.
DARK SHADOWS “แวมไพร์หลงยุค”
โดย นพมาส แววหงส์ คอลัมน์ ภาพยนตร์
ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1658 หน้า 87
กำกับการแสดง Tim Burton
นำแสดง Johnny Depp
Michelle Pfeiffer
Helena Bonham Carter
Eva Green
Bella Heathcote
Christopher Lee
Dark Shadows มีกำเนิดจากการเป็นหนังชุดทางโทรทัศน์ในทศวรรษ 1960 ซึ่งมีจำนวนถึงพันสองร้อยกว่าตอน โดยฉายต่อเนื่องกันยืดยาวถึงห้าปี ซึ่งแสดงถึงกระแสตอบรับอย่างดีมากในหมู่ผู้ชมอเมริกัน
ว่ากันว่าแฟนๆ ที่ติดตามชมเหนียวแน่นเหมือนแฟนคลับสมัยนี้ไม่มีผิด
ซึ่งในบรรดาแฟนคลับของ Dark Shadows มีทั้ง ทิม เบอร์ตัน จอห์นนี เดปป์ และ มิเชลล์ ไฟเฟอร์ ซึ่งเป็นตัวหลักอยู่ในทีมงานภาพยนตร์ปี 2012 นี้
ทิม เบอร์ตัน เจ้าพ่อหนังชวนสยองหน้าตาพิสดาร จับมือกับ จอห์นนี เดปป์ พระเอกคู่ขวัญของเขาอีกครั้งในฐานะผู้กำกับฯ-นักแสดงนำ เป็นครั้งที่ 8 (Edward Scissorhands, Sleepy Hollow, Sweeny Todd, Alice in Wonderland)
และปรากฏโฉมในบทพิสดารหลุดโลกตามเคย
หนังย้อนความไปถึงเรื่องดั้งเดิมของ บาร์นาบัส คอลลินส์ (จอห์นนี เดปป์) ซึ่งเกิดในอังกฤษ และอพยพมากับพ่อแม่มาอยู่ที่เมน สหรัฐอเมริกา ครอบครัวคอลลินส์มีกิจการประมงและสร้างคฤหาสน์อลังการไว้ที่เมืองที่ตั้งชื่อตามชื่อตระกูล
บาร์นาบัสซึ่งเป็นหนุ่มเนื้อหอมในสมัยนั้น ทำผิดพลาดครั้งใหญ่คือ ไปหักอกสาวงามชื่อ แอนเจลีก บูชาร์ด (เอวา กรีน) แอนเจลีกเป็นเด็กจากครอบครัวยากจนและใช้เวทมนต์คาถาเป็นหนทางก้าวขึ้นสู่อำนาจเหนือคนอื่นๆ
แม่มดแอนเจลีกทำให้ชีวิตของบาร์นาบัสต้องสูญเสียครั้งแล้วครั้งเล่า ตั้งแต่เสียพ่อแม่ไปในอุบัติเหตุเหนือคาด และเสียหญิงที่รักไปในท้องทะเลอันปั่นป่วนบ้าคลั่ง
หนำซ้ำ แอนเจลีกยังทำให้บาร์นาบัสต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ชั่วกัปชั่วกัลป์ โดยมอบความเป็นอมตะแก่เขา ทำให้เขากลายเป็นแวมไพร์ และเอาเขาไปฝังไว้ในหลุมศพอยู่ถึงสองร้อยปี
เหตุการณ์หลักในเรื่องเกิดเมื่อปี ค.ศ.1972 เมื่อสาวน้อยคนหนึ่งเดินทางมาสู่คฤหาสน์คอลลินส์ ในฐานะครูพี่เลี้ยงของเด็กชายที่สูญเสียแม่ไป
สาวน้อยคนนี้ปกปิดประวัติดั้งเดิมของตนไว้ในชื่อใหม่ว่า วิกทอเรีย วินเทอร์ส (เบลลา ฮีธโคต) ซึ่งมีหน้าตาเหมือน โจแซตต์ ดูเปรส์ สาวคนรักของบาร์นาบัส ไม่มีผิดเพี้ยน
วิกทอเรียเดินทางมาสู่คฤหาสน์คอลลินส์ที่ทรุดโทรมไปกับวันเวลา และเงินทองที่ร่อยหรอลงของคนในตระกูล
