http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-01-20

ปราปต์: "112", ปวิน: ..การต่อสู้ระหว่างตรรกะกับอตรรกะ

.
สัมภาษณ์ 1 - เปิดใจลูกชาย "สมยศ พฤกษาเกษมสุข" เผย "สนใจสิทธิประกันตัวพ่อ ส่วนสู้คดีเป็นเรื่องรอง"
สัมภาษณ์ 2 - เจาะใจ "วีระกานต์" เชียร์ รมต.เสื้อแดง หนุน "นิติราษฎร์" แต่ติด "บ้าน111" ขาดสิทธิเข้าชื่อแก้ม.112

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * ** * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

"112"
โดย ปราปต์ บุนปาน คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12
ในมติชน ออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2555 เวลา 21:00:00 น.


ปีใหม่ล่วงมาราว 2 สัปดาห์

ประเด็นประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ก็ถูกกล่าวถึงในพื้นที่สาธารณะอย่างกว้างขวางอีกครั้งหนึ่ง


เริ่มจากข่าว "8 ราชนิกุล" ยื่นจดหมายถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อเสนอให้รัฐบาลปรับปรุงแก้ไขกฎหมายมาตรานี้
นายสุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา หนึ่งในราชนิกุลผู้ร่วมลงชื่อในจดหมาย ชี้แจงผ่านหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ว่า
พวกตนได้พบปะกันในช่วงสิ้นปี 2554 เพื่อร่วมครุ่นคิดในประเด็นว่าด้วยการบังคับใช้ ม.112 ในทางที่ผิดซึ่งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และผลกระทบของการบังคับใช้กฎหมายเช่นนั้นที่มีต่อสังคมไทย ทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ

มาจนถึงข่าวการจัดกิจกรรมวิชาการ-ศิลปวัฒนธรรม "แก้ไขมาตรา 112" ที่หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 15 มกราคม

ซึ่งมีการแถลงข้อเสนอแก้ไขเพิ่มเติม ม.112 ของคณะรณรงค์แก้ไขมาตรา 112 (ครก.112) ที่จัดทำตามร่างแก้ไขของนักวิชาการคณะ "นิติราษฎร์"

และริเริ่มกระบวนการรวบรวมรายชื่อประชาชน 10,000 คน เพื่อเสนอแก้ไขกฎหมายมาตราดังกล่าว

แน่นอนว่า ย่อมมีปฏิกิริยาต่อต้านข้อเสนอของ ครก.112 และคณะนิติราษฎร์ เกิดขึ้นตามมา


ปฏิกิริยาที่น่าสนใจชวนขบคิด เห็นจะเป็นบทความชื่อ "ไม่ใช่แค่ 112!" ของ ส.ว. คำนูณ สิทธิสมาน
ซึ่งแสดงความวิตกกังวลว่า จุดยืนของคณะนิติราษฎร์ที่ปรากฏผ่านข้อเสนอแก้ไขเพิ่มเติม ม.112 และแถลงการณ์เนื่องในโอกาสครบ 5 ปีรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
อาจเป็นการสานต่อภารกิจของคณะราษฎร
คือการปฏิรูปสถาบันฯ ให้กลับไปสู่สถานะหลังวันที่ 24 มิถุนายน ถึง 10 ธันวาคม 2475 หรือก่อนปี 2500 และ 2490

ก่อนที่ ส.ว.คำนูณ จะถูกถามกลับอย่างรวดเร็วโดย อ.เกษียร เตชะพีระ แห่งรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ว่า

หากคณะนิติราษฎร์ต้องการกลับไปสู่สภาพการณ์ระหว่าง 24 มิ.ย. 2475-10 ธ.ค. 2475 ไม่ใช่แค่แก้ ม.112
แล้ว ส.ว.คำนูณกับสื่อสำนักหนึ่งกำลังสานต่อภารกิจของกบฏบวรเดช, คณะรัฐประหาร 2490 ของผิน-เผ่า, คณะปฏิวัติ 2500 ของจอมพลสฤษดิ์และคณะปฏิรูปการ ปกครองแผ่นดิน 2519 หรืออย่างไร?

อ.เกษียร เสนอว่า ประวัติศาสตร์นั้นไม่เคยซ้ำรอย เพราะทุกการ "ซ้ำรอย" ย่อมเกิดขึ้นในเงื่อนไข "ใหม่" ทางประวัติศาสตร์เสมอ
ดังนั้น แทนที่จะมุ่งปลุก "ผีอดีต" มาหลอกปัจจุบัน เราจึงควรมาคิดหาคำตอบว่า
อะไรคือสถานะและบทบาทที่เหมาะสมและเป็นคุณแก่ความมั่นคงยั่งยืนของสถาบันฯ ควบคู่กับประชาธิปไตยในสถานการณ์ปัจจุบันมากกว่า


การเปิดประเด็นแก้ไข ม.112 ออกสู่สาธารณะ อันนำมาสู่การอภิปรายถกเถียงในเชิงหลักการ
ถือเป็นเรื่องดีที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงทางความคิดให้แก่สังคมไทย
แม้บางครั้ง บางคนจะตีความการเปิดเวทีให้แก่ความเห็นที่แตกต่างหลากหลายเหล่านั้น
ในฐานะ "ภัยคุกคาม"

อย่างไรก็ดี พึงตั้งคำถามเช่นกันว่า ระหว่างการเปิดกว้างทางความคิดและถกเถียงด้วยเหตุผลอย่างสร้างสรรค์

กับการเหวี่ยงแหข้อหาร้ายแรงใส่ใครต่อใครอย่างง่ายๆ หรือการด่าคนเห็นต่างว่าเป็น "นักวิชาการกำมะลอเศษสวะ"

สิ่งไหนจะมี "ประสิทธิภาพการทำลายล้าง" สูงกว่ากัน



++

มาตรา 112: การต่อสู้ระหว่างตรรกะกับอตรรกะ
โดย ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์
จาก เว็บบล็อควอยซ์ทีวี . . 16 มกราคม 2555 เวลา 19:05 น.


ผมขอเรียกวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมาเป็นวัน “นิติราษฎร์” ก็แล้วกัน แม้ผมจะไม่มีโอกาสได้ไปร่วมงาน แต่ก็ได้ติดตามอย่างใกล้ชิด ได้ทั้งอ่านและฟังคำอธิบายของกลุ่มนิติราษฎร์ที่มีเหตุผลและมีวุฒิภาวะ เรียกได้ว่า ผมรู้สึก “ตาสว่าง” อีกรอบ กฏหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาตรา 112 สมควรได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ด้วยเหตุที่กฏหมายฉบับนี้ มีลักษณะที่เป็น“อประชาธิปไตย” อยู่มาก มิหนำซ้ำ ตัวบทกฏหมายเองยังเปิดโอกาสให้มีการนำไปใช้อย่างผิดๆ ใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองของคนบางกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มคลั่งเจ้า ประเด็นนี้ผมได้กล่าวถึงหลายครั้ง และจะไม่ขอนำกลับมาพูดอีก เพราะถ้าพูดอีก กลุ่มต่อต้านการเคลื่อนไหวที่ให้มีการแก้ไขมาตรา 112 ก็คงไม่ฟังเหมือนเคย พูดไปก็เปลืองน้ำลาย ถ่มลงพื้นอาจจะยังมีประโยชน์มากกว่า


สิ่งที่นิติราษฏร์ได้ริเริ่มขึ้น ผมถือว่าเป็นการก้าวข้ามความกลัวที่ยิ่งใหญ่ หรืออาจเรียกได้ว่าเป็น a grand stepจากนี้ไป ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ มาตรา 112 จะยังคงหลอกหลอนเราอยู่หรือไม่ และจะเป็นอุปสรรคต่อกระบวนการพัฒนาประชาธิปไตยของไทยอีกเพียงใด ผมเห็นว่า นิติราษฏร์ได้บรรลุภารกิจไปแล้วครึ่งหนึ่ง ที่เห็นว่าเป็นความสำเร็จชัดๆ คือการเคลื่อนให้ประเด็นแก้ไขมาตรา 112กลายมาเป็นญัตติแห่งชาติ

นิติราษฏร์ได้พังกำแพงแห่งประเด็นต้องห้าม (taboo) และเบิกทางให้มีการถกเถียงและอภิปรายกรณีกฏหมายมาตรา 112 อย่างกว้างขวางและมีเหตุผล ความสำเร็จในการแก้ไขมาตรานี้เป็นครึ่งที่เหลือที่รอเราอยู่ และผมเชื่อว่า ก็คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย จากนี้ไป กลุ่มที่ไม่เห็นด้วยก็จะออกมาใช้มาตรการข่มขู่ให้เกิดความกลัวมากขึ้น มีการไล่คนออกนอกประเทศมากขึ้น ผมขอทำนายว่า กรณีที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดมาตรา 112 ก็จะเพิ่มมากขึ้นนำไปสู่การจับกุมผู้ไม่เห็นด้วยมากขึ้นเช่นกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราไม่อาจย้อนเวลากลับไปได้ Genie ได้ออกมาจากขวดแล้ว คงเรียกกลับลำบาก


บทความนี้ไม่ต้องการที่จะย้ำในประเด็นเดิมๆ กล่าวคือ ความขัดแย้งทางอุดมการณ์และความเชื่อของคนสองกลุ่มในประเด็น 112 นำไปสู่การเผชิญหน้ากันที่มี “อิสรภาพ” เป็นเครื่องเดิมพัน แต่ที่ผมขอย้ำในบทความนี้ก็คือ ผมเห็นว่า การต่อสู้ในเรื่องมาตรา 112 เอาเข้าจริงๆ แล้ว เป็นเรื่องของการต่อสู้ระหว่างเหตุผลกับความไร้เหตุผล หรือ ตรรกะกับความอตรรกะ

ผมบอกได้เลย (และปราศจากอคติ) ว่า ผมสนับสนุนกลุ่มนิติราษฏร์เพราะอุดมการณ์และข้อเสนอที่ตั้งอยู่บนหลักของเหตุผล (ที่ต้องการเห็นสังคมไทยก้าวไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ไม่ใช่แบบที่กลุ่มคลั่งเจ้าหลอกตัวเองไปวันๆ ดัดจริต define ประเทศตัวเองว่าเป็นประชาธิปไตย แต่เนื้อในก็เป็นเผด็จการดีๆ นี่เอง) การต่อสู้ด้วยวิธีนี้ของนิติราษฏร์ (ด้วยหลักของเหตุผล) จึงไม่มีวันแพ้ แม้ชัยชนะอาจจะไม่เกิดขึ้นภายในวันพรุ่งนี้ แต่ความหวังของการต่อสู้ยังมีอยู่มาก


นับตั้งแต่ที่มีการรณรงค์เพื่อให้มีการแก้ไขมาตรา 112รวมถึงในช่วงเวลาที่ผมได้มีโอกาสจัดการรณรงค์ที่ให้มีการปล่อยตัว “อากง” ผู้ตกเป็นเหยื่อของมาตรา 112นี้เช่นกันนั้น ฝ่ายตรงข้ามไม่เคยได้ใช้ตรรกะในการลบล้างข้อเสนอของกลุ่มนิติราษฏร์และของโครงการอากงของผมเองได้ ความเคลื่อนไหวจากฝ่ายตรงข้ามมีมากครับ มีเกือบทุกวัน อ่านกันในหนังสือพิมพ์และใน Facebook กับจนตาลาย แต่อ่านแล้ว ผมยังไม่พบแสงสว่างที่ฝ่ายตรงข้ามต้องการชี้นำสังคมในประเด็นเรื่อง 112 สิ่งที่ผมพบคือความโง่เขลา (บางรายแกล้งโง่) ความไร้เดียงสา (แกล้งไร้เดียงสา) ความขมขื่น (bitterness) ความละเลยเพิกเฉย และความกระเหี้ยนกระหือรือในการปกป้องความคิดแบบเก่า อุดมการณ์แบบเก่า โดยไม่คำนึงว่าสังคมไทยเคลื่อนตัวไปข้างหน้ารวดเร็วมากเพียงใดแล้ว

กลุ่มอนุรักษ์นิยมและกลุ่มคลั่งเจ้า เรียงหน้ากับออกมาแสดงความ “อตรรกะ” ของตนเองต่อสาธารณชนเพื่อปกป้องมาตรา 112 ตัวอย่างเช่น ในกรณีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ที่ได้ออกมาเหน็บแนมกลุ่มนิติราษฏร์ว่าเป็นนักวิชาการสมองเปิด (ต่างกับท่านที่มีสมองแบบ “ตีบ” หรือ?) พร้อมทั้งขู่เข็ญไล่ให้นิติราษฏร์และผู้สนับสนุนการแก้ไขมาตรา 112 อพยพไปอยู่ต่างประเทศ ผมได้ตอบโต้ท่าน ผบ.ทบ.ไปแล้วในหลายโอกาส แต่ไม่ทราบว่าท่านจะได้ยินหรือไม่ อาจจะไม่ เพราะการที่มีอาการสมองตีบอาจส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานของแก้วหู

ถึงกระนั้น จุดที่ผมขอเน้นก็คือ ท่าน ผบ.ทบ.ไม่เคยให้เหตุผลว่าทำไมไม่สมควรให้มีการแก้ไขมาตรา 112 ผมขอให้ท่านเลิกพูดเสียทีว่า ท่านต้องการปกป้องสถาบันกษัตริย์แบบลอยๆ เพราะนิติราษฏร์ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า การแก้ไขมาตรา 112 นั่นเองที่จะเป็นหัวใจนำไปสู่การปกป้องสถาบันกษัตริย์อย่างแท้จริง และในความเป็นจริง พลเอกประยุทธ์ ไม่สมควรแสดงความเห็นทางการเมืองด้วยซ้ำ หากมองไปในหลายๆ ประเทศ ผู้นำกองทัพมีความเป็นมืออาชีพสูงและหลีกเลี่ยงการเข้าแทรกแซงทางการเมือง แต่ในประเทศไทยนี้ ผบ.ทบ.กลับทำตัวเสมือนนายกรัฐมนตรี

หรือกรณีที่ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ใช้วาจาค่อนแคะกลุ่มนิติราษฏร์ว่าไม่มีงานทำ มัวแต่มาจ้องแก้ไขมาตรา 112 แต่ก็เช่นเดียวกัน ไม่ให้เหตุผลของการคัดค้านกลุ่มนิติราษฏร์ จริงๆ ผมก็ทราบเหตุผลของ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บ้างเหมือนกัน คุณเฉลิมก็น่าจะออกมายอมรับตรงๆ ว่า ได้เกี๊ยะเซี๊ยะกับ “ท่านผู้ใหญ่” ไว้แล้วว่า พรรคเพื่อไทยจะไม่แตะกฏหมาย 112


ส่วนที่เหลือ ก็พยายามใช้วาทกรรมเดิมๆ ในการลดความน่าเชื่อถือกลุ่มนิติราษฏร์และความพยายามแก้ไขมาตรา 112 มีตั้งแต่การด่าทอว่านิติราษฏร์ไม่ใช่คนไทย ไม่รักพ่อ ไม่มีความเป็นไทย (ก็คงจะไม่มีจริงๆ แหละครับ เพราะ' ความเป็นไทย' คือความดัดจริตนั่นเอง) เป็นทาสรับใช้คุณทักษิณ ถูกจ้างโดยคุณทักษิณ (ถ้ามีการจ้างกันจริงๆ ผมและนิติราษฏร์คงรวยกันไปแล้ว) เป็นทาสฝรั่ง โดยเฉพาะสหรัฐฯ และองค์การสหประชาชาติ ไม่สำนึกบุญคุณแผ่นดิน ไม่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ไทยในอดีตที่ทรงรักษาเอกราชของไทยเพื่อให้ลูกหลานได้มีเสรีภาพเยี่ยงทุกวันนี้ (อิสรเสรีภาพ?) ไปจนถึงถูกกล่าวหาว่าต้องการทำลายสถาบันและล้มเจ้า ในบรรดาคำกล่าวหาเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่ไม่สามารถหาเหตุผลมาให้การสนับสนุนได้อย่างตรงไปตรงมาและชัดเจน

แต่นี่เป็นยุทธวิธีหนึ่งของฝ่ายตรงข้ามครับ ที่แสดงว่า การชี้หน้าว่าใครเป็นศัตรูต่อประเทศ ต่อสถาบัน ทำกันอย่างง่ายๆ ชัดๆ ไม่อ้อมค้อม แต่การหาเหตุผลมาสนับสนุนการชี้หน้านี้กลับเป็นวิธีที่อึมครึม ขาดความโปร่งใส และมีความคดเคี้ยวอย่างยิ่ง


การต่อสู้กับกลุ่มที่ขาดความเคารพต่อเหตุผลเป็นเหมือนการต่อสู้กับกลุ่มผู้ก่อการร้าย เพราะกลุ่มผู้ก่อการร้ายมักไม่ใช้เหตุผลในการกระทำการณ์หนึ่งๆ นอกไปจากความต้องการเห็นฝ่ายตรงข้ามต้องเจ็บปวดและพ่ายแพ้ นอกจากนี้ เราไม่อาจคาดหวัง หรือเดาใจกลุ่มผู้ก่อการร้ายได้ฉันใด ฉันนั้นเราก็ไม่สามารถคาดหวังกลุ่มที่ออกมาต่อต้านการแก้ไขมาตรา 112 ว่าจะยินยอมรับฟังในเหตุผล การใช้มาตรา 112ลงโทษผู้คิดต่างทางการเมือง เช่นในกรณีคุณ Joe Gordon และอีกหลายๆ ท่านที่ยังถูกจองจำอยู่นั้น ก็เปรียบเสมือนการที่กลุ่มผู้ก่อการร้ายได้ใช้ความรุนแรงในการสังหารผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก สำหรับผม การถูกตัดสินจำคุก 20 ปี ก็ไม่ต่างจากการต้องเสียชีวิตในเหตุการณ์การก่อการร้าย อิสรภาพคือชีวิต ไร้ซึ่งอิสรภาพก็เปรียบเช่นเดียวกับการไร้ชีวิตนั่นเอง

และในความเป็นจริง การเรียกกลุ่มคลั่งเจ้าที่ไร้เหตุผลว่าเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้ายก็ไม่น่าจะผิดนัก เพราะสิ่งที่กลุ่มคลั่งเจ้ากำลังทำอยู่ (ใช้มาตรา 112เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง) ก็เท่ากับได้ก่อการร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ยิ่งใช้สถาบันเป็น “ตัวประกัน” ทางการเมืองมากเท่าไร พวกคุณก็ทำร้ายสถาบันมากเท่านั้น


การต่อสู้ของนิติราษฏร์กับ “อตรรกะ” คงไม่ยุติโดยเร็ว การเปลี่ยนผ่านที่จะเกิดขึ้นทั้งทางการเมืองและในส่วนของสถาบันกษัตริย์เองนั้น อาจจะส่งผลให้ “อตรรกะ” กลายมาเป็นแม่แบบแห่งอุดมการณ์ทางการเมืองแบบใหม่ และถูกนำไปใช้การฟาดฟันกับตรรกะ อิสระ เสรีภาพ และความเป็นมนุษย์ เราจะข้ามพ้นการต่อสู้นี้ไปได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับการตื่นตัวของสังคมไทยโดยรวม และความพร้อมที่จะเปิดใจรับกับเหตุผลในการอธิบายสถานการณ์ทางการเมืองของเราอย่างตรงไปตรงมา


* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
อ่านความคิดเห็นท้ายบท ที่ http://voicetv.co.th/blog/697.html

และรับชมวิดิโอ / เปิดรายชื่อ ครก.112 ชุดแรก หนุนแก้ ม.112 (15 มกราคม 2555)
ที่ http://news.voicetv.co.th/thailand/27885.html



- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

มีบทความที่เคยเสนอไว้

สนนท. :จาก'อากง'-รัฐควรยกเลิก ม.112, แพะเป็นจำเลยบริสุทธิ์ เพราะศาลเชื่อหลักฐานนี้ไปแล้ว !?
http://botkwamdee.blogspot.com/2011/11/snnt-ak.html
แถลงการณ์ ม.เที่ยงคืน กรณีอากงฯ, 'สนนท.' ย้ำต้องปฏิรูประบบตุลาการ
http://botkwamdee.blogspot.com/2011/12/ak-2dec.html
ข้อเสนอจาก"สมศักดิ์"-"ชาญวิทย์" กลางกระแส"ฝ่ามืออากง"ในFB
http://botkwamdee.blogspot.com/2011/12/fbss-chw.html
อังกฤษไม่กลัวล้มเจ้า โดยใบตองแห้ง, ..ข้อกังวลของมุสลิมฯ
http://botkwamdee.blogspot.com/2011/12/btnofear.html
"ครูบาศรีวิชัย" จาก ร.ศ.121 ถึง ม.112 โดย เพ็ญสุภา สุขคตะ ใจอินทร์
http://botkwamdee.blogspot.com/2011/12/p321.html
สุรพศ : ชาวพุทธกับ 'อัตตาผู้ปล่อยวาง', คำแถลงกรณี 'การถูกคุกคามเสรีภาพทางวิชาการด้วย ม.112'
http://botkwamdee.blogspot.com/2011/12/112srp324.html
สาวตรี:ฯยุติธรรมแบบไทยๆ(?)..สู่ “อากง”..
http://botkwamdee.blogspot.com/2011/12/stakkins.html
บทเรียนที่เรียนยาก, อากงกับ ม.112 โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์
http://botkwamdee.blogspot.com/2011/12/nlesak.html
15 นักวิชาการเสนอตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองการฟ้องร้องในความผิด ม.112
http://botkwamdee.blogspot.com/2011/12/15fln-us.html
ความเห็นสาวตรี : "แพะรับบาป", ประวิตร : ม.112 กับการเซ็นเซอร์ฯ
http://botkwamdee.blogspot.com/2011/12/goatsens.html
ใบตองแห้ง: เมื่อโฆษกศาลเขียน“อากงปลงไม่ตก”
http://botkwamdee.blogspot.com/2011/12/btspeak.html
"บก.ลายจุด" หนุนเวทีถกเถียง ม.112, "ปวิน" ถาม "ผบ.ทบ." ไล่คนออกนอกประเทศแล้วจะแก้ปัญหาได้หรือ?
http://botkwamdee.blogspot.com/2011/12/112-sb-pw.html
คอป.' เสนอแก้ 'ม.112' หนักสุดคุกไม่เกิน7ปี, 6กลุ่ม นศ.ประณามเครือ ผจก.กรณีข่าว'ก้านธูป'
http://botkwamdee.blogspot.com/2011/12/horror.html
เหี้ยม? โดย ปราปต์, อมธ. ออกแถลงการณ์กรณี ‘ก้านธูป’ เรียกร้องต่อสื่อมวลชน-มหาวิทยาลัย
http://botkwamdee.blogspot.com/2012/01/ts-377.html
ครก.112 / ใบตองแห้ง: จดหมายเปิดผนึกถึงหมอตุลย์
http://botkwamdee.blogspot.com/2012/01/bt112tul.html
เปิดปัญญาชน 112 คนแรก ลงนามเสนอร่างแก้ไข ม.112 ฉบับ"นิติราษฎร์" http://botkwamdee.blogspot.com/2012/01/112nam.html
ฯลฯ ..วิวาทะเรื่องนิติราษฎร์ "สมคิด เลิศไพฑูรย์ vs ธีระ สุธีวรางกูร" "คำนูณ สิทธิสมาน vs เกษียร เตชะพีระ"
http://botkwamdee.blogspot.com/2012/01/horror2.html



+++

เปิดใจลูกชาย "สมยศ พฤกษาเกษมสุข" เผย "สนใจสิทธิประกันตัวพ่อ ส่วนสู้คดีเป็นเรื่องรอง"
ในมติชน ออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2555 เวลา 14:13:01 น.


ออกปากว่าไม่ค่อยมีเรื่องพูดถึงพ่อมากเท่าไหร่ สำหรับ "ปณิธาน พฤกษาเกษมสุข" บุตรชายของ "สมยศ พฤกษาเกษมสุข" นักเคลื่อนไหวประชาธิปไตย และผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

"ก่อนหน้านี้ผมไม่ค่อยมีเรื่องคุยกับพ่อมากนัก เพิ่งมาได้คุยกันมากขึ้นหลังจากพ่ออยู่ในคุก" ลูกชายวัย 20 ปี ของ "สมยศ" ให้ข้อมูลกับ "มติชนออนไลน์" ก่อนเริ่มบทสัมภาษณ์

"แม่เองก็ได้เพื่อนเสื้อแดงมากขึ้น หลังจากไปเยี่ยมพ่อในคุก" เขากล่าวเพิ่มเติม

และนี่คือบทสนทนาระหว่างนักศึกษากฎหมายวัย 20 ปี นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กับ "มติชนออนไลน์"


@ตอนนี้พ่อเป็นอย่างไรบ้าง
ก็มีป่วยบ้าง ท้องเสีย เป็นหวัด

@เรื่องคดีคืบหน้าถึงไหน
อยู่ในช่วงกำลังยื่นประกันตัว น่าจะเป็นช่วงอาทิตย์หน้า แล้วก็เป็นช่วงนัดสืบพยานของฝ่ายโจทก์ จะไปขึ้นศาลที่นครสวรรค์วันที่ 16 นี้ ใครสนใจไปฟังก็สามารถไปได้

@เยี่ยมพ่อล่าสุดเมื่อไหร่
ตั้งแต่เดือนที่แล้ว เพราะผมไปบวชมาระยะหนึ่ง คุณพ่อก็สบายดี แกยังถามเลยว่า "บวชทำไม" ตอนนี้ได้ข่าวว่าแกดื้อแพ่ง คือไม่ยอมย้ายไปสืบพยานทางใต้
ผมมองว่ามันเหมือนการกลั่นแกล้งด้วย เหมือนจะไปสืบพยานทั่วประเทศ ไปนู่นไปนี่ ตอนแรกว่าจะไปสระแก้ว เพชรบูรณ์ ตอนนี้จะไปนครสวรรค์ แล้วจะย้ายไปทางใต้

@ในคดีเดียวแต่ไปทั่วประเทศเลย
เป็นคำเปรียบเปรยเฉยๆ ไม่ถึงทั่วประเทศนะครับ แต่หลายจังหวัด แล้วก็คงต้องดำเนินคดีนัดสืบพยานอีกนาน เพราะว่าตอนที่ผมไปฟัง ตอนที่เขาส่งรายชื่อพยาน
พยานฝ่ายโจทก์ก็ 50 กว่าคนแล้ว ยังไม่รวมพยานฝ่ายจำเลย คือพยานฝ่ายของพ่ออีก

@ข้อหาที่โดนคืออะไร
ข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ(ครับ) ตามมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา

@ตอนสอบเข้า นิติศาสตร์ ที่ธรรมศาสตร์ได้ พ่อดีใจไหม
ผมสอบเข้าได้เป็นปีแล้ว ก่อนที่พ่อจะโดนคดีในช่วงเมษายนปีที่แล้ว ตอนนั้นเรียนอยู่ปี 1

@ตอนสอบได้ที่ธรรมศาสตร์ พ่อว่าอย่างไรบ้าง
ท่านก็ดีใจ ตอนแรกบอกติดที่ธรรมศาสตร์ก็ดูเฉยๆ ไม่ได้ดีใจอะไรมาก

@จะไปพบพ่ออีกครั้งเมื่อไหร่
คงเป็นวันที่ 16 ม.ค. วันนัดสืบพยานที่นครสวรรค์ ก็คงไปกับคุณแม่ เพราะว่าช่วงนี้ติดสอบ

@ติดตามข่าวสารหรือความเคลื่อนไหวของคนที่ชอบหรือไม่ชอบเสื้อแดง หรือพวกที่ไม่เห็นด้วยกับพ่อบ้างไหม
ได้ติดตามบ้างครับ ก็เฉยๆ เขาก็มีความคิดของเขา มีการแสดงความคิด ถ้าไม่ไปละเมิดหรือด่าทอ หรือนำข้อมูลในแง่ลบมาใช้แสดงเพื่อสร้างความเกลียดชังเพิ่ม
แต่เขาก็มีสิทธิแสดงความคิดเห็น ก็เหมือนเราเช่นกันที่มีสิทธิแสดงความเห็นว่าสิ่งใดที่เราไม่ใช่ภายใต้กรอบกติกาคือต้องวิจารณ์เพื่อความถูกต้องในสังคม

@ถ้าเป็นไปได้ อยากให้พ่อได้รับการประกันตัวหรือให้สู้คดีชนะ หรือวางเป้าหมายส่วนตัวไว้อย่างไรสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับพ่อ
ตามคำถามก็เป็นเป้าหมายทั้งหมด ขั้นแรกคือต้องได้รับการประกันตัวก่อน การสู้คดีจึงจะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เหมือนเขาเอาเรามาขังไว้ก่อน ทั้งๆ ที่เขายังไม่ตัดสินเราเลย ว่าเราถูกหรือผิด ยิ่งการสู้คดี หากไม่ได้ประกันตัว มันสืบพยานนาน มันไม่เหมือนคดีฆ่าคนหรืออะไรทั่วไป ซึ่งมันอยู่ในเขตพื้นที่ แต่อันนี้ค่อนข้างหลายพื้นที่ แล้วใช้เวลาสืบพยานนาน

แล้วก็มีสิทธิสู้กันในศาลอุทธรณ์ด้วย แล้วก็ฎีกาด้วย ซึ่งมันอาจต้องใช้เวลายาวนานเป็นปี เมื่อเทียบกันแล้วมันเหมือนติดคุกฟรีไปก่อน ถ้าท้ายที่สุดแล้ว ศาลตัดสินว่าไม่ผิด แล้วการต่อสู้ระยะยาว ยิ่งติดคุกอีกด้วย ถูกศาลตัดสินว่าผิดก็ยิ่งรวมระยะเวลายาวนานเข้าไปอีก เพราะเราไม่ได้รับการลดโทษ มันจึงลำบากมากถ้าไม่ได้รับการประกันตัว

@ไม่ได้รับการประกันตัวก็ลำบาก
ครับ ถ้าผมมอง ผมจะมองเป็นขั้นตอนมากกว่า คือสนใจเรื่องการที่จะทำอย่างไรให้ได้รับสิทธิประกันตัว นั่นเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญ เรื่องการสู้คดีน่าจะเป็นเรื่องรองมากกว่า

@คิดอย่างไรกับคุณพ่อที่ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องการเมือง ซึ่งเราได้เห็นมาแต่เด็ก
เห็นด้วย แล้วก็ภูมิใจด้วยในงานที่พ่อทำ


* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ชมคลิป VDO ที่ www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1326349651&grpid=&catid=02&subcatid=0201



+++

เจาะใจ "วีระกานต์" เชียร์ รมต.เสื้อแดง หนุน "นิติราษฎร์" แต่ติด "บ้าน111" ขาดสิทธิเข้าชื่อแก้ม.112
ในมติชน ออนไลน์ วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2555 เวลา 22:30:00 น.


“วีระกานต์"หรือ"วีระ มุสิกพงศ์” อดีตนักศึกษาชมรมโขนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ลูกศิษย์ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตผู้สื่อข่าวสยามรัฐ ในช่วง 14 ตุลา 2516 อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง อดีตโฆษกรัฐบาลผู้ลาออกจากตำแหน่งภายหลังอภิปรายนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ก่อนเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 เพียงไม่กี่วัน

“วีระกานต์” มีฉายา “ไข่มุกดำ” ในวัยหนุ่ม ขณะเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง กระทั่งฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ต้องสกัดดาวดวงนี้อย่างไม่จำกัดวิธีการ แม้ยุคนี้จะมีนักการเมืองรุ่นถัดมาทำหน้าที่ในการเมืองแล้วก็ตาม แต่ “วีระกานต์” ยังโลดแล่นในการเมือง ไม่ว่าเบื้องหน้าเบื้องหลังตามแต่ละภารกิจ

“มติชนออนไลน์” เปิดบทสนทนา จากข่าวล่าวาระแกนนำ นปช. ติดโผรัฐมนตรี ในการปรับครม. ยิ่งลักษณ์ ซึ่งเขามองว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะโดยพื้นฐานแกนนำเสื้อแดงก็เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถไม่ได้ด้อยกว่าคนอื่นอยู่แล้ว แต่ที่พิเศษคือ พวกเขาได้คลุกคลีกับมวลชน ได้เข้าใจความรู้สึกและปัญหาของมวลชน ก็หวังว่าจะได้นำเอาสิ่งนี้ไปได้ผลักดันคณะรัฐมนตรี เพื่อให้ทำงานได้อย่างเกิดประโยชน์มากที่สุด

พวกเราก็บอกกันอยู่แล้วว่าเราแบ่ง หน้าที่เป็น การเมืองในรัฐสภาและการเมืองภาคประชาชน อันนี้ชัดเจนมาตั้งแต่ต้น ใครมีโอกาสเข้าไปอยู่ในการเมืองรัฐสภา ก็ไปมีตำแหน่งหน้าที่ เป็นสิ่งที่เราสนับสนุน


@เกรงจะมีข้อครหาว่าแกนนำต่อสู้เพื่อตำแหน่งเก้าอี้หรือไม่
ไม่เกรง เพราะ เราพูดตั้งแต่ชุมนุมที่ท้องสนามหลวงในปี 2550 เราต่อสู้แบบการเมืองภาคประชาชน ซึ่งเมื่อได้รัฐธรรมนูญ ได้การเลือกตั้งแล้วก็จะมีคนส่วนหนึ่งสมัครผู้แทนราษฎร เข้าสู่การเมืองในระบบ ซึ่งเราก็โอเค ส่วนหนึ่งไม่สมัครใจเข้าสู่การสมัครรับเลือกตั้ง ก็เป็นการเมืองภาคประชาชน ดังนั้นไม่มีข้อกังวลใจอะไร

@ เมื่อแกนนำนั่งตำแหน่งบริหารได้ดีแล้วจะละทิ้งมวลชนหรือเปล่า
ถ้าหากแกนนำละทิ้งมวลชน ก็เป็นปัญหาเฉพาะตัวทำให้มวลชนไม่เอาแกนนำนั้นๆ ก็ช่วยไม่ได้แยกทางกันไป

@ การเคลื่อนไหวของภาคประชาชนเพื่อให้แก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เริ่มขึ้นแล้ว แต่ในส่วนของพรรคการเมืองยังไม่แสดงท่าทีเอาด้วย
ผมมองด้วยความเข้าใจ เพราะในฐานะที่อยู่ตรงกลาง ว่าทางภาคการเมืองในระบบรัฐสภา เขาจำเป็น จะต้องแบ่งงานที่เขาทำว่าอันไหนทำก่อน อันไหนทำหลัง ซึ่งในเรื่อง กฎหมายอาญามาตรา 112 ผมคิดว่าพรรคเพื่อไทยเห็นว่า การแก้รัฐธรรมนูญต้องมาก่อน ส่วนมาตรา 112 ก็ดำเนินการต่อไปได้ เมื่อรัฐธรรมนูญ ได้รับการแก้ไขแล้ว

ถ้าเอามาพูดพร้อมกัน ก็อาจจะสับสน ข้อสองคือ กลัวว่าจะไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากว่ายังไม่ชัดเจนในเป้าหมาย เพราะฉะนั้น เขาก็ยังไม่เคลื่อนไหวมาตรา 112 แต่เมื่อภาคประชาชนโดยเฉพาะนิติราษฎร์ เขาจับเรื่องนี้มา ทำมาโดยต่อเนื่อง เขาไม่ใช่คนที่นั่งอยู่ในรัฐสภา เพราะฉะนั้น เขาก็สามารถจะผลักดันเรื่องนี้นาทีใดนาทีหนึ่งก็ได้ที่เขาเห็นว่ามีโอกาสมีความเหมาะสมก็ผลักดันไป ไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นข้อแตกแยก ไม่มีปัญหา

นิติราษฎร์ เขาก็ประกาศ ว่าเมื่อได้รายชื่อคนครบแล้วจะยื่นเข้ารัฐสภาแก้ไขมาตรา 112 ก็จบหน้าที่ของเขา ตอนนั้น เราก็ค่อยดูกันว่า เมื่อแยกกันชัดแล้ว เรื่องแก้รัฐธรรมนูญก็ดำเนินต่อไป ส่วนกฎหมายอาญาก็แก้ในส่วนกฎหมายอาญา ในเวลาไม่ซ้ำซ้อนกัน พวกที่อยู่ในสภา ก็อาจจะมาร่วมมือด้วยก็ได้

ที่สำคัญ คือมีความละเอียดอ่อนในการต้องอธิบายประชาชน เพราะว่าฝ่ายที่เขาคัดค้าน เขาพยายามจะผนวก 2 เรื่อง ให้เป็นเรื่องเดียวกัน แล้วรวบยอดเลยว่าไอ้พวกนี้ เป็นพวก “ล้มเจ้า”

ประกอบด้วยเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ และแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 คนค้านเขาก็ไปพูดให้คนไขว้เขวว่า นี่แหละพวกไม่เอาสถาบัน ซึ่งตรงนี้ ฝ่ายการเมืองในระบบรัฐสภาลำบากใจที่จะอธิบายไปพร้อมๆ กัน

แต่ความจริง ผมก็นั่งดูเหตุผลของนิติราษฎร์ เขาก็มีเหตุผลที่ดี ปัญหาอยู่ที่ว่าคนฟังจะมีสมาธิที่จะรับฟังหรือไม่ คือ 1 เขาก็ไม่ได้ยกเลิก มาตรา 112 ทีเดียวเพียงแต่ยักย้ายถ่ายเท ดึงออกจากหมวดความมั่นคงไปไว้ต่างหาก แต่ฝ่ายที่เขาคัดค้านก็กลัวว่าจะเสนอยกเลิกไปเลย ซึ่งนิติราษฎร์เขาก็อธิบายชัดเจนอยู่แล้วว่าไม่ใช่ เพราะทุกประเทศในโลกนี้ เขาก็ให้ความสำคัญกับประมุข ไม่ว่าประมุขระบอบกษัตริย์ หรือประธานาธิบดี ฉะนั้น ถ้าได้มีเวลาอธิบายแบบนี้ คนจะได้เข้าใจว่านี่มันไม่ใช่เรื่องของการล้มเจ้า

@การเมืองที่ไม่ไว้ใจกัน ดูเหมือนฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ ม.112 ก็มีสมมุติฐานว่า คนที่ต้องการแก้ไขนั้น ไม่จงรักภักดี หรือเป็นพวกล้มเจ้า
ก็ 2475 ก็แบบนี้ พวกที่ปฏิวัติ เพื่อสถาปนาประชาธิปไตย ก็ถูกกล่าวหา จากฝ่ายอนุรักษ์นิยมว่าเป็นคอมมิวนิสต์ ต้องการจะล้มล้างสถาบันต่างๆ ซึ่งโกหกทั้งนั้น คือ พวกนี้เป็นอนุรักษ์นิยม ที่มีผลประโยชน์แอบอิงอยู่ ก็กลัวสูญเสียสถานะตัวเอง จึงต้องสาดโคลนคนอื่น สาดโคลนมา 80 ปีแล้ว ไม่สำเร็จ ขณะที่การเมืองก็เคลื่อนที่ไปเป็นแนวทางประชาธิปไตย

ผมดูแล้วว่า ข้อเสนอนิติราษฎร์ ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ มีความมั่นคง ไม่ใช่ ข้อเสนอแบบพวกหน้าโง่ทั้งหลายที่ออกมาคัดค้านอย่างไม่มีเหตุผลไอ้พวกนี้ประจบสอพลอ แล้วเวลามีปัญหา ผมว่ามันไม่ได้ร่วมเป็นร่วมตายอะไรกับใคร ลักษณะพวกประจบสอพลอ ก็เป็นแบบนี้ทั้งโลกทุกประเทศก็มี

@ กรณีคนในพรรคประชาธิปัตย์ ตำหนิกลุ่มนิติราษฎร์ว่าเป็นนักวิชาการกำมะลอเศษสวะ
นี่ก็ยิ่งเป็นคำพูดที่ไร้เหตุผลใหญ่เลย เพราะคนพูดเอง ก็มีคุณวุฒิทางวิชาการสู้เขาไม่ได้ ส่วนทางด้านจิตใจคุณธรรมจริยธรรมก็สู้เขาไม่ได้ ผมถือว่าพวกนิติราษฎร์ เป็นนักวิชาการที่เสียสละเพื่อสังคม ยังไงผมก็เห็นว่าพวกเขามีคุณค่า คือเขาอาจจะอยู่อย่างสบายก็ได้ เลือกประจบ ประแจงรัฐบาลเก่า หรือประจบประแจงสถาบัน สอพลอสถาบันไปเลย ก็อาจจะเจริญก้าวหน้าได้ เพราะมีคนเจริญแบบนี้กันเยอะ แต่นิติราษฎร์ เขาไม่ใช่อย่างั้น

คนพวกนี้ก็เหมือนคณะเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 เรียกร้องสิ่งที่เหมาะที่ควรแก่มหาชน เขาก็เสียสละ นักวิชาการนิติราษฎร์ ก็เป็นอย่างนั้น แต่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เห็นคุณค่าของจิตใจแบบนี้ เพราะคนพวกนี้ ในยุคนี้ของพรรคประชาธิปัตย์เป็นยุคตกต่ำทางจริยธรรม

@ อาจเป็นความเห็นส่วนบุคคลไม่เกี่ยวกับพรรค
ก็ไม่เห็นใครในพรรคที่แสดงจุดยืนเห็นใจคนที่ถูกกระทำ ไม่เห็นสักคน

@ คุณวีระกานต์ เคยถูกกล่าวหาด้วยข้อหานี้ ช่วยเล่าเหตุการณ์ให้ฟังได้หรือไม่
กรณีผม เป็นเรื่องการเมืองอยู่แล้ว ฝ่ายตรงข้ามก็หวังทำลายกันทางการเมือง เพราะว่าเขาสู้ด้วยการเลือกตั้งไม่ได้... ขึ้นต้น ก็เอานักการเมืองที่ลงสมัครพรรคอื่น ไปยื่นฟ้องไว้ก่อน พอเป็นคดี ...ไอ้พวกทหารสอพลอ ก็ออกมาเต้นแร้งเต้นกา ว่าเป็นเรื่องที่ดูหมิ่นสถาบัน ยอมไม่ได้อะไรต่างๆ ซึ่งอาจารย์วรเจตน์ ก็พูดในงานที่ธรรมศาสตร์ว่า กรณีของผม นายวีระ สมมุติตัวเอง เป็นพระองค์เจ้า ก็ยังโดนมาตรา 112 แล้วก็ถึงกับติดคุก ก็จริงอย่างที่อาจารย์วรเจตน์ว่า เพราะใช้วิธีการขยายความ กฎหมายอาญาลงโทษคน ซึ่งผิดหลัก ...ไม่มีหรอกครับ นักกฎหมายที่ดี จะมาขยายความกฎหมายอาญาไปลงโทษคน ขณะที่ตัวบทเขียนชัด ว่าผู้ใดดูหมิ่น หมิ่นประมาท ... พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ก็มีอยู่เท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าตอนนั้น เขาเอาพระองค์เจ้า เกี่ยวได้ยังไง ทั้งที่ไม่มีอยู่ในมาตรา 112 แต่ถูกตีความมาเอาใส่

ความจริง ผมเชียร์นิติราษฎร์นะ แล้วผมก็อยากเซ็นชื่อด้วยในการเสนอแก้กฎหมาย แต่ผมเซ็น ไม่ได้ เพราะผมไม่มีสิทธิ์ คือคนที่จะมีสิทธิ์ เข้าชื่อเสนอกฎหมายได้ ต้องเป็นผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง แต่เราไม่มีสิทธิ์เลือกตั้ง ถ้าไปเซ็น ก็เป็นโมฆะ คนเขาโห่เอาป่าวๆ ก็เลยไม่ได้เซ็น ผมรับรองได้ ที่ผมตั้งใจจะไปเซ็น ไม่ใช่เพราะ โกรธหรืออาฆาตแค้นอะไร(ที่ผ่านมา) แต่เป็นเพราะผมเห็นด้วยกับเหตุผลของนิติราษฎร์

ถ้าได้สิทธิ์เลือกตั้งเมื่อไหร่ ผมก็จะเซ็นทันที เข้าชื่อกับนิติราษฎร์ทันที แล้วจะเป็นผู้อภิปรายสนับสนุนด้วย ถ้าเขาเชิญไปสภา กรณีเสนอกฎหมาย จะมีการเชิญเจ้าของร่างไปอภิปราย ผมก็จะสมัครเข้าไปอภิปราย

@ ตอนที่คุณวีระ จำคุก ในข้อกล่าวหาหมิ่นฯ ขณะนั้น กำลังจะสมัครเป็น ส.ส.
ใช่ๆ เพราะถ้าผมเป็นผู้แทน เขาก็ขังผมไม่ได้ เขาก็ต้องตัดสิทธิ์ก่อน ตอนนั้นมีคนให้กำลังใจผมวันหนึ่งมีจดหมายเป็น 100 ฉบับ เพราะเขาไม่เห็นว่ามันผิด แล้วเขาไม่เห็นเจตนาว่า เราตั้งใจที่จะลบหลู่สถาบันกษัตริย์ตรงไหน เพราะเวลาเราพูด มันสอดคล้องกับวัฒนธรรมชาวบ้านนอก ซึ่งชาวบ้านนอก เขาไม่ได้ ดูหมิ่นกษัตริย์ ตอนผมพูดตอนนั้น ก็พูดในระดับพระองค์เจ้าซึ่งมีอยู่มากมาย

@ ที่พูดถึงวัฒนธรรมชาวบ้านบ้านนอก ในเนื้อหาปราศรัยช่วยหาเสียงครั้งนั้น หมายความถึงอะไร
ถ้าภาคกลางก็ลิเก ถ้าหนังก็หนังจักรๆ วงศ์ๆ ถ้าภาคใต้ก็หนังตะลุง เป็นเรื่องปกติ เขาพูดกันอย่างนี้ตลอด เพราะว่าหนังตะลุงก็เล่นเรื่องจักรๆ วงศ์ๆ

@ ทั้งคนพูดและคนฟัง ในการช่วยหาเสียงครั้งนั้นไม่ได้คิดว่าหมายถึงสถาบัน
ใช่ ผมและชาวบ้านไม่ได้หมายถึงผู้ปกครองที่เป็นประมุขของประเทศ

@ หลังรัฐประหาร 19 ก.ย. 49 มีคนที่ไม่ใช่นักการเมือง มองเรื่องนี้เยอะ คุณวีระกานต์มองยังไง
คนที่มีความคิดเชิงอนุรักษ์ ก็ไปฟ้องร้อง แต่ความจริงก็ถูกปั่นมา ซึ่งตอนนี้ ผู้แวดล้อมสถาบัน ก็แบ่งความเห็นเป็น 2 ฝ่าย มีฝ่ายที่เห็นว่าวิธีการใช้กฎหมายแบบนี้ไม่ใช่การปกป้องสถาบัน

คนที่คัดค้านการแก้กฎหมาย ม. 112 บางคนได้ประโยชน์ จากสิ่งที่เป็นอยู่ จึงต้องการแสดงให้เห็นว่า ตนเองมีความจงรักภักดีแล้วต่อสู้แทนระบอบ ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว ไม่จำเป็นต้องอย่างนั้นเลย เพราะไม่มีใครคิดโค่นล้มทำลาย ทุกคนก็ปรารถนาดี เพียงแต่วิธีการแตกต่างกัน


* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

เปิดใจ วีระกานต์
www.youtube.com/watch?v=PKiE-GeT_Sk




.