกาแฟควบคุมน้ำหนักยี่ห้อ"เพรียว"

"เพรียว" เป็นสินค้าใหม่ของเขาที่เพิ่งบุกตลาดจริงๆ เมื่อปีที่แล้ว

ตอนแรกเขาไม่เคยคิดจะบุกเข้าตลาดนี้ เพราะดูเหมือนว่าจะแทรกตลาดเข้ายาก

มีทั้งเจ้าตลาดอย่าง "เนเจอร์กีฟ"

และยักษ์ใหญ่ของกาแฟสำเร็จรูปอย่าง "เนสกาแฟ" ก็ลุยตลาดนี้อย่างเต็มตัว

แต่มาวันหนึ่งจนวันหนึ่ง ฝ่ายขายที่เพิ่งกลับบ้านที่ต่างจังหวัด มาเล่าให้ฟังว่าไปเจอร้านค้าขายกาแฟควบคุมน้ำหนักแบบเงินผ่อน

คือ ตามปกติกาแฟแบบนี้จะขายเป็นแพ็ก ราคาขึ้นหลักร้อย

สาวๆ น้ำหนักสูง แต่กำลังซื้อต่ำ ไม่สามารถซื้อยกแพ็กได้

แต่อยากสวย อยากผอม ก็เลยยอมผ่อนวันละ 5 บาท

คนอื่นอาจฟังแล้วเฉยๆ

แต่ "ก้อง" มองเห็นเป็น "โอกาส"


"เซปเป้ บิวตี้ดริ๊งก์" นั้น เชี่ยวชาญเรื่องสารความหวานแทนน้ำตาลอยู่แล้ว
การสร้างผลิตภัณฑ์กาแฟควบคุมน้ำหนักจึงไม่ใช่เรื่องยาก
เพียงแต่การสู้กับเจ้าตลาดที่แข็งแกร่งมาก จำเป็นต้องหา "ช่องว่าง" ให้เจอ
"ข้อมูล" ของฝ่ายขาย คือ การชี้ช่องว่างทางการตลาด
เมื่อเจ้าตลาดขายเป็นแพ็ก
"เพรียว" ก็ขายปลีกเป็นซอง
และตั้งราคาขายให้ต่ำลง
เจาะตลาดกลางและล่าง
ผู้หญิงที่มีเงินเดือนน้อยกว่า 12,000 บาท
การขายปลีกเป็นซอง ทำให้การตัดสินใจซื้อง่ายๆ
อยากกินเมื่อไรก็ควักแค่ 5 บาท
ไม่ต้องจ่ายเป็นร้อย

และเพื่อให้ชัดเจนยิ่งขึ้น "ก้อง" ใช้กลยุทธ์การขายเลียนแบบ "แชมพูซอง"
เคยเห็นไหมครับ
"แชมพูซอง" จะทำซองติดกันเป็นสายห้อยตามร้าน
กาแฟ "เพรียว" ก็ทำแบบเดียวกัน
ขายซองละ 5 บาท
ซื้อ 1 ซอง ก็ฉีกเอาไป 1 ซอง
2 ซอง ก็ฉีกไป 2 ซอง
ไม่ต้องผ่อนแล้ว

ผมชอบไอเดียนี้มาก

ตอนนี้ยอดขายของ "เพรียว" ดีทีเดียว

ดีจนต้องออกสินค้าใหม่

"เพรียวชาเย็น"



ผมได้ชิม "เพรียวชาเย็น" ในค่าย "ยัง ไรเตอร์ แคมป์" ที่ "มติชน" จัดร่วมกับ SCG

ไม่ได้กินเป็นชาเย็น แต่โซ้ยแบบ "ชาร้อน"

อร่อยครับ

รสชาติเหมือน "ชาชัก"

