http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-04-01

พ้นจากนี้ไปไม่ใช่ไทย โดย คำ ผกา

.

พ้นจากนี้ไปไม่ใช่ไทย
โดย คำ ผกา http://th-th.facebook.com/kidlenhentang
ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1650 หน้า 89


ข้อแนะนำในเรื่องการเบี่ยงเบนทางเพศ
1. ผู้ที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ ควรปิดเป็นความลับเฉพาะตัว หรือเปิดเผยเฉพาะคนที่เข้าใจและไว้วางใจ พยายามปรับพฤติกรรมในการแสดงออกให้เหมาะสมกับเพศของตนเองตามกาลเทศะ
2. เมื่อเกิดปัญหาในการปรับตัวควรปรึกษาคนที่เข้าใจและไว้วางใจ
3. หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย
4. พัฒนาตนเองให้มีความรู้ความสามารถอยู่เสมอ
จาก "หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน สุขศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 หลักสูตรการศึกษา พ.ศ.2551"


ต้องขอบคุณเพื่อนที่แชร์ส่วนหนึ่งของตำราเรียนวิชาสุขศึกษานี้มาในเฟซบุ๊ก หลังจากความโด่งดังของข้อสอบโอเน็ตที่ถามว่า "นักเรียนควรทำอย่างไรเมื่อมีอารมณ์ทางเพศ" ที่คำตอบมีทั้ง ไปเตะบอล และปรึกษาพ่อแม่

นับว่าประเทศวาสนายังดีพอที่จะไม่ออกข้อสอบว่า การช่วยตนเองบ่อยๆ อาจทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพอย่างไร และคำตอบคือ ตาบอด เหมือนความรู้เมื่อสองศตวรรษที่ผ่านมา

ข้อแนะนำในเรื่องเบี่ยงเบนทางเพศอันปรากฏอยู่ในตำราทุกขศึกษา เอ๊ย สุขศึกษา ที่ฉันขยี้ตาดูว่าหลักสูตรปี 2551 ไม่ใช่ 2441 ได้บอกอะไรเราหลายอย่างมากเกี่ยวกับสังคมไทย
และฉันก็เริ่มเชื่อแล้วว่า สังคมไทยเป็นสังคมที่มีการรับรู้เกี่ยวกับตนเองเป็นการเฉพาะ ไม่เหมือนใครในโลกนี้

การเข้าสู่ความเป็นสมัยใหม่ของสังคมไทยพร้อมๆ กับการสร้างตัวตนว่าด้วยความเป็นไทยในยุคเริ่มต้นนั้นทั้งซับซ้อนและมีความย้อนแย้งในตนเองอย่างสูง
ยกตัวอย่างเช่น เราเริ่มตระหนักรู้ถึงการสร้างขอบเขต ดินแดน รูปร่างหน้าตาของประเทศและการขีดเส้นอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนผ่านเทคโนโลยีที่เรียกว่าการทำ "แผนที่" ผ่านความรู้ของ "ฝรั่ง"-ดังนั้น อัตลักษณ์ความเป็นไทยเชิงวัฒนธรรมที่เรารู้จักกันทุกวันนี้จึงเริ่มต้นจากความรู้ของ "ฝรั่ง"

ไม่นับว่า แรงกดดันที่ทำให้เราต้องตระหนักตื่นถึงความจำเป็นในการสร้าง "ตัว" ของหน่วยการเมืองแบบใหม่นี้ขึ้นมาก็มาจาก "ฝรั่ง" อีกนั่นแหละ
ในเวลาเดียวกัน การสร้างความภาคภูมิใจใน "ชาติ" ของตนก็ต้องมาพร้อมกับการยกตนข่มท่านเสมอ ทั้งหลีกเลี่ยงจะกล่าวถึงความอ่อนแอของตน พร้อมๆ ไปกับการใส่สีตีไข่เพิ่มอิทธิฤทธิ์มหิทธานุภาพแก่ประวัติศาสตร์แห่งชาติที่เพิ่งเกิดใหม่นั้น

กระไรเลยเราจะยอมรับว่าชะตากรรมของชาติเรานี้ได้รับการชี้นำจากฝรั่ง


ชนชั้นนำที่มีส่วนในการออกแบบชาติในยุคเริ่มต้นจึงเป็นผู้วางจักรวาลวิทยาว่าด้วยความรู้เกี่ยวกับความเป็นไทยไว้ให้เป็นมรดกแก่เราในทุกวันนี้
และมรดกชิ้นหนึ่งที่สำคัญยิ่ง คือจินตนาการเกี่ยวกับความเป็นไทยที่ลอยเท้งเต้งโดดเดี่ยวไม่เกี่ยวกับใครในโลกทั้งโดดเด่น เจิดจรัส ดุจดาวฤกษ์ที่มีแสงสว่างในตัวเอง ไม่เคยต้องง้อขอแสงสว่างจากใคร
เรามีภูมิปัญญาของเราเองที่ใครๆ ในโลกนี้ก็ต้องทึ่ง ต้องซูฮก
เรามีปรัชญาเป็นของเราเอง มีทุกสิ่งทุกอย่างล้ำค่าเป็นของตนมาโดยตลอด ทั้งไม่เคยต้องก้มหัวให้ใคร-ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านล้วนตกเป็นอาณานิคม เราไม่เคยเป็นอาณานิคมของใคร

โชคดีหรือโชคร้ายไม่รู้ที่เราถูกสอนมาตลอดว่าประเทศไทยของเรานั้นคือดาวฤกษ์เจิดจรัส เราสามัญชนคนไทยในช่วงหนึ่งศตวรรษที่ผ่านมาจึงได้เรียนรู้แต่เรื่อง "ไทยๆ" ที่ได้รับการออกแบบมาจากผู้ที่มีอำนาจและความชอบธรรมในการออกแบบความเป็นไทยนั้น

การศึกษาของไทย เต็มไปด้วยเรื่อง "ไทยๆ" อันประกอบได้ด้วย ประวัติศาสตร์ไทย, ภาษาไทย, วรรณคดีไทย, ศิลปะไทย, ปรัชญาไทย, ประเพณีและวัฒนธรรมไทย, สุภาษิตสอนหญิงแบบไทย, วิถีไทย ฯลฯ

นักเรียนสามัญชนของไทยเราแทบจะไม่ได้เรียนเกี่ยวกับ "วัฒนธรรมต่างชาติ ต่างภาษา" อย่าว่าแต่ ภาษา ประวัติศาสตร์ ของประเทศเล็ก ประเทศน้อย ประเทศเพื่อนบ้าน แม้แต่อู่อารยธรรมใหญ่ของโลกอย่าง "ตะวันตก" นักเรียนสามัญชนของเราก็ไม่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับมันเลย

ปฏิเสธไม่ได้ว่า เราสามัญชนไทย แทบจะไม่รู้จักประวัติศาสตร์ตะวันตก ไม่รู้จักนักปรัชญาตะวันตกคนสำคัญของโลก ไม่รู้จักนักประวัติศาสตร์ผู้ให้กำเนิดวิชาประวัติศาสตร์ ไม่รู้จักนักวิทยาศาสตร์ ไม่ได้อ่านวรรณกรรมเล่มสำคัญของอารยธรรมตะวันตก ไม่รู้จักบทกวี ดนตรี ศิลปะ สถาปัตยกรรม ละคร ชิ้นสำคัญที่ทำให้ตะวันตกเป็น "ตะวันตก" อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
แต่เราก็สามารถด่าวัฒนธรรมตะวันตกได้อย่างไม่กระดากปาก
มากไปกว่านั้นเรายังไม่แน่ใจเลยว่า ฝรั่ง = ตะวันตก หรือไม่?
หรือ เอ๊ะ พวกผมทอง ผิวขาวในละตินอเมริกาที่จะนับเป็นฝรั่งดีไหม?
แต่นั่นคือส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมตะวันตกหรือเปล่านะ?

ยิ่งเราไม่เคยได้รู้จักคนอื่น เรายิ่งรู้สึกว่าตนเองเจิดจรัส ยิ่งเราถูกทำให้เชื่อว่า เราไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใครเราไม่ต้องเรียนภาษาของเจ้าอาณานิคมอย่างประเทศเพื่อนบ้านที่ถูกบังคับให้เรียนภาษาอังกฤษ หรือ ฝรั่งเศส-โอ้ว มันดีจริงๆ เลยที่เรามีทั้งภาษาและตัวเลขของเราเอง ไม่เคยตกเป็นทาสใคร
ผลก็คือ เราจึงไม่ได้อ่านอะไรเลยที่ไม่ได้ตีพิมพ์อยู่ในภาษาของเรา ในขณะที่ประเทศซึ่งทุกข์ทนกับการถูก "ครอบครอง" จากมหาอำนาจ พยายามดิ้นรนจะรู้เท่าทัน มหาอำนาจ ด้วยการอ่าน และการแปลความรู้ของมหาอำนาจมาเป็นภาษาของตนเองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้



สังคมไทยจึงเหมือนสาวน้อยที่ถูกขังไว้บนหอคอยเล็กๆ มีผู้คอยขับกล่อมให้เชื่อว่าหอคอยแห่งนี้คือโลกทั้งใบ และเธอหญิงสาวที่สวยที่สุดในโลก

ผู้ทำหน้าที่ขับกล่อมหญิงสาวบนหอคอยอันโดดเดี่ยวนี้ เฝ้าบอกเธอว่าโลกข้างนอกนั้นอันตราย ป่าเถื่อน ต่ำช้า-ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ "เขา" ที่จะออกไปเผชิญกับโลกป่าเถื่อนนั้นและจะคัดสรรแต่สิ่งดีๆ มาไว้ให้หญิงสาวบนหอคอย
แล้วเราก็อยู่อย่างนั้นมากว่าร้อยปี เชื่อว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก หอคอยเล็กๆ นี้สวยที่สุดในโลก ดีที่สุดในโลก และกลัวที่สุดที่จะโดนไล่ออกจากหอคอยนี้เพราะไม่มีที่ไหนจะดีไปกว่านี้อีกแล้ว

บนหอคอยแห่งความเป็นไทย สิ่งที่อยู่นอกหอคอยคือความ ต่างชาติ, ตะวันตก, ฝรั่ง ถูกจ้องมองผ่านหน้าบานเล็กๆ ที่ "ผู้ขับกล่อม" เจาะไว้ให้ดู มองผ่านหน้าต่างบานนี้ ต่างชาติ, ฝรั่ง, ตะวันตก คือความสามานย์, คือวัตถุนิยม, บริโภคนิยม, ฟรีเซ็กซ์, ขาดมิติทางจิตวิญญาณอันละเอียดอ่อน, หยาบช้า, สกปรก, ลูกเต้าไม่เลี้ยงดูพ่อแม่ยามแก่เฒ่า, เด็กไม่เคารพผู้ใหญ่

ผู้ขับกล่อมจะสอนเราอยู่เสมอว่า "อย่างมงายในวิทยาศาสตร์, อย่าหลงทุนนิยม, อย่าให้วัฒนธรรมตะวันตกมาชี้นำเรา"

ที่ต้องคอยขับกล่อมเช่นนี้ ก็เพื่อหล่อเลี้ยงคำพกลมที่ว่าเราคือดาวฤกษ์ที่มีแสงสว่างในตัวเอง และผู้ขับกล่อมนั้นจะได้ผูกขาดอำนาจการไปท่องในโลกตะวันตกอันสามานย์แต่เพียงผู้เดียวและมีสิทธิในการคัดสรรว่าอะไรเหมาะกับหญิงสาวในหอคอยและอะไรไม่เหมาะ

ผู้ขับกล่อมจะเป็นคนคัดสรร ดัดแปลง คัดกรอง แปล และแปลง จากนั้นจึงนำเข้ามาในหอคอยและบอกว่านี่เป็นวัฒนธรรมแบบของเราเอง

ไม่เหมือนใครในโลกนี้และดีที่สุด


ประชาธิปไตย, สัญญาประชาคม, สิทธิมนุษยชน, รัฐธรรมนูญ, ชาติ, ประชาชน, นิติรัฐ, เสรีภาพ, ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์, เพศสถานะ, เพศวิถี, ความหลากหลายทางเพศ, ปัจเจกบุคคล, สิทธิที่จะเชื่อ, ไม่เชื่อ, ความเป็น queer, เกย์, กะเทย, ทอม, ดี้, ไบเซ็กช่วล, สวิงกิ้ง, ตุ๊กตายาง, เซ็กซ์ช็อป, หนังโป๊

VS

ประชาธิปไตยแบบไทย, สิทธิแบบไทย, รัฐธรรมนูญแบบไทย, เสรีภาพแบบไทย, คุณธรรม, ศีลธรรม, บุญคุณ, ที่ต่ำที่สูง, ศักดิ์สิทธิ์, ระเบียบวินัย, ระบบอาวุโส, วัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม, ความจริงสัมบูรณ์, สัจจะ, ธรรมาธิปไตย, การเกณฑ์ทหาร, ทรงผมนักเรียน, เครื่องแบบนักศึกษา, ความสามัคคี

ถ้อยคำเหล่านี้หมุนวนอยู่รอบๆ ตัวเรา และบนหอคอยแห่งความเป็นไทยอันโดดเด่นและเดียวดายนี้ เรารู้ว่าอะไรเหมาะกับเรา "ผู้ขับกล่อม" จะบอกเราว่าเราพร้อมและยังไม่พร้อมสำหรับอะไร และเราภูมิใจกับมันมาก

เราคือหญิงสาวที่สวยที่สุด เพียบพร้อมที่สุดในจักรวาลนี้
เราอาจจะจน
หอคอยเราอาจจะซอมซ่อ
และเรามีจิตวิญญาณที่สูงส่งกว่าใคร เพราะผู้ขับกล่อมบอกเรามาตลอดว่า ยิ่งมั่งคั่งทางวัตถุก็จะยิ่งอับจนทางจิตวิญญาณ


สังคมไทยเป็นดั่งหญิงสาวในหอคอยอันโดดเดี่ยวเช่นนี้จึงไม่น่าแปลกใจสักนิดที่ ตำราเรียนวิชาสุขศึกษาของเราจะเรียกการเป็น homosexual หรือความรัก ความพึงใจที่มีต่อคนเพศเดียวกันให้เท่ากับการ "เบี่ยงเบนทางเพศ"

เนื่องจากเราตัดขาดจากความรู้และประวัติศาสตร์ตะวันตก รวมทั้งประวัติศาสตร์โลก เราจึงไม่เห็นการคลี่คลาย ต่อสู้ในเรื่องเพศวิถีในที่ต่างๆ ของโลก
เราจึงไม่เห็นการคลี่คลายต่อสู้กับความรู้ทางการแพทย์ ที่ได้ดำเนินมาถึงจุดที่ได้ยอมรับว่าการรักเพศเดียวกันเป็น "รสนิยม" เป็น "ทางเลือก" ของมนุษย์ที่พึงได้รับความเคารพ มิใช่ความเบี่ยงเบน มิใช่ความป่วยไข้

ความรู้แบบ "หอคอย" มองว่า การรักเพศเดียวกันเป็นความป่วยไข้ เป็นความน่าอับอายจึงมิให้บอกใครนอกจากคนที่ไว้ใจ!
มองว่ารักร่วมเพศมีแนวโน้มจะสำส่อนจึงย้ำเตือนให้มีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย และเป็นพลเมืองชั้นสองจึงกำชับให้เจียมตน หมั่นพัฒนาตนเอง!

การยอมรับสิทธิของเกย์เป็นเรื่องของฝรั่ง อย่าไปเอาอย่างมัน!
การอภิปรายเรื่องความเท่าเทียมทางเพศเป็นเรื่องของฝรั่ง อย่าไปเอาอย่างมัน
การพูดเรื่องสิทธเสรีภาพเป็นเรื่องของฝรั่ง อย่าไปเอาอย่างมัน
เสรีภาพในเรื่องเพศวิถีแยกออกจากกระบวนการประชาธิปไตย เป็นความคิดของฝรั่ง อย่าไปเชื่อมัน!

นี่คือหอคอยแห่งความเป็นไทยที่เราภาคภูมิใจเหลือเกิน ภาคภูมิใจจนน้ำตาซึม เราช่างมีจิตวิญญาณอันสูงส่ง ไม่ถูกทำลายโดยวัตถุนิยม ทุนสามานย์ บริโภคนิยม เราคือสังคมผดุงความดีงาม ความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ ปรัชญา ความรู้ ประเพณี หอคอยนี้เปี่ยมไปด้วยความเมตตา

ไอ้พวกนอกรีตจงไปลงนรก
พ้นจากนี้ไปที่ไม่ใช่ไทย
พ้นจากนี้ไม่ใช่เรา
พ้นจากนี้ไปคือ นรก



.