หลังจากวิกทอเรียมาอยู่ได้ไม่นาน คฤหาสน์ก็ได้ต้อนรับแขกคนใหม่ ซึ่งเป็นเจ้าของดั้งเดิมเมื่อสองร้อยปีที่แล้ว
บาร์นาบัส คอลลินส์ ได้รับการปลดปล่อยอย่างบังเอิญจากหลุมศพที่ฝังเขาอยู่ หลังจากไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน ไม่ได้เห็นกาลเวลาเคลื่อนคล้อยไปนานถึงสองศตวรรษ บาร์นาบัสก็ลุกขึ้นจากโลงสู่โลกสมัยใหม่ยุคทศวรรษ 1970
ซึ่งเป็นโลกที่ป้ายร้านแมคโดนัลส์ ซึ่งเป็นตัวอักษร เอ็ม ที่เขาเข้าใจว่า เอ็ม เป็นตัวย่อของ เมฟิสโตฟิลีส ซึ่งเป็นตัวแทนของซาตานที่เจรจาให้เฟาสต์ขายวิญญาณให้แก่ปีศาจ
โลกยุคปลายศตวรรษที่ยี่สิบ ซึ่งถนนหนทางราดยางเรียบ และมีรถยนต์กลายมาเป็นพาหนะแทนม้า
บาร์นาบัสหาทางกลับคืนสู่คฤหาสน์คอลลินส์จนได้ และใช้อำนาจวิเศษในการสะกดจิตคน พาตัวเขาเข้าไปอยู่ในปราสาทมืดแห่งนั้น
เขาตั้งใจจะทำให้ตระกูลคอลลินส์กลับมาผงาดขึ้นอีกครั้ง ในครอบครัวประหลาดที่มี เอลิซาเบธ คอลลินส์ (มิเชลล์ ไฟเฟอร์) เป็นใหญ่ ลูกสาววัยรุ่นเจ้าปัญหา เด็กชายที่ครอบครัวต้องจ้างครูพี่เลี้ยงมาดูแล และหมอประจำตระกูลคนสวย ดร.จูเลีย ฮอฟฟ์มัน (เฮเลนา บอนนัม คาร์เตอร์ คู่ชีวิตของผู้กำกับ ทิม เบอร์ตัน) ซึ่งพำนักอยู่ในคฤหาสน์ด้วย
บาร์นาบัสได้พบวิกทอเรียที่มีหน้าตาเหมือนโจแซตต์ไม่ผิดเพี้ยน และหลงรักเธอในทันใด แต่ปัญหาใหญ่ของเขาก็ยังไม่หมดสิ้น เพราะแม่มดแอนเจลีคคนสวยมีชีวิตอมตะเหมือนกัน และยังทรงอิทธิพลอยู่ในเมืองนี้
หนังของ ทิม เบอร์ตัน มีภาพและบรรยากาศอันเสกสรรให้งดงามติดตา และแคแร็กเตอร์ก็น่าจดจำ
แต่สำหรับ Dark Shadows แล้วดูเหมือนว่าเบอร์ตันจะพยายามย่อเรื่องราวและแคแร็กเตอร์พิสดารต่างๆ จากหนังชุดกว่าพันสองร้อยตอนดั้งเดิมมาอยู่ในหนังความยาวเพียงสองชั่วโมง ดังนั้น แคแร็กเตอร์จึงไม่ได้รับการพัฒนาไปเท่าที่ควร
และหนังยังไม่ปลงใจชัดเจนว่าจะเป็นหนังล้อเรื่องผีดิบดั้งเดิม หรือว่าจะให้ความจริงจังแก่เรื่องราวขนาดไหน ดูเหมือนว่าหนังจะตั้งใจให้เป็นการล้อเล่นสนุกๆ แต่ก็ไม่ได้ลงตัวแบบหนัง The Addams Family หรือ The Munsters ซึ่งมีโทนชัดเจนว่าเป็นหนังผีๆ แนวขบขัน
ใน Dark Shadows แคแร็กเตอร์ของบาร์นาบัสบางครั้งก็ถูกนำเสนอในลักษณะขำขัน เช่น เขาเดินอยู่บนถนนลาดยาง มองเห็นดวงไฟจากรถยนต์คันที่แล่นมาและคิดว่านั่นคือดวงตาของปีศาจที่ตามมาหลอกหลอนเขา หรือว่าเขายืนแปรงฟันอยู่หน้ากระจก แล้วในกระจกกลับไม่เห็นตัวเขาเลย เห็นแต่แปรงสีฟันลอยอยู่กลางอากาศ เป็นต้น
แต่บางครั้งก็โหดจนเกินกว่าแวมไพร์ตัวพระเอก เช่น เขาฆ่าคนบริสุทธิ์ไปหลายสิบคน รวมทั้งกลุ่มฮิปปี้รักสันติ แล้วยังหมอคนสวยที่ต้องการอมตภาพจากเลือดของแวมไพร์
หนังเรื่องนี้เป็นหนังหน้าตาดีและมีสิ่งละอันพันละน้อยน่าสนใจ แต่การใส่พล็อตไว้มากเกินไป ทำให้หนังสะเปะสะปะไม่มีทิศทางแน่นอน เหมือนไม่รู้จะเอายังไงกับเรื่องกันแน่
โดยรวมแล้วก็ไม่ถึงกับว่าเป็นหนังที่ดูไม่ได้หรอกนะคะ เสียแต่ว่าดูแล้วจับทิศทางของเรื่องไม่ได้ และเรื่องราวช่วงกลางๆ ออกจะน่าเบื่อไปหน่อย
สงสัยเขาไม่ได้ทำให้พวกที่ไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ดั้งเดิมดู
+++
บทวิจารณ์ของปี 2554
THOR “เทพแห่งอสุนีบาต”
โดย นพมาส แววหงส์ คอลัมน์ ภาพยนตร์
ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 06 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 31 ฉบับที่ 1603 หน้า 87
กำกับการแสดง Kenneth Branagh
นำแสดง Chris Hemsworth
Natalie Portmman
Anthony Hopkins
Tom Hiddleston
Stellan Skarsgard
Rene Russo
Thor เป็นหนึ่งในซูเปอร์ฮีโร่จากหนังสือการ์ตูนของมาร์เวล ซึ่งนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์แอ๊กชั่นฮีโร่เรื่องใหม่ล่าสุด และจะตามต่อมาด้วย The Avengers ซึ่งว่ากันว่าจะเป็นการประชันบรรดาซูเปอร์พระเอกและซูเปอร์ผู้ร้ายทั้งหลายของค่ายมาร์เวล ดังในคลิปสั้นที่ต่อท้ายหลังเอนด์เครดิตของหนัง ซึ่งผู้ชมควรจะนั่งรอให้ตัวหนังสือจบเสียก่อน ไหนๆ ก็เสียเวลามาดูหนังตั้งเกือบสองชั่วโมงแล้ว รออีกสองสามนาทีก็ไม่น่าจะเบียดบังเวลาอันมีค่าไปอีกสักเท่าไร
เครดิตที่แปลกตาอีกชื่อคือ เคนเนธ บรานาห์ ที่ไม่คาดคิดว่าจะมาเป็นผู้กำกับหนังซูเปอร์ฮีโร่แต่อย่างใด บรานาห์เป็นนักแสดงดรามา เราจะนึกถึงเขาในบทคลาสสิคของเชกสเปียร์ ซึ่งเขาทั้งแสดงและกำกับฯ มาหลายเรื่องแล้ว
ทำให้นึกอีกว่าเดี๋ยวนี้หนังซูเปอร์ฮีโร่นั้นไม่ใช่หนังที่หลายคนอาจจะเรียกว่า หนังหลอกเด็ก อีกต่อไป แต่เป็นประเภทภาพยนตร์ที่ได้รับการยอมรับนับถือว่ามีสาระควบคู่ไปกับความสนุกสนานตื่นเต้น
ดูอย่าง อั้งลี่ ผู้กำกับฯ ดรามาชื่อดัง ยังเคยทำหนังซูเปอร์ฮีโร่เรื่อง Hulk
ดูอย่าง คริสโตเฟอร์ โนแลน ทำ The Dark Knight ให้เป็นหนังดีเยี่ยม ไม่ใช่แต่ในคลาสของหนังซูเปอร์ฮีโร่เท่านั้น แต่เป็นหนังดีเยี่ยม ต่อให้นำไปเทียบกับหนังดีมีสาระเรื่องใดๆ
เดี๋ยวนี้จึงกลายเป็นว่าหนังซูเปอร์ฮีโร่ไม่ใช่หนังไร้สมอง มุ่งเอาแต่ความมันส์สะใจและหวือหวาเร้าใจเพียงอย่างเดียว
ผู้เขียนจึงกลายเป็นแฟนของหนังประเภทนี้ไปด้วยแบบไม่รู้ตัวและไม่ได้ตั้งใจมาก่อน เพราะดู Spider Man ก็สนุก ดู X-Men ก็สนุกทุกตอน ดู Ironman ก็สนุกมากในภาคแรก ฯลฯ
มารู้จักกับ Thor กันสักหน่อยนะคะ
ค่ายหนังสือคอมิก "มาร์เวล" นำธอร์มาแนะนำสู่เยาวชนให้เป็นซูเปอร์ฮีโร่คนใหม่ในช่วงทศวรรษ 1960 โดยนำตัวละครตัวนี้มาจากปกรณัม (เรื่องเล่า หรือตำนาน) ของชาวนอร์ส ซึ่งเป็นต้นตระกูลของชนชาติที่อาศัยในแถบสแกนดิเนเวีย ที่เรียกกันว่าพวกไวกิ้งนั่นแหละค่ะ
ธอร์ (คริส เฮมสเวิร์ธ) เป็นเทพแห่งอสุนีบาต อาศัยในดินแดนของเทพเจ้าที่เรียกว่า อัสการ์ด ซึ่งเป็นประดุจสวรรค์ในตำนานของพวกนอร์ส ในทำนองเดียวกับที่โอลิมปัสเป็นที่อยู่ของเทพเจ้าในตำนานกรีกนั่นแหละ
อัสการ์ดเชื่อมต่อกับโลกมนุษย์ด้วยสะพานสายรุ้งอันงดงามที่เรียกว่า "ไบฟรอสต์" ประมุขของอัสการ์ดคือ โอดิน (แอนโธนี ฮอปกินส์) ซึ่งเป็นเทพบิดรในทำนองเดียวกับ ซุส ที่เป็นเทพบิดรในปกรณัมกรีก โอดินเสียตาไปข้างหนึ่งเพื่อแลกกับปัญญาความรู้ที่นำมาถ่ายทอดต่อมนุษย์ ดังนั้น รูปลักษณ์ของโอดินจึงมีตาข้างเดียว
ธอร์เติบโตขึ้นมากับน้องชายชื่อ โลกิ (ทอม ฮิดเดิลสตัน) ซึ่งรูปร่างหน้าตาแตกต่างกับธอร์เหมือนคนละพ่อคนละแม่ ซึ่งอันที่จริงก็เป็นดังนั้น เพราะโลกิไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของโอดินกับฟริกกา แต่เป็นเด็กที่ทั้งสองเก็บมาเลี้ยงเป็นลูก ทั้งๆ ที่เป็นลูกของศัตรูคู่อาฆาต
ในจักรวาลของชาวนอร์ส ทวยเทพต่อสู้กับพวกยักษ์น้ำแข็งที่อยู่ในดินแดนเยอทุนไฮม์ พูดง่ายๆ คือพวกอสูรนั่นแหละ
เทพเจ้าราวีกับอสูรที่เป็นศัตรูตัวฉกาจมาช้านาน และการต่อสู้นั้นเป็นที่น่าหนักใจยิ่งของทวยเทพเนื่องจากเป็นที่ตระหนักดีว่าอสูรจะมีชัยชนะเด็ดขาดในบั้นปลาย ภารกิจของโอดินคือการถ่วงเวลาวันโลกาวินาศ ที่เรียกว่า "รักนารอค" ออกไปให้เนิ่นนานที่สุด
แม้ว่าหนังจะไม่ได้เอ่ยถึง "รักนารอค" แต่ขอแถมให้หน่อยก็ได้ เพราะวัยรุ่นแทบทุกคน โดยเฉพาะพวกบ้าเกม จะรู้จัก "รักนารอค" ที่เป็นเกมคอมพิวเตอร์ที่ฮิตกันเหลือเกินเมื่อหลายปีมาแล้ว ถ้ายังไม่ทราบก็จะได้ทราบกันว่า แหล่งที่มาของเกมก็อยู่ที่เรื่องปรัมปราของนอร์สนี่เอง
ส่วนโลกิ (ทอม ฮิดเดิลสตัน) นั้นไม่ใช่เทพ แต่เป็นลูกของยักษ์ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าออกอัสการ์ดได้ตามใจชอบ และไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน ที่นั่นจะต้องมีเรื่องเดือดร้อนตามมา
นี่คือปกรณัมที่เป็นที่มาของ Thor ที่กลายมาเป็นซูเปอร์ฮีโร่ของหนังสือการ์ตูนคอมิก และถูกถ่ายทอดมาเป็นภาพยนตร์ขณะนี้
เรื่องความวุ่นวายบนอัสการ์ด ซึ่งธอร์เป็นเทพผู้แข็งแกร่งและยโสโอหังจนสร้างความไม่พอใจแก่โอดิน โอดินจึงลงโทษด้วยการส่งธอร์ลงมาบนโลกมนุษย์
และธอร์ก็หล่นตุ้บลงมาในดินแดนแถบนิวเม็กซิโก ต่อหน้าต่อต่อทีมนักวิทยาศาสตร์ที่มี เจน ฟอสเตอร์ (นาตาลี พอร์ตแมน) เป็นเจ้าของโครงการ
ธอร์ต้องถูกสาปให้ลงมาใช้ชีวิตเยี่ยงมนุษย์ ซึ่งไม่น่าจะถือเป็นคำสาปสำหรับเขา เพราะเขาเองก็ดูเพลิดเพลินสำราญดีกับอาหารการกิน และชีวิตในโลกสมัยใหม่
และแน่นอนว่าเมื่อมีมนุษย์สาวสวยคอยให้ความช่วยเหลือ ทั้งสองก็รักกันจนแทบไม่อยากพรากจากกัน เรื่องราวตรงนี้แทรกเข้ามาพอเป็นน้ำจิ้มให้ได้รสชาติของความรักพอเป็นกระษัย แต่ดูเจือจางและไม่ได้น่าเชื่อแม้แต่น้อยว่าสองคนนี้รักกันได้อย่างไร นอกจากเพราะความหล่อความสวยของพระเอกนางเอกที่พอเห็นกันก็ทำให้รักกันโดยอัตโนมัติ
หนังไม่ได้เน้นจุดนี้หรอกค่ะ แต่นำเสนอเทคนิคคอมพิวเตอร์กราฟิกเพื่อสร้างภาพอันเรืองรองของอัสการ์ด สะพานสายรุ้ง และการต่อสู้ระหว่างเทพกับอสูร ฯลฯ
ผู้เขียนไม่ได้ดูในแบบสามมิตินะคะ เพราะโดยส่วนตัวแล้วไม่อยากปรับระยะสายตาไปมาให้วิงเวียน แต่หนังที่ฉายอยู่ขณะนี้มีทั้งแบบปกติและสามมิติให้เลือกดูกันได้ตามใจชอบ
ภาพซีจีก็น่าตื่นตาตื่นใจดีพอสมควร แม้ว่าจะยังไม่สมบูรณ์แบบเป๊ะ
คริส เฮมสเวิร์ธ นักแสดงหน้าใหม่จากออสเตรเลีย แม้จะไม่ได้แสดงฝีมือการแสดงอะไรมาก แต่ก็คงจะได้เกิดจากบทนี้ จากหน้าตาแบบหนุ่มไวกิ้งผมทอง และพลังอำนาจของเทพเจ้าสายฟ้าองค์นี้ ซึ่งยังจะมาปรากฏบนจอภาพยนตร์อีกใน The Avengers ในอีกไม่นานเกินรอ
.
Selected Messages & Good Article for People Ideas and Social Justice .. หวังความต่อเนื่องของพลังประชาธิปไตยและการเลือกตั้งของปวงชนอันเป็นรากฐานอำนาจอธิปไตย เพื่อกำกับกติกาและอำนาจการเมือง-อำนาจตุลาการ ไม่ว่าต่อคนชั่ว(เพราะใคร?) และคนดี(ของใคร?) ไม่ให้อยู่เหนือนิติรัฐของประชาชน
http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย