http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-05-04

จอห์น: เราโดนอะไรดูดดึง ให้วนเวียนฯ, ไปดูรูปโป๊ที่เขื่อนกันดีกว่า

.

เราโดนอะไรดูดดึง ให้วนเวียนติดตรึงอยู่บนโลกา
โดย จอห์น วิญญู spokedark.tv www.facebook.com/spokedarktv
ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 04 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1655 หน้า 79 


เราถูกยึดไว้ด้วยแรงอะไรบนโลกนี้ แรงปรารถนา หรือแรงรัก ฮิฮิ ไม่หรอก ผมไม่ได้มาดราม่าแต่หัววัน ผมพูดถึงแรงโน้มถ่วงโลกน่ะ แรงอะไรที่มันดูดเราไว้ให้ติดกับผิวโลกอ่ะ? จริงๆ มันดูดเราไว้หรือผลักเราให้เข้าไปหาแก่นของแกนโลกกันแน่ 
ไม่รู้เหมือนกันวุ้ย จะมาวิทยาศาสตร์อะไรกันตอนนี้ เดี๋ยวก็แผ่นดินไหว เดี๋ยวก็สึนามิ เดี๋ยวก็พายุสุริยะ โลกก็จะแตกแล้ว เดี๋ยวอุกกาบาตอาจจะชนโลก โอ้ย เยอะ ปวดหัว 
พ่อหมอพี่เขยผมบอกว่าถ้ากำลังมีอุกกาบาตหรือดาวอะไรจะวิ่งมาชนโลกเขาจะทวีตเตอร์ให้ทุกคนในโลกวิดพื้นพร้อมกัน 
ถ้านาซ่าบอกว่าอุกกาบาตจะมาทางตะวันออกเขาจะทวีตเตอร์บอกให้คนทางซีกโลกตะวันตกวิดพื้น ส่วนคนตะวันออกให้ใช้วิชาตัวเบาอย่าไปถ่วงเขา
แต่ถ้าอุกกาบาตมาทางตะวันออกเขาจะทวีตเตอร์บอกชาวเอเชียทั้งภูมิภาคนี้ให้วิดพื้น เผื่อโลกจะขยับหลบอุกกาบาตอุกกาบ้าได้
หลังจากทุกคนทางตะวันออกทราบหน้าที่ของตัวเองแล้ว พ่อหมอก็จะรีบขึ้นเครื่องบินไปยุโรปเพื่อไปสอนวิชาตัวเบาให้แก่ชาวตะวันตก จะได้ไม่ถ่วงชาวตะวันออก 
แน้ ตลกแดกระดับจักรวาลเลยทีเดียว จะไม่ช่วยเค้าวิดพื้นยังจะหล่อได้อีกเนาะ ฮิฮิ


แน่ละจ้ะมันต้องมีพลังอะไรบางอย่างที่กระทำกับตัวเรา จะดันหรือจะดูดก็ไม่รู้แหละเพราะมันก็เป็นแค่แรงคนละทิศ แต่ที่แน่ๆ ต้องมีแรงมากระทำแน่นอนล่ะ 
คน สัตว์ สิ่งของ ทุกสรรพสิ่งในโลกล้วนเป็นสสารที่เกิดจากพันธเคมีของธาตุหลากหลาย ประกอบขึ้นมาเป็นตัวเราใช่ป่ะ ในธาตุต่างๆ ที่เป็นส่วนประกอบของทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ก็ประกอบด้วย "อะตอม"ซึ่งชาวกรีกโบราณมว้ากเข้าใจว่ามันเป็นสิ่งที่เล็กที่สุดในโลกนี้ แต่ต่อมา เออร์เนสต์ รัตเทอฟอร์ด ก็บอกว่าในอะตอมมันมีอะไรที่เล็กกว่านั้นอยู่อีก ซึ่งก็คือ "นิวเคลียส" อันมี "อิเล็กตรอน" โคจรรอบๆ อยู่
อย่าเพิ่งทำคิ้วชนกันเด่ะ

