http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-07-10

หนุ่มเมืองจันท์: นอนให้หลับ

.

นอนให้หลับ
โดย หนุ่มเมืองจันท์ boycitychan@matichon.co.th www.facebook/boycitychanFC คอลัมน์ ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ
ในมติชนสุดสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 06 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1664 หน้า 24


เคยเจอ "ผีอำ" ไหมครับ

"ผีอำ" คือ การนอนหลับไปแล้วตื่นขึ้นมา รู้สึกตัว แต่กลับขยับร่างกายไม่ได้ 
เหมือนมีใครมาจี้จุดแบบหนังกำลังภายใน 
กว่าจะขยับตัวได้ ต้องใช้เวลาสักพักหนึ่ง


เวลาเจออาการ "ผีอำ" ทีไร ผมจะต้องตั้งสติและทำพิธีกรรมไล่ผีทันที
เริ่มจากบอกตัวเองว่า "ลืมตาได้แล้ว"
เชื่อไหมครับว่ากว่าจะสั่งหนังตาบนให้ขยับพ้นจากหนังตาล่าง
ใช้เวลานานน่าดูเลย

ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่คงเคยผ่านประสบการณ์ "ผีอำ" มาบ้างแล้ว 
รู้ว่าไม่ใช่ "ผีอำ" 
แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร 
ผมเพิ่งมากระจ่างแจ้งแจ่มภพเมื่อได้อ่านหนังสือ "นอนให้หลับ" ของ นพ.สนทรรศ บุษราทิจ จิตแพทย์ประจำโรงพยาบาลศิริราช 
อ่านง่าย และมีประโยชน์มากครับ


คุณหมอสนทรรศ บอกว่า การนอนของคนเรานั้นจะมี 2 แบบ คือ 1.นอนหลับแบบดวงตาไม่เคลื่อนไหว
แบบนี้คือ กระบวนการนอนที่นำไปสู่การหลับลึก ตั้งแต่สะลึมสะลือ ไปจนหลับลึก 
2. นอนหลับแบบดวงตายังเคลื่อนไหวอยู่
ลองหลับตาแล้วกรอกตาไปมาสิครับ
นั่นแหละ แบบนี้เลย

นอนหลับแบบที่ 2 กล้ามเนื้อใหญ่ เช่น แขน ขา ฯลฯ จะไม่ทำงาน
แต่ระบบต่างๆ ในร่างกายยังทำงาน 
คุณหมอสนทรรศใช้คำว่า "ร่างกายเรานอนแช่แข็ง แต่สมองกลับตื่นขึ้นมาทำงาน" 
อาการนี้ล่ะครับที่เรียกว่า "ผีอำ"

เป็นอาการคล้ายกับองค์กร "นิติบัญญัติ" กับองค์กร "ตุลาการ" ในร่างกายทะเลาะกัน
"ตุลาการ" ก็เหมือนกับ "สมอง" ชอบสั่งการ 
"นิติบัญญัติ" ก็เหมือนกับ "ร่างกาย"
ทะเลาะกันทีไร วุ่นวายทุกที

เอ๊ะ สงสัยจะผิดเรื่องแล้ว
กลับมาเรื่องการนอนดีกว่า


รู้สึกไหมครับว่าคืนไหนที่นอนหลับสนิท 
ตื่นเช้าขึ้นมาจะสดชื่นมาก 
และรู้สึกว่าวันนี้ช่างสดใสเหลือเกิน 
ทั้งที่ยังไม่ลุกขึ้นจากที่นอนเลย

ใครจะไปนึกว่า แค่ "การนอนหลับ" ก็ทำให้เรามีความสุข
เป็นการหาความสุขที่เริ่มต้นแบบง่ายๆ 
เริ่มที่การนอนหลับ
เอ้อ...แล้วตื่นด้วยนะครับ
เพราะถ้าหลับแล้วไม่ตื่น ฟื้นไม่มี นั้นเป็นความสุขอีกแบบที่ยังไม่อยากได้ในตอนนี้ 

ในเมืองไทยมีคนจำนวนไม่น้อยที่ "นอนไม่หลับ" 
คุณหมอสนทรรศ บอกว่า สิ่งที่ตามมาหลังการนอนไม่หลับก็คือ ความกังวลว่าทำอย่างไรจะนอนหลับ 
พอนอนไม่หลับติดต่อกันหลายคืน ก็เริ่มทุกข์ 
กลัวจะเป็นโรคนอนไม่หลับ

น่ากลัวนะครับ 
ยิ่งกังวลยิ่งนอนไม่หลับ

ในหนังสือเล่มนี้ คุณหมอแนะนำว่าการแก้ปัญหา "นอนไม่หลับ" นั้น ให้เริ่มต้นจาก "สุขลักษณะการนอน" ก่อน 
เริ่มจากเรื่องที่พอรู้อยู่แล้ว 
มีทั้งงดเครื่องดื่ม ชา กาแฟ หรือน้ำอัดลมที่มีกาเฟอีน 
งดดื่มแอลกอฮอล์ก่อนนอน 
หลีกเลี่ยงอาหารมื้อหนักก่อนนอน 
ไม่ออกกำลังกายก่อนนอน ควรเว้นประมาณ 4-5 ชั่วโมงก่อนนอน  
หลีกเลี่ยงการงีบหลับตอนกลางวัน 
เข้านอนและตื่นเป็นเวลา 
จัดห้องนอนให้มีสภาพแวดล้อมเหมาะสมกับการนอน

และข้อนี้ "จัดห้องนอนไว้สำหรับนอนเท่านั้น" 
อย่าทำกิจกรรมอื่นในห้องนอน 
แฮ่ม...ยกเว้นอย่างเดียว
เรื่องนี้คุณหมอระบุชัดในหนังสือ

เพราะเรื่องบางเรื่องเหมาะที่จะทำในห้องนอน
ไม่ใช่ "ระเบียง"
เอ้อ...ตรงนี้ผมเติมเอง



แต่ประเด็นที่คุณหมอให้ความสำคัญมาก คือ เมื่อนอนไม่หลับ อย่านอนต่อ 

ล้มตัวลงนอนแล้ว ผ่านไปสักครึ่งชั่วโมง ไม่ยอมหลับ 
ให้ลุกขึ้น อย่าไปอาลัยอาวรณ์ที่นอน
อย่าพยายามนอนต่อโดยเด็ดขาด ให้ลุกขึ้นทำเป็นไม่สนใจไยดีที่นอน 
ไปทำกิจกรรมอื่นๆ ที่ไม่เครียด เช่น นั่งฟังเพลง อ่านหนังสือธรรมะ
ห้ามทำกิจกรรมที่มีประโยชน์ เช่น ทำงานบ้าน ทำงานที่ค้างอยู่ ฯลฯ 
อ่านนิยายหรือดูรายการโทรทัศน์ที่ตื่นเต้นเร้าใจก็ห้ามเช่นกัน
ให้ทำกิจกรรมเบาๆ จนเริ่มง่วง จึงค่อยกลับไปนอนต่อ

ผมเสนอว่าเราควรมีพิธีกรรมเล็กน้อย เช่น ตบหมอน-บอกที่นอนด้วยเสียงเด็ดขาด 
"ให้โอกาสอีกครั้งนะ" 
ครับ บางครั้งเราต้องเล่นไม้แข็งกับที่นอนบ้าง เดี๋ยวจะได้ใจ 

หลายคนคงสงสัยว่าทำไมเราต้องลุกจากเตียงทันทีถ้านอนไม่หลับ
คำตอบก็คือ ในทางจิตวิทยา ถ้าเรายังนอนแช่อยู่บนเตียงทั้งที่นอนไม่หลับ
สมองจะเริ่มจับคู่ระหว่างการนอน "ไม่หลับ" กับการนอนอยู่บน "เตียง"

พอเป็นเช่นนี้บ่อยๆ เข้า เมื่อเราเห็นเตียง
สมองจะสั่งให้เราตื่น
ไม่เชื่อลองสังเกตดูสิครับ ถ้านอนไม่หลับบ่อยๆ แล้วยังนอนแช่อยู่บนเตียง
บางวันที่เราง่วงมาก
แต่พอเห็นเตียงหรือล้มตัวนอน 
ตากลับสว่างทันที



"อมร" ไปปรึกษาหมอเรื่องเห็น "ที่นอน" แล้วตาสว่าง
"สงสัยเพราะนอนไม่หลับแล้วนอนต่อไปเรื่อยๆ พอทำประจำ สมองจะจับคู่ระหว่างการนอนไม่หลับกับที่นอน" คุณหมอวิเคราะห์ ถามต่อ 
"อาการนี้เกิดขึ้นทุกคืนหรือเปล่า"
หนุ่มมรส่ายหน้าก่อนเล่าอาการของโรคอย่างละเอียด

"คืออย่างนี้ครับ ส่วนใหญ่จะเป็นคืนที่กลับบ้านดึกมาก พอผมจะทิ้งตัวนอนเบาๆ เห็น....ติ๊นนอนมองตาเขียว แต่ไม่ถามอะไรสักคำ"
"คืนนั้น ผมจะตาสว่าง นอนไม่หลับเลยครับ" 
หมอยิ้มแล้วทายต่อ 
"มือเป็นเหน็บด้วยใช่ไหม"

"หมอรู้ได้ไง" อมรตกใจ
คุณหมอหัวเราะ
"เพราะคุณนอนคว่ำหน้าทั้งคืนเลย"



.