เป็นเครื่องดื่มยามบ่ายของผมตอนอยู่ค่าย

ค่ายนี้มี "นักเรียนโข่ง" คนหนึ่ง ไปนั่งเรียนด้วยครับ
"ก้อง บิวตี้ดริ๊งก์"
"ก้อง" อยากศึกษาเรื่องการเขียน พอรู้ว่ามีค่ายนี้เขาจึงขอไปนั่งฟังด้วย
รู้วันอังคาร ต้องไปค่ายวันศุกร์
แต่ "ก้อง" ก็สามารถเคลียร์งาน ไปร่วมค่ายตั้งแต่วันศุกร์ถึงวันอาทิตย์
ผมแซว "ก้อง" ว่าผู้บริหารระดับสูงขนาดนี้ สามารถเคลียร์งานไปต่างจังหวัดได้ภายในเวลา 2-3 วัน
ถ้าไม่มุ่งมั่นจริงๆ
ก็แสดงว่าไม่มีงานทำ

นิสัยของ "ก้อง" แม้จะขี้เล่น แต่เวลาทำงานแล้วจะเอาจริงเอาจัง
ตามสไตล์เด็กญี่ปุ่น
เขาเคยไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นหลายปี ทำให้ได้เรื่องความมุ่งมั่นจริงจังกลับมา
"ก้อง" มาสนใจเรื่องการเขียน เมื่อมีหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งขอให้เขาเขียนบทความประจำ
พอเริ่มเขียน เขาเพิ่งรู้ว่างานเขียนไม่ใช่เรื่องง่าย
เขียนไป 4-5 ชิ้นก็เริ่มถอย
แต่จิตใจการ "เอาคืน" ยังคงอยู่
นั่นคือ เหตุผลการไปเป็น "นักเรียน" ของเขาครั้งนี้

ผมพยายามบอก "ก้อง" ว่าไปฟังเฉยๆ ก็พอ ไม่ต้องเขียนหรอก เพราะค่ายนี้เขาสอนการเขียน "เรื่องสั้น"
มันยากยิ่งกว่าบทความอีก
"ก้อง" ไม่ยอมครับ
จะเขียน
เมื่อมุ่งมั่นแบบนั้นก็ตามใจ
ตลอดการเรียนเขาจริงจังมาก จดตลอด
ให้เขียนก็เขียนด้วย
ตอนที่ให้ส่งเรื่องสั้น "ก้อง" ส่งให้ผมอ่าน
อ่านจบ ผมหันไปชม "ต้อ" บินหลา เลยว่าเป็นครูที่เก่งมาก

คือ น้องๆ ในค่ายเขียนเรื่องสั้นดี

ผมจะไม่แปลกใจ เพราะทุกคนมีพื้นฐานมาอยู่แล้ว
แต่ "ก้อง" เขียนได้ดีขนาดนี้
ต้องชม "ครู" เลย
แม้จะเขียนใช้ได้ แต่ "ก้อง" ยังยอมรับว่าการเขียนหนังสือเป็นงานที่ยากมาก

ผมถามว่าระหว่างเขียนหนังสือ กับทำธุรกิจ อะไรยากกว่ากัน
"เขียนหนังสือ" ก้องตอบ
แล้วอยากเขียนหนังสือหรือเปล่า
"อยาก"

ผมเริ่มเห็น "ช่องว่าง" ระหว่าง "วงกลม" จึงแสดงน้ำใจช่วยน้อง
"งั้นผมยอมเสียสละ เรามาแลกงานกันเอาไหม"
"ก้อง" เขียนหนังสือ
ส่วนผมยอมเป็นผู้บริหารของ "บิวตี้ดริ๊งก์" แทน
แปลกจริงที่ "ก้อง" ไม่ได้ยิน

พูดซ้ำอีกครั้งก็ไม่ได้ยิน
ทำท่าเหมือนสินค้าใหม่ของเขา
"ชาเย็น"



_______________________________________________________________________________________________________

Caught Cheating With Sexy Girl Prank
www.youtube.com/watch?v=xwXq9SeBi9k




.