.
รายงาน - Asia update ลมใต้ปีก "คนเสื้อแดง" ฐานที่มั่น "ภูเขาน้ำแข็ง"
คอลัมน์ แมลงวันในไร่ส้ม - แรงเขย่า-อาฟเตอร์ช็อก แม้วทัวร์-2 ประเทศ อานุภาพแห่ง "จานดำ"
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
แดงคึกคัก"ลาว-เขมร" "ทักษิณ" "เปิดเกมใหม่ ว่าด้วย"ปีมหามงคล"
ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1653 หน้า 10
ไม่ว่าสงกรานต์เลือดเมื่อปี 2552 หรือสงกรานต์ระหว่างการชุมนุมใหญ่คนเสื้อแดงปี 2553 ที่ส่วนหนึ่งเพิ่งสูญเสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายม็อบ 10 เมษายน
แม้กระทั่งสงกรานต์ปี 2554 ก็ยังอยู่ในบั้นปลายยุคสมัยรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
กระทั่งยุบสภาเลือกตั้งใหม่วันที่ 3 กรกฎาคม 2554 พรรคเพื่อไทยซึ่งมีมวลชนเสื้อแดงเป็นฐานเสียงใหญ่ เป็นฝ่ายชนะเลือกตั้งถล่มทลาย
เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล 300 เสียง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวคนเล็กของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่สงกรานต์ปีนี้ พรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงจะคึกคักเป็นพิเศษ
โดยเฉพาะโปรแกรมทัวร์สงกรานต์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร "นายใหญ่"พรรคเพื่อไทย และศูนย์รวมจิตใจของคนเสื้อแดง
ที่บินมาฉลองยังนครเวียงจันทน์และเมืองปากเซ แขวงจำปาสัก สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) 3 วัน 2 คืน ก่อนบินต่อไปยังเมืองเสียมราฐ กัมพูชา
ตามข่าวระบุมีคนเสื้อแดงจังหวัดต่างๆ ของไทย ทั้งอีสาน เหนือ ใต้ ออก ตก หลายพันคนข้ามฝั่งไปร่วมงานรดน้ำดำหัวและร่วมพิธีบายศรี ผูกข้อต่อแขนให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่หอสภาธรรม วัดธาตุหลวง นครเวียงจันทน์
และเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางต่อไปยังเมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา
รายงานข่าวแจ้งว่า จำนวนคนเสื้อแดงที่มารวมตัวหน้าเวทีลานวัฒนธรรมเมืองเสียมราฐ "อังกอร์ จง ยู" เพื่อรอฟังการปราศรัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ
ก็ล้นหลามเต็มหมดทั้ง 50,000 ที่นั่ง
ทุกคนส่งเสียงไชโยโห่ร้องเมื่อเป็นเห็นอดีตนายกฯ ปรากฏตัวบนเวที"รายงานข่าวระบุ
ไม่ว่าที่นครเวียงจันทน์ สปป.ลาว หรือเมืองเสียมราฐ กัมพูชา
ความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ แทบทุกย่างก้าว ไม่เพียงถูกถ่ายทอดผ่านสื่อมวลชนไทยอย่างละเอียดยิบเท่านั้น แม้แต่สื่อต่างประเทศก็ยังสนใจตีข่าวและรูปภาพ"ทักษิณ-เสื้อแดง"แพร่ไปทั่วโลก
ระบุทางการกัมพูชาทุ่มเทเต็มที่สำหรับการควบคุมดูแลฝูงชน และรักษาความปลอดภัยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีความสัมพันธ์แนบแน่นกับ สมเด็จฮุน เซน นายกฯ กัมพูชา
ขณะที่พรรคฝ่ายค้านในไทยโจมตีการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณว่า อาจเป็นการเปิดประตูให้ประเทศเพื่อนบ้านยื่นมือเข้ามาแทรกแซงการเมืองในไทย
โดยเฉพาะกัมพูชาที่ยังมีข้อพิพาทกับไทยเรื่องปราสาทเขาพระวิหาร และพื้นที่โดยรอบจนเรื่องขึ้นสู่ศาลโลก รวมถึง นายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ ซึ่งยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำกัมพูชา
อย่างไรตาม ไม่ว่ากรณี" วีระ-ราตรี" ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนยันผลเจรจากับ สมเด็จฮุน เซน ว่าทั้งสองคนต้องยอมรับผิดว่ารุกล้ำเข้ามาในเขตแดนกัมพูชาจริง จึงจะได้รับการอภัยโทษ
หรือกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้โรงแรมซิตี้ อังกอร์ เป็นสถานที่หย่าศึกแย่งชิงมวลชนระหว่าง ส.ส.อุดรธานี 7 คนของพรรคเพื่อไทย กับ นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดรและแกนนำเสื้อแดงภาคอีสาน กระทั่งเรื่องจบลงด้วยรอยยิ้ม
รวมทั้งกรณี"เกาเหลา"ระหว่าง นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ กับ นางวิยดี สุตะวงศ์ หรือ "เจ๊ตุ๋ย จีเน็ต" ก็ได้รับการปัดเป่าเช่นเดียวกัน
แต่ทั้ง 2-3 ประเด็นดังกล่าวเป็นแค่ผลพลอยได้เท่านั้น
ประเด็นหลักที่สื่อมวลชนไทยสนใจสะท้อนจากการพาดหัวใหญ่หน้าหนังสือพิมพ์ ตลอดช่วงเวลาที่ พ.ต.ท.ทักษิณ บินมาฉลองสงกรานต์ที่ สปป.ลาว และกัมพูชา
ถอดเอามาจากถ้อยคำการปราศรัยกับคนเสื้อแดง และให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชนไทย-เทศ ถึงช่วงจังหวะเวลาการเดินทางกลับประเทศไทย"แบบเท่ๆ" ภายใต้กระแสการปรองดอง
ตลอดจนการฟื้นฟูเยียวยาความสัมพันธ์ เรียงถ้อยร้อยคำทอดไมตรีไปยัง"ป๋าเปรม" พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ
ไม่ว่าจะผ่านการตอบคำถามสั้นๆ แต่แฝงความหมายสำคัญกรณีมีผู้เสนอแนะให้พูดคุยเจรจาปรองดองกับป๋าเปรมว่า "ผมไม่ใช่คู่กรณีของท่าน"
หรือการกล่าวอวยพรยิงยาวจากโรงแรมกรีนปาร์ก บูติก โฮเต็ล ในนครเวียงจันทน์ มายังบ้านสี่เสาเทเวศร์ ว่า
"ปีนี้ท่านอายุมากแต่ยังแข็งแรง ฝากกราบความปรารถนาดีให้ท่านสุขภาพดีต่อไป เพราะสุขภาพท่านดีมากทั้งสุขภาพกายและจิต เป็นการรักษาสุขภาพที่เราน่าเอาอย่าง
ป๋าเปรมเป็นผู้ใหญ่ที่ผมเคารพรัก ตอนที่อยู่ไปกราบเคารพท่านเป็นประจำ"
แสดงลีลาออดอ้อนพร้อมรื้อฟื้นความหลังเมื่อครั้งวันวานยังหวานอยู่
สอดรับกับที่เคยกล่าวย้ำไว้ก่อนหน้านี้ว่า ตอนนี้ความปรองดองในไทยเกิดขึ้นแล้วเกือบทุกจุด ยกเว้นพรรคประชาธิปัตย์กลุ่มเดียวที่ไม่ยอมปรองดอง
"เชื่อว่าเรื่องปรองดองจะเกิดขึ้นได้ภายในปีนี้ น่าจะเกิดขึ้นเพราะรู้สึกลึกๆ แต่ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น แต่อยู่การเมืองมานาน มีสิ่งบอกเหตุก็พอจะเดาได้"
พ.ต.ท.ทักษิณยังประกาศยืนยันว่าถึงจะพ้นโทษเว้นวรรคการเมือง 5 ปีในเดือนพฤษภาคมนี้ แต่หากมีโอกาสได้กลับประเทศ
ก็จะไม่เข้าไปมีอำนาจทางการเมืองอีก
กระนั้นก็ตาม ความปรองดองไม่ได้เป็นหนทางเดียวของ พ.ต.ท.ทักษิณ
"ปีนี้เป็นวาระสำคัญ วันที่ 28 กรกฎาคมนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จะทรงเจริญพระชนมพรรษา 60 พรรษา ถือเป็นรอบสำคัญ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษาเช่นกัน"
ฉะนั้น มีอะไรหลายอย่างบอกเหตุว่า ผมจะได้กลับไปอยู่กับพี่น้อง""
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวกับคนเสื้อแดงตอนหนึ่งระหว่างการปราศรัยบนเวทีลานวัฒนธรรมเมืองเสียมราฐ กระทั่งถูกฝ่ายตรงข้ามในไทยโจมตีว่า เป็นการดึงสถาบันเบื้องสูงลงมาเกี่ยวข้องการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง
ต่อมา พ.ต.ท.ทักษิณ จึงได้ให้สัมภาษณ์อธิบายถึงเรื่อง"ปีมหามงคล" ว่า
ไม่ได้มีความหมายเชื่อมโยงเรื่องที่ตนเองมีความต้องการเดินทางกลับประเทศใน 3 หรือ 4 เดือนข้างหน้านี้ เพียงแต่ปีมหามงคล ทำให้รู้สึกว่าเป็นปีที่ดี น่าจะมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นเท่านั้น
ยังมีความสับสนอยู่มากจากปากของ พ.ต.ท.ทักษิณ เองเกี่ยวกับการเดินทางกลับประเทศ ที่พูดไว้หลายครั้ง แต่ละครั้งมักไม่ตรงกัน
