http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-05-29

หนุ่มเมืองจันท์: สมการ “ตลก”

.

สมการ “ตลก”
โดย หนุ่มเมืองจันท์ boycitychan@matichon.co.th www.facebook/boycitychanFC คอลัมน์ ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ
ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1658 หน้า 24


เพิ่งอ่าน a day เล่มใหม่ เขาพาดหน้าปกว่า "พบตลกดังทั่วฟ้าเมืองไทย"
เลียนแบบคัตเอ๊าต์หน้า "คาเฟ่" ดังในอดีต 
เขาไล่สัมภาษณ์ตลกดังๆ เพียบเลย ตั้งแต่ "หม่ำ จ๊กมก-เท่ง เถิดเทิง-โหน่ง ชะชะช่า-เทพ โพธิ์งาม-เด๋อ ดอกสะเดา-โน้ต เชิญยิ้ม-เป็ด เชิญยิ้ม-จิ้ม ชวนชื่น-แจ๊ส ชวนชื่น ฯลฯ"
"ตลก" ไม่มาก แต่ "สนุก" มากครับ

นอกจากจะเห็นพัฒนาการของ "ตลก" แล้ว ผมชอบ "มุมคิด" ของแต่ละคน 
ยืนยันว่า "ไม่ธรรมดา" 
เช่น คุณรู้ไหมว่า "ตลก" คืออะไร 
ตอบยากนะครับ แต่ "เป็ด เชิญยิ้ม" ตอบเป็นสมการคณิตศาสตร์ 
ตลก = ความจริง + สิ่งที่ไม่คาดคิด

"ความจริง คือ สิ่งที่เกิดขึ้น แต่ถ้าคุณบวกสิ่งที่ไม่คาดคิดเมื่อไร เสียงหัวเราะจะเกิดขึ้น"
งงใช่ไหมครับ ลองดูตัวอย่างนี้ 
ก.เมื่อเช้าผมยัวะมาก เล่นรัมมี่กับเพื่อนฝูงอยู่หลายคน เมียผมเท้าเอวด่า ไอ้ห่า เล่นรัมมี่เดี๋ยวไปทำงานไม่ทัน ผมบอก ผัวเมียคุยอะไร คุยกันสองต่อสอง อย่ามาด่าต่อหน้าเพื่อนสิ แล้วลุกขึ้น...เตะก้านคอเลย 
ข.เตะเมีย
ก.เตะเพื่อนให้เมียดู

...ตึ่งโป๊ะ

ครับ "เตะเมีย" คือ สิ่งที่คนฟังคาดคิด 
"เตะเพื่อนให้เมียดู" คือ สิ่งที่ไม่คาดคิด 
ลาก "ความจริง" มาให้คนคิดแบบหนึ่ง แล้วตบอีกแบบหนึ่งที่คนไม่คาดคิด 
เสียงหัวเราะจึงเกิดขึ้น 
เท่ไหมล่ะ


หรือ "โน้ต เชิญยิ้ม" ที่บอกว่า "ตลกทุกคนมีครูคนเดียวกัน คือ ความยากจน
เป็นคำของ ครูสลา คุณวุฒิ ที่เขาชอบมาก 
"ความยากจนสอนให้ผมรู้จักซื่อสัตย์ต่ออาชีพ สอนให้ผมรู้จักความกตัญญู และสอนให้ผมรู้จักการใช้ชีวิตโดยไม่ประมาท ความยากจนเป็นครูของเรา

ยัง ยังไม่พอ
"โย่ง เชิญยิ้ม" บอกว่าเขามี "พระดี" อยู่องค์หนึ่ง 
พระองค์นั้น ชื่อ "พยายาม"
หูเป็นแผลไหมล่ะ



ในทางการตลาด "ตลก" คือ ตัวอย่างหนึ่งของการสร้าง "ความแตกต่าง" 
สินค้าที่มีเป้าหมายเดียวกัน คือ สร้างเสียงหัวเราะให้กับคนดู  
แต่ "ตลก" แต่ละคนจะมี "ภาพจำ" แตกต่างกัน 
"ภาพจำ" ของ "แอนนา ชวนชื่น" คือ การพูดสำเนียงจีนไหหลำ 
คำฮิตที่สุดคือคำว่า "ถั่วต้ม" 
มาจากคำว่า "ถูกต้อง"

หรือ มุขร้องไห้ของ "โก๊ะตี๋" 
"ไม่อาว ไม่พูด" ของ "จาตุรงค์ มกจ๊ก" 
"ฟันหลอ" และการพูดไม่ชัดของ "เต่า เชิญยิ้ม" ฯลฯ

ทุกคนพยายามสร้างเอกลักษณ์ของตัวเองเพื่อสร้างความแตกต่าง 
นอกจากนั้น วิธีคิดของคนอาชีพนี้น่าสนใจมาก 
อย่าง "โน้ต เชิญยิ้ม" เล่าว่าตอนที่เล่นตลกคาเฟ่ เขาจะย้ำกับ "เป็ด" เพื่อนซี้ว่าการแต่งเนื้อแต่งตัว เสื้อผ้าหน้าผมต้องสะอาด 
ก่อนขึ้นเวทีเขาจะเข้าห้องน้ำล้างมือ หรือบางทีก็เอาน้ำหอมฉีดมือนิดนึง 
"เพราะถ้าเราเล่นดี ลงมาต้องมีคนมาขอจับมือ" 
หรือ "รองเท้า" ต้องสะอาด 
"เพราะเวลายืนบนเวที ปลายเท้าเรากับหน้าคนดูเท่ากัน" 
ถ้ารองเท้าสกปรก "โน้ต" บอกว่าเหมือนกับเราไม่เคารพคนดู
คิดละเอียดมาก

หรือกลยุทธ์การเก็บ "มุข" ของตลกแต่ละคน 
ทุกคนยืนยันเหมือนกันว่าต้องพยายามพัฒนามุขตลอด 
ทำ "มุข" ให้เหมือน "ทิชชู" 
"ใช้" แล้ว "ทิ้ง" 
อย่าง "เท่ง" นั้นเขาจะจดมุขที่เจอแต่ละวันใส่เศษกระดาษ 
"แต่ละวันกระเป๋าของเราจะมีเศษกระดาษเต็มไปหมด" 
เวลาเจอวงเหล้าแล้วได้ยินเสียงหัวเราะ "เท่ง" บอกว่าอยากจะเข้าไปถามว่าขำเรื่องอะไรกัน เผื่อจะได้มุขเด็ดๆ
แน่นอน ในวงสังสรรค์ เมื่อไรเพื่อนเรียกเสียงฮาได้ เขาจะจดมุขใส่กระดาษยัดในกระเป๋าทันที 
และหนึ่งมุขในเศษกระดาษนั้น 
คือ เพลง "กินตับ"


วิธีการสอนของ "ตลก" ก็ไม่ธรรมดา 
"แจ๊ส ชวนชื่น" บอกว่า พี่จิ้ม ชวนชื่น ชอบชวนเขาไปเรียนละครใบ้ ไปดูคอนเสิร์ต Linkin Park 
เขาก็สงสัยว่าคนในคณะมีตั้งเยอะ ทำไมไม่เอาไป 
"ตอนหลังพี่จิ้มบอกว่ากูอยากให้มึงเห็นพลังของเขาที่ใช้ในการทำงาน พี่ไม่ใช่คนเก่ง แต่พี่ขยัน ทำอะไรทุ่มให้สุดตัว เอาออกมาให้เต็ม อย่าเล่นแต่ร่างกาย ความรู้สึกต้องไปด้วย" 
เป็นกลยุทธ์การสอนแบบ "ไม่สอน" 
ไม่พูดตรงๆ แต่ให้เห็นด้วยตัวเอง

"ตลก" ทุกคนนั้นมีเป้าหมายเหมือนกัน คือ เสียงหัวเราะของคนดู 
และเมื่อขึ้นเวทีแล้ว ทุกอย่างต้องวางไว้ข้างล่าง  
"แอนนา ชวนชื่น" เล่าว่า ตอนที่เขาเล่นตลกอยู่ในวงดนตรีลูกทุ่ง "สายัณห์ สัญญา" พ่อของเขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต 
แต่เขาต้องขึ้นเวที 
"ผมต้องสลัดมันเลยนะ ต้องทำให้ได้" 
เขาเล่นทั้งที่น้ำตายังไม่ทันแห้ง 
หน้าเวทีหัวเราะกันลั่น แต่เมื่อจบการแสดง "แอนนา" เดินเข้าหลังเวที น้ำตาอาบแก้มเหมือนเดิม 
ทุกคนในคณะตบมือให้ "แอนนา" 
เดอะ โชว์ มัสต์ โก ออน

"ตลก" คนหนึ่งสรุปว่า "ความทุกข์ของเรา ไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายเสียงหัวเราะผู้ชม
คมไหมล่ะ 
ทายสิครับว่าคนพูดคือใคร 
"หม่ำ จ๊กมก" ครับ

อีกประโยคหนึ่ง 
"ผมเชื่อว่าเวลาเจอปัญหา เราต้องอย่าหนีปัญหา จงเดินเข้าหาปัญหา แล้วจะเจอปัญญา" 
อ่านประโยคนี้จบ ผมรู้เลยว่า "หม่ำ" ค้นพบปรัชญานี้จากรายการ "ชิงร้อยชิงล้าน" 
รายการนี้ปัญหาคงเยอะ 
"หม่ำ" ใช้วิธีแก้ไขด้วยการเดินเข้าหา "ปัญหา" 
แล้วเจอ "ปัญญา"

... นิรันดร์กุล 
ตึ่งโป๊ะ!!!



.