แล้วในนิวเคลียสก็ยังมีอะไรที่เล็กกว่าอยู่ในนั้นอีก ซึ่งก็คือ "โปรตรอน" กับ "นิวตรอน" 
มาพักลำดับความกันแป๊บนึงละกัน ณ ตอนนี้อะไรเล็กที่สุด 
(โปรตรอน+นิวตรอน) = นิวเคลียส 
(นิวเคลียส) มีอิเล็กตรอนโคจรอยู่โดยรอบ = อะตอม 
แล้วไอ้โปรตรอนกับนิวตรอนมันอยู่ด้วยกันได้ยังไงฟะ อะไรดึงมันไว้ อะไรดูดมันไว้ ให้มันอยู่ด้วยกันในนิวเคลียสนั้นได้ มันต้องมีแรงธรรมชาติอะไรสักอย่างสิ แน่นอนป๋าๆ นักวิทยาศาสตร์เค้าก็บอกเราว่ามันคือแรงนิวเคลียร์เข้มข้นมว้ากกกกกกกกกกก ที่ทำให้สิ่งที่เล็กที่สุดในโลกมันยึดเหนี่ยวกันไว้ได้

ตอนนี้เรากำลังพูดถึงตัวของคุณอยู่นะครับท่านผู้อ่าน ตัวคุณประกอบขึ้นมาจากอะไรพวกนี้แหละ พวกที่เล็กๆ เนี่ยแหละ พอมันประกอบเป็นตัวคุณ เป็นสัตว์ เป็นสิ่งของ บลาๆๆ มันย่อมมีแรงธรรมชาติอะไรบางอย่างยึดเหนี่ยวกันไว้ 
แน่นอนนักวิทยาศาสตร์ย่อมเป็นนักวิทยาศาสตร์วันยังค่ำ คำถามที่หนึ่งจบไป คำถามที่สองก็ตามมาใหม่อย่างไม่มีวันจบสิ้น 
อะไรที่เล็กที่สุดย่อมมีอะไรที่เล็กกว่าลึกลงไปอีก 
ใช่แล้ว

นักฟิสิกส์ทั้งหลายพยายามอธิบายเสถียรภาพของนิวเคลียสว่ามันประกอบขึ้นมาจากอนุภาคพื้นฐานสุดๆ 3 ตัว พวกป๋าๆ เขาเรียกพวกมันว่า "ควาร์ก" และเจ้าควาร์กเหล่านี้มันยึดติดกันไว้ด้วยอนุภาคสื่อแรงที่เรียกกว่า "กลูออน" อีกที 
บร๊ะเจ้า ทำไมมันช่างขุดคุ้ยขนาดนี้วะ พอๆๆ เค้าจะปรองดองกันแล้ว
ยัง ...

จนบัดนี้ป๋าๆ ก็ยังไม่เคยเจอควาร์กอิสระเลย นั่นหมายความว่าควาร์ก 3 ตัวไม่เคยแยกจากกัน กลูออนมันยึดเหนี่ยวควาร์กเข้าไว้ด้วยกันด้วยแรงมหาศาลบัดซบที่สุดในจักรวาลจนแกะมันไม่ออก 
แบบนี้ขี้ไคลใต้จั๊กกะแร้ของผมก็คงเป็นควาร์กเหมือนกัน พยามถูมาสามชาติกว่าแล้วไม่หลุดสักที



คือเง้ครับพี่น้อง 
จากเรื่องแผ่นดินไหวในประเทศและภาพติดตาจากเหตุการณ์ที่เฮติ ผมแค่สงสัยว่าอะไรยึดเหนี่ยวตัวเราและโลกนี้ไว้ให้มันเป็นรูปเป็นทรงอยู่อย่างนี้ได้ 
ผมก็เลยนึกถึงเรื่องอะตอมขึ้นมาเฉยๆ เพราะแรงที่ยึดเหนี่ยวสิ่งเล็กที่สุดในโลก แล้วสิ่งเล็กที่สุดในโลกประกอบขึ้นมาเป็นโลกใบนี้ มันต้องมีพลังมหาศาลยึดเหนี่ยวกันไว้และกระทำระหว่างกันอยู่แน่นอน 
แต่จากเท่าที่ทราบตอนนี้ก็มีเจ้าควาร์กที่เล็กที่สุดและแรงธรรมชาติมหาศาล ซึ่งมาจากไหนก็ไม่รู้ มันอาจจะมาจากนอกโลกก็ได้ หรือมันจะมาจากในโลกก็ไม่รู้ นักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่รู้  
เราย้อนเข้าไปในส่วนที่เล็กสุดของเราเพื่อขยายย้อนกลับออกมายังภาพใหญ่ ผิวน้ำ ท้องฟ้า มหาสมุทร ดาวฤกษ์ ทางช้างเผือก ระบบสุริยะ
มองจากสิ่งที่เล็กที่สุดไปยังสิ่งที่ใหญ่ที่สุด จนบัดนี้ก็ยังหาขอบเขตไม่ได้  
จนบางทีผมก็งงว่าใครโปรแกรมสมองเรามาวะ ให้เรามองหาขอบเขตสุดท้ายของอะไรไปเรื่อยๆ เช่น ก้มหน้าเข้าไปดูในอะตอม พอเจออะไรที่เล็ก ก็หาอะไรที่เล็กลึกลงเข้าไปอีก เงยหน้ามองฟ้าก็หาอะไรที่กว้างใหญ่ออกไปเรื่อยๆ 
เราบอกว่าจักรวาลไม่มีที่สิ้นสุด แต่เรากลับมุ่งค้นหาเส้นขอบสุดท้ายของจักรวาล

แต่ในความเป็นจริงคุณก็รู้อยู่แก่ใจว่าการจะบอกได้ว่าอะไรเป็นเส้นขอบสุดท้ายนั้น มันหมายถึงว่าเมื่อคุณไปถึงเส้นขอบนั้นแล้วคุณเห็นเส้นขอบนั้นพร้อมกับเห็นจุดเริ่มต้นใหม่ของอะไรบางอย่างที่ต่างออกไป 
ยกตัวอย่างเช่น สมัยก่อนคนคงคิดว่าผืนดินกว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด ก็ออกเดินทางค้นหาเส้นขอบสุดท้ายของแผ่นดิน แล้วอะไรที่เป็นตัวบอกว่านั่นคือเส้นขอบสุดท้ายของแผ่นดิน? ถ้าไม่ใช่ทะเล  
เมื่อเจอทะเล ก็ต่อเรือออกหาเส้นขอบสุดท้ายของทะเลอีก 
นี่แหละน้ามนุษย์...

ออกเดินทางค้นหาไปเรื่อยๆ 
ไม่แน่หรอก 
เส้นขอบสุดท้ายของสรรพสิ่ง 
อาจอยู่ที่จุดเริ่มต้นของมัน 



++

ไปดูรูปโป๊ที่เขื่อนกันดีกว่า
โดย จอห์น วิญญู spokedark.tv www.facebook.com/spokedarktv 
ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1654 หน้า 79


ผมคิดว่าพวกเราฟัง "คำอธิบายทางเทคนิค" เรื่องรูปสาวโชว์จุ๋มอล่างฉ่างกลางสภาผู้แทนราษฎรเมื่อสัปดาห์ก่อนมามากพอแล้วล่ะครับ ยิ่งอ่าน "วิธีการสอบสวนหาความจริง" ของหน่วยงานไอทีแล้ว ยิ่งเห็นว่าช่างเป็นการเสียเวลาและเปลืองเนื้อที่สื่ออย่างยิ่งยวด --- เรื่องมันผ่านไปตั้งกี่วันแล้วเพิ่งจะมาดูว่าใครใช้โทรศัพท์ยี่ห้ออะไรยังไงบ้าง เพื่อฟันธงว่าใครอยู่ในข่ายที่จะ "กระทำการอุจาด" ดังกล่าวได้ 
คือถ้านี่คือหลักใหญ่ในการหาความจริงล่ะก็ ---
เดินออกจากสภาวันนั้นกลับบ้านไปเขวี้ยงเครื่องทิ้งแล้วเดินไปซื้อเครื่องใหม่ที่ปากซอย 
ก็รอดแล้วป่ะ???
ไม่ได้ล็อกสภาปิดตายตรวจสอบกันวันนั้นก็อาจจะรู้ยากสักหน่อยล่ะฟระ แต่ก็อีกนั่นแหละ จะยื้อยุดให้ท่านสอสอผู้ทรงเกียรติต้องติดอยู่ข้างในก็รังจะทำให้ท่านหุดหิดใจ เผลอๆ รอนานๆ ควักโทรศัพท์มาดูรูปโป๊อีก เดี๋ยวจะกระทบกับมาตรฐานของพรรค ก๊าก
พอเหอะ อายเค้า


และพวกเราก็ฟังการแถ การดริฟต์ การดูถูกสติปัญญาผู้อื่นจนเป็นนิสัยของพรรคการเมืองเก่าแก่ที่แม้กระทั่งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างการดูรูปโป๊ระหว่างประชุม (ซึ่งคนทั้งโลกที่มีสมาร์ทโฟนเค้าก็ทำกัน --- ก็มันเบื่อเว้ยเฮ้ย) พี่แกยังสามารถตะแบงไม่ยอมรับจนกลายเป็นเรื่องยกตนข่มชาวบ้าน กรูประเสริฐกว่าทุกคนในสามโลกได้ (อีกแล้ว) 
เพราะกรู "ดูเพื่อลบ เปิดเพราะใจบริสุทธิ์" โอ้โห นี่เป็นข้อเท็จจริงระดับเดียวกับการควักโทรศัพท์มาปิดขณะร่วมขบวนแถวเลยนะครับเนี่ย อิอิ

ดีกรีเกินไปจากความ "น่ารำคาญ" แล้วนะครับ --- ดูรูปโป๊ในที่ทำงานน่ะ เวลาโดนจับได้เค้าให้หัวเราะแหะๆ แล้วรีบกลับไปทำงานต่อ (นี่ไม่ได้คาดหวังให้ขอโทษด้วยซ้ำนะพี่ฮ้าาฟฟว์) ไม่ใช่ตะบึงตะบอนชี้นิ้วสั่งสอนคนอื่นว่า ข้าดูได้เพราะข้าดูด้วยใจบริสุทธิ์ 
จะให้สร้างอนุสาวรีย์ให้ด้วยมั้ยคร้าบ?? 
โอ้ย --- ขำ เยอะนะเรา



พี่พี่สื่อมวลชนที่รักครับ พอเถอะนะฮัฟว์ คุยเรื่องเขื่อนแม่วงก์เถอะ จะสร้างเขื่อนอีกแล้วเหรอ? แล้วมันจะดีเหรอ? คุยกันหน่อยดีกว่า เผื่อประชาชนเค้าอยากรู้บ้างไรบ้าง? (ถึงเรื่องภาพโป๊มันจะฟังดีดูกว่าก็เหอะ แต่แหมมม) 
ผมแอบไปดู Presentation โปรโมตการสร้างเขื่อนแม่วงก์ของกรมชลประทาน แล้วก็รู้สึกไม่ค่อยสบายท้องครับ ปวดขี้  
อันที่จริงไอ้เจ้า Presentation ตัวที่ว่าเนี่ย ไม่ได้ต้องแอบดูหรือเป็นความลับอะไรเลย มันก็อยู่ในเว็บไซต์ของกรมชลประทานนี่แหละ

แต่สิ่งที่ก่อให้เกิดความ "ไม่สบายท้อง" อย่างมหาศาลก็คือ ถ้านี่คือ presentation ที่เค้าเอาไปเปิดให้ ครม. ดู และ ครม. ใช้ presentation อันนี้ประกอบการตัดสินใจล่ะก็ ผมว่าให้ผมตัดสินใจเหอะ ---  
เพราะมันเป็นข้อมูลที่ประหลาดมากครับ คือ มันเหมือนจะอธิบายความจำเป็นในการสร้างเขื่อนแห่งนี้โดยที่ไม่ได้อธิบายความจำเป็นอะไรเลย
ผมนั่งดูตั้งแต่ต้นจนจบก็จับต้นชนปลายไม่ได้ ว่าตกลงสุดท้ายแล้วทำไมจึงต้องสร้างเขื่อนนี้

วิดีโอเรื่องนี้เริ่มด้วยการบอกพิกัด ตัวเลขระวางต่างๆ ว่าพื้นที่มีเท่าไหร่ แม่น้ำอยู่ตรงไหนบ้าง ซึ่งมันก็ดีอยู่หรอกครับ ถ้าบรรยายมาซะยาวเหยียดแล้วจะบอกว่าไอ้แม่น้ำและพื้นที่ทั้งหลายที่พูดๆ มาเนี่ย มันเกี่ยวกับการเกิดน้ำท่วมและฝนแล้งยังไง 
พูดง่ายๆ ก็คือ บอกว่าพื้นที่นี้อยู่ตรงไหน ปัญหาของพื้นที่คืออะไร แต่ไม่บอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างพื้นที่กับปัญหานั้นมันคืออะไรกันแน่
แต่ ครับ แต่
บอกว่าวิธีแก้ปัญหาน้ำท่วมและฝนแล้งเพียงวิธีเดียวคือการสร้างเขื่อน

น้ำท่วมใหญ่คราวที่แล้วท่วมเพราะอะไร คำตอบจริงๆ จังๆ เรายังไม่ได้เลยครับ จริงอยู่ น้ำมันอาจจะเยอะผิดปกติ แต่นั่นไม่ใช่ตัวการเดียวของความวินาศสันตะโรที่เกิดขึ้นและยังคงมีแรงกระเพื่อมไปไม่หยุดหย่อนจนถึงเดี๋ยวนี้ 
เรื่องของทางน้ำไหลธรรมชาติ เรื่องของการสร้างโน่นสร้างนี่ขวางทางน้ำ เรื่องของการขุดลอกคูคลองและรักษาความลึกของลำน้ำ เรื่องของโรงงานอุตสาหกรรม สนามกอล์ฟ รีสอร์ตและหมู่บ้านหรูที่ถมคลองหายไปเป็นสายๆ เรื่องของชุมชนแออัดที่ตั้งยื่นเข้าไปในคลอง 

เรื่องของคำถามที่ว่าทำไมเรามีเขื่อนมากมายแต่ในแต่ละปีมีการประกาศเขตพิบัติภัยแล้งกันเป็นวงกว้างหลังจากเพิ่งประกาศพื้นที่ภัยพิบัติอุทกภัย
ไม่มีกลางๆ บ้างเหรอครับ
มีแต่แล้งน้ำไม่มี 
กับท่วมน้ำบาน  
แม้แต่ใน presentation ของกรมชลประทานเอง ยังไม่อธิบายเลยว่าการมีเขื่อนแม่วงก์ขึ้นมาจะป้องกันอุทกภัยได้อย่างไรอย่างเป็นรูปธรรม ทำกราฟิกซะสวยเลยครับ น่าจะจ้างทำแพงเชียว แต่แทบไม่ให้ความรู้ความเข้าใจอะไรเลย


สิ่งสุดท้ายที่สร้างความกังขาเกี่ยวกับระบบวิธีการคิดการตัดสินใจของกลุ่มคนที่ได้ชื่อว่าเป็น "ผู้บริหารประเทศ" ก็คือ ในวีดีโอนี้เฉียดไปพูดเรื่องผลกระทบ "ทางสิ่งแวดล้อมในด้านลบ" แบบแกนๆ (ฟันธงว่าพูดถึงอย่างเสียไม่ได้จริงๆ ก็เพราะช่วงนี้ในวิดีโอ เสียงบรรยายเงียบไปเลย ครับ ให้อ่านเอาเอง) ในส่วนของผลกระทบต่อป่าไม้นี้ เค้าบอกว่าไงรู้มั้ยครับ? 
เค้าบอกว่า ป่าไม้ในเขตอนุรักษ์ที่จะต้องสูญเสียไปมีจำนวน 11,851 ไร่ คิดเป็นปริมาตรไม้ที่ต้องตัดออก 147,409 ลบ.ม. มีมูลค่า 649.17 ล้านบาท (จากการสำรวจของกรมป่าไม้ --- กรมที่มีหน้าที่ดูแลป่าไม้ของประเทศนะครับ ---  
ดูตัวเลขป่าไม้ของประเทศนับตั้งแต่ตั้งกรมป่าไม้ขึ้นมาจนถึงปัจจุบัน ก็น่าจะพอเข้าใจบทบาทหน้าที่จริงๆ ของกรมป่าไม้ว่าคืออะไรกันแน่)

เอาล่ะ จากตัวเลขของกรมป่าไม้ มีต้นไม้บริเวณอ่างเก็บน้ำทั้งหมด (ที่จะต้องหายไป) 556,614 ต้น เป็นไม้สักประมาณ 11% หรือ 57,913 ต้น แสดงว่า ป่าแถวนี้มีต้นไม้เล็กๆ ซะเป็นส่วนใหญ่ "ไม้มีค่าทางเศรษฐกิจ มีเพียงจำนวนน้อย ความสูญเสียจึงไม่รุนแรง" 
ไม่มีตัวเลขบอกเลยว่าป่าไม้ (ต้นเล็กๆ ที่ไร้ค่าทางเศรษฐกิจของพี่แกเนี่ย) แปรเป็นความชื้นและการผลิตออกซิเจนที่จำเป็นต่อการหายใจของมนุษย์เข้าไปเท่าไหร่ เป็นพืชสมุนไพรหรือพืชที่สร้างความหลากหลายให้ระบบนิเวศกี่ต้น 
ไม่บอกกันเลยว่าต้นไม้เล็กๆ ที่ว่านั้นเป็นพืชที่มีความสำคัญของสัตว์ชนิดไหนหรือเปล่า มันเป็นอาหารมื้อเช้ากลางวันเย็นของใครบ้าง และมันเป็น "บ้าน" ของสัตว์อะไรบ้าง 
นอกจากต้นสักที่เอาไปทำโต๊ะได้แล้ว ในสายตาของผู้ที่จะตัดสินใจสร้างเมกะโปรเจ็กต์ที่จะมีผลกระทบอย่างต่อเนื่องยาวนาน ไม่มีข้อมูลอื่นใดสลักสำคัญพออีกแล้ว นอกจากมีต้นสักกี่ต้น  
ที่ปลูกขายกันอยู่โครมๆ นั่นยังไม่พออีกเหรอครับ? 
นี่คือข้อมูลที่หาได้ง่ายๆ แค่เพียงกูเกิ้ลคำว่า "เขื่อนแม่วงก์"


พี่พี่สื่อมวลชนคร้าบ เรื่องรูปโป๊น่ะ Let it be มั่งเหอะ จะสืบสวนสอบสวนก็ปล่อยให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบเขาทำไปละกานนนน เกาะติดขนาดนี้

เริ่มเลี่ยนแระ 
รูปโป๊อ่ะ ผมก็ดู พี่ก็ดู ส.ส.ก็ดู 
ต่างกันแค่ใครจะดูรูปโป๊เพศไหน อย่างไร กับใคร 
เท่านั้นแหละ
ครุคริครุคริ 



.