http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-07-03

หนุ่มเมืองจันท์: แค่หุงข้าว

.

แค่หุงข้าว
โดย หนุ่มเมืองจันท์ boycitychan@matichon.co.th www.facebook/boycitychanFC คอลัมน์ ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ
ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1663 หน้า 24


จําได้ว่าครั้งหนึ่ง "ธนินท์ เจียรวนนท์" เคยบอกว่า "ข้าวไทย" ถ้าใครได้ทดลองชิมแล้วจะติดใจ
แต่เวลาที่ขยายไป "ตลาดใหม่" ที่ไม่เคยกินข้าวเป็นอาหารหลัก 
เรามักเริ่มต้นด้วยให้เขาทดลองชิม "ข้าวสวย" ที่หุงใหม่ๆ จนเขาติดใจ 
และคิดว่าจะขาย "ข้าวสาร" ได้

ลืมนึกไปว่าคนที่ไม่ได้กินข้าวเป็นอาหารหลัก เขาหุงข้าวไม่เป็น 
"ธนินท์" บอกว่าบางทีเราอาจต้องขายข้าวพร้อม "หม้อหุงข้าว" 
ฟังตอนแรกนึกว่า "ธนินท์" พูดเล่น แต่พอนึกดูดีๆ ก็รู้เลยว่าทำไมเขารวย 
เพราะ "ธนินท์" เป็นคนคิดละเอียดมาก คิดแทนใจผู้บริโภค


นึกดูสิครับ ประเทศไหนที่ไม่เคยกินข้าวเป็นอาหารหลัก เขาไม่มีทางรู้ว่าการหุงข้าวนั้นทำอย่างไร 
คงเหมือนคนไทยในอดีตที่ได้ชิม "ขนมปัง" 
อร่อย แต่จะอบขนมปังอย่างไร ไม่รู้

ดังนั้น ถ้าเราขยายตลาดข้าวไปยังตลาดใหม่ ต่อให้เขาชอบ "ข้าวไทย" แค่ไหน แต่ถ้าไม่รู้วิธีการหุงข้าว 
"ข้าวไทย" ก็ขายยาก 
และในโลกยุคใหม่ ทุกอย่างต้องสะดวกและง่าย 
แนวคิดขายข้าวพร้อมหม้อหุงข้าวจึงเป็น "นวัตกรรม" การขายข้าวที่น่าสนใจมาก 
ไม่รู้ว่าตอนนี้ "ซีพี" เริ่มทำแล้วหรือยัง

ผมนึกถึงแนวคิดนี้ของคุณธนินท์ขึ้นมา เพราะอ่านนิตยสาร "เส้นทางเศรษฐี" เล่มล่าสุดที่มีเรื่อง "นวัตกรรม" การหุงข้าวเหนียว 
"ข้าวเหนียว" นั้นหุงยากกว่า "ข้าวสวย" อีก 
ต้องแช่ข้าวในน้ำหลายชั่วโมง  
และกรรมวิธีการหุงก็ยุ่งยาก

อุปกรณ์การหุงข้าวเหนียวก็ไม่เหมือนข้าวสวย 
คนอีสานส่วนใหญ่จะใช้ "หวด" ที่ทำจากไม้ไผ่สานเป็นอุปกรณ์การนึ่งข้าวเหนียว 
จะนึ่งข้าวเหนียวให้นุ่มทั่วก็ต้องพลิกข้าวให้เจอกับไอน้ำเป็นระยะๆ 
ยุ่งยากมาก 
คอลัมน์ "ไอเดียแปลก" ใน "เส้นทางเศรษฐี" เสนอสินค้าใหม่ที่น่าสนใจ

"หวดรัชภัฎ"


"รัชภัฎ พรพันธุ์" เป็นคนชลบุรี เคยค้าขายทั่วไปอยู่หลายปีแต่ไม่ประสบความสำเร็จ 
บางที "แรงกดดัน" ก็ทำให้เราเกิด "ปัญญา" ขึ้นมา 
เพราะวันที่เขาแย่ที่สุด "รัชภัฎ" เริ่มทบทวนตัวเอง 
เขาชอบทำอะไร
ชอบค้าขายจริงหรือ

คำตอบที่ได้ ก็คือ จริงๆ แล้วเขาชอบประดิษฐ์คิดค้นสิ่งแปลกๆ
ตอนจบชั้น ม.ศ.5 หรือ ม.6 ในวันนี้ "รัชภัฎ" เคยประดิษฐ์สิ่งต่างๆ มากมาย 
ทุกครั้งที่ลงมือประดิษฐ์คิดค้นอะไรขึ้นมา เขาจะมีความสุขมาก 
ตอนที่ตกงาน เขาจึงทำสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ขึ้นมาเป็นจำนวนมาก 
ด้วยวิธีคิดง่ายๆ ถ้าทำขึ้นมาสัก 100 อย่าง 
"มันน่าจะโดนสักอย่าง"

ระหว่างการคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ "รัชภัฎ" ยังเริ่มเรียนรู้การจดสิทธิบัตร 
และได้เรียนรู้ว่าสิ่งประดิษฐ์ที่จะเรียกว่า "นวัตกรรม" นั้น จะต้องขายได้ 

ถ้าขายไม่ได้ ก็จะเป็นเพียง "สิ่งประดิษฐ์" 

โครงการแรกที่เขาทำคือ เครื่องอุ่นกาแฟที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ 
เครื่องอุ่นกาแฟทำด้วยเซรามิก เสียบสายกับเครื่องคอมพิวเตอร์ เหมาะกับคนเล่นคอมพิวเตอร์ที่ชอบดื่มกาแฟร้อนๆ 
โครงการนี้ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าไร

จนวันหนึ่ง เขาย้ายไปอยู่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นบ้านของภรรยา 
ลูกชายคนเล็กที่โตที่อุบลฯ อ้อนพ่อให้หุงข้าวเหนียวให้เขาหน่อย
"แต่ผมหุงไม่เป็น พอไปสอบถามชาวบ้านว่าหุงข้าวเหนียวกันอย่างไร ใช้เวลาหรือสัดส่วนข้าวกับน้ำเท่าไร ปรากฏว่าไม่มีใครตอบได้"

ครับ "ปัญหา คือ บิดาของนักประดิษฐ์" 
จาก "ปัญหา" นี้ทำให้ "รัชภัฎ" เกิดประกายไฟแวบขึ้นมาทันที 
"ผมเริ่มคิดว่าน่าจะทำอะไรสักอย่างที่ทำให้หุงข้าวเหนียวได้ง่ายๆ"

เขาลองผิดลองถูกมาพักหนึ่ง ระหว่างนั้น "รัชภัฎ" ก็เริ่มมองเห็นโอกาสทางธุรกิจ 
คนไทยที่บริโภคข้าวเหนียวเป็นประจำ คือ คนอีสานกับคนเหนือ 
"ครึ่งประเทศ" นะครับ
ตลาดใหญ่มาก



กระบวนการคิดงานของ "รัชภัฎ" น่าสนใจมาก 
เขาเริ่มต้นจากการศึกษากลไกการทำงานของ "หวด" อุปกรณ์นึ่งข้าวเหนียวพื้นบ้าน 
เขาพบว่าตัวแปรที่ทำให้ข้าวเหนียวสุก คือ "ไอน้ำ" ที่ระเหยจากภาชนะโลหะทนความร้อนมากระทบกับ "ข้าวเหนียว" ใน "หวด"

"รัชภัฎ" จึงสร้างหวดรูปแบบใหม่ที่มีฐานรองทำมาจาก "ก้านตาล" 
ฐานรองนี้จะทำให้ "หวด" ใส่ข้าวเหนียวที่ทำจากไม้ไผ่สานลอยพ้นน้ำ 
เขาลองนำ "หวดรัชภัฎ" นี้ไปใช้กับกระทะ หม้อต้มบ้าง แต่สุดท้ายก็ค้นพบว่าอุปกรณ์ที่เหมาะที่สุดคือ "หม้อหุงข้าวไฟฟ้า" 

เพราะมีใช้ทุกบ้าน 
การนึ่งก็สะดวก เพราะมีระบบตัดไฟอัตโนมัติเมื่อน้ำแห้ง

วิธีการง่ายมาก เพียงแค่นำหวดนี้ไปตั้งในหม้อหุงข้าวไฟฟ้า นำข้าวเหนียวที่แช่ใส่ในหวดและเทน้ำลงในหม้อหุงข้าวไฟฟ้า 
ข้าวเหนียวและน้ำจะมีสัดส่วนระบุไว้ชัดเจนว่าข้าวเหนียวเท่าไร ต่อน้ำเท่าไร 
กดปุ่มหุงข้าวเหมือนหุงข้าวสวย 
พอน้ำแห้งก็จะได้ข้าวเหนียวนึ่งตามที่ต้องการ 
และเป็นข้าวเหนียวนึ่งที่มีกลิ่นไม้ไผ่เหมือนการนึ่งแบบพื้นบ้าน

"หวดรัชภัฎ" ขายดีมาก
ผมเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติม เพิ่งรู้ว่า "หวดรัชภัฎ" กวาดรางวัลมามากมาย 
ทั้งเป็น "เดอะ วินเนอร์" จากรายการ "สมรภูมิไอเดีย" 
ได้ประกาศเกียรติคุณจากสภาวิจัยแห่งชาติ ฯลฯ

ไม่ธรรมดา

ตอนหลัง "รัชภัฎ" ค้นพบตลาดใหม่ที่ใหญ่มาก คือ กลุ่มนักเรียน-นักศึกษาที่อยู่ในหอพัก 
นึกถึง "เด็กอีสาน-เด็กเหนือ" อยากกิน "ข้าวเหนียว" แต่ไม่รู้จะหุงข้าวเหนียวอย่างไร 
จะใช้ "หวดรัชภัฎ" รุ่นแรกที่ผลิตก็มีขนาดใหญ่มาก 
"รัชภัฎ" จึงปรับขนาดใหม่ให้เล็กลงเพื่อเจาะตลาดนี้ 
สามารถนึ่งกินคนเดียวได้ 
ยอดขายตอนนี้ประมาณปีละหมื่นกว่าใบ


เป้าหมายของเขาก็คือ จะทำให้ "หวดรัชภัฎ" เป็นอุปกรณ์หนึ่งที่ต้องมีประจำในครัวเรือน 
"เหมือนตะแกรงปิ้งปลาที่ไม่ได้ใช้ทุกวัน แต่ต้องมีติดบ้านไว้" 
เป็นเป้าหมายง่ายๆ 
แต่ขนาดตลาดใหญ่มาก

ผมไม่รู้ว่าถ้าวันหนึ่ง "ซีพี" คิดบุกตลาดข้าวเหนียว 
"ธนินท์" อาจซื้อสิทธิบัตรของ "รัชภัฎ" เพื่อสร้างกลยุทธ์ใหม่ 
ขายข้าวเหนียวแถม "หวดรัชภัฎ" ก็ได้



.