บางครั้งบอกว่าจะกลับในปีนี้ บางครั้งบอกว่าต้องการให้ประเทศปรองดองลงตัวทุกจุดก่อน ซึ่งอาจจะเป็นปีหน้า บางครั้งพูดแบบกว้างๆ ไม่ระบุช่วงเวลา บอกแต่ว่า"อีกไม่นานเกินรอ" หรือ"จะกลับเร็วๆ นี้" เป็นต้น
แต่ถ้าดูจากกระบวนการขานรับในพรรคเพื่อไทย ที่พยายามหาช่องทางเร่งรัดเสนอร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง เข้าสู่สภา ตามที่ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.การต่างประเทศ สายตรงนายใหญ่ มั่นใจว่าจะทำสำเร็จภายใน 3-4 เดือน
ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ สายตรงเช่นกันยืนยันการพา พ.ต.ท.ทักษิณ กลับบ้านมีหนทางเดียวเท่านั้น คือออก พ.ร.บ.ปรองดอง
ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้สูงถ้าหากยึดเอาตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวปราศรัยกับคนเสื้อแดงที่โรงแรมจำปาสัก แกรนด์โฮเต็ล สปป.ลาว ที่ว่า
"สงกรานต์ปีนี้มีนิมิตหมายอันดีที่เรามีความสุขด้วยกัน 3-4 เดือนข้างหน้าผมกลับมาแน่ พี่น้องชาวไทยจะมีความสุขทั่วหน้า ต่อจากนี้จะไม่มีเหลือง-แดง คนไทยจะหันหน้าเข้าหากัน ใครไม่ปรองดองก็ช่วยไม่ได้""
นอกจากนี้" "ปีมหามงคล" "ในเดือนกรกฎาคมและเดือนสิงหาคมที่ พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างถึง
ยังอยู่ในระยะ 3 และ 4 เดือนนับจากนี้พอดี
++
สัญญาณ "ปรองดอง" จาก "แดนไกล" สัญญาณ "นายใหญ่" เร่งเร้า ระวังอันตราย "ปรองดองของผู้ชนะ"!
ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1653 หน้า 11
เวทีฉลองสงกรานต์ของ "คนเสื้อแดง" กับ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ "สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว" และ "ประเทศกัมพูชา"
กลายเป็นเวทีปลดปล่อย "พ.ต.ท.ทักษิณ" จากพันธนาการในจิตใจ ที่จองจำ "อดีตนายกรัฐมนตรี" ผู้ถูกรัฐประหาร
การได้พบกับ "มวลชน" ผู้คอยให้การสนับสนุนเรือนแสน ใกล้เคียงกับการได้ "อิสรภาพ" คืนมาอีกครั้ง
แม้จะเป็น "อิสรภาพ" ที่ยังมี "เงื่อนไข" และเป็นไปในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ก็ตาม
แต่ถือว่าเป็นสิ่งที่ "พ.ต.ท.ทักษิณ" ไม่เคยได้สัมผัส ภายหลังตัดสินใจเดินทางออกจากประเทศไทย เมื่อ "1 สิงหาคม 2551" ก่อนที่ "ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง" จะมีคำพิพากษาคดีที่ดินถนนรัชดาภิเษก
นับจนถึงวันนี้ เป็นเวลาเกือบ 4 ปีเต็ม ที่ "พ.ต.ท.ทักษิณ" ไม่มีโอกาสเหยียบบนผืนแผ่นดินไทย
และเป็นเวลา 4 ปี ที่ "พ.ต.ท.ทักษิณ" หมดโอกาสใกล้ชิดหมู่มวล พี่ น้อง เพื่อน มิตร และคนใกล้ชิด ผู้คอยให้การสนับสนุน
ดังนั้น การเดินทางมาฉลองสงกรานต์ใน "ลาว" และ "กัมพูชา" ครั้งนี้ จึงถือเป็นการเดินทางเข้าใกล้แผ่นดินไทยมากที่สุด ของ "พ.ต.ท.ทักษิณ"
จึงไม่แปลกที่ภาพบรรยากาศสงกรานต์การเมืองครั้งนี้ จะ "เต็มที่" ท่ามกลางการแวดล้อมของ "มวลชนคนเสื้อแดง"
และ "เต็มที่" กับการได้ระบายความรู้สึกคิดถึง ห่วงหา และแสดงออกซึ่งความต้องการ "กลับประเทศไทย" ที่ถือเป็น "ความต้องการ" ลำดับต้นๆ ของ "พ.ต.ท.ทักษิณ"
หากย้อนไปดูคำพูด "กลับเมืองไทย" ของ "พ.ต.ท.ทักษิณ" ตั้งแต่หลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมา นับว่าการพูดครั้งนี้หนักแน่น ชัดเจน เร่งเร้า และใกล้เคียงความจริงมากกว่าทุกครั้ง
ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะบรรยากาศที่รุกเร้า เมื่อ "พ.ต.ท.ทักษิณ" ได้มาอยู่ใกล้ชิดกับ "ผู้สนับสนุน" ในพื้นที่ที่ใกล้กับ "ประเทศไทย" เพียงแค่ก้าวเดินข้าม
แต่ส่วนสำคัญ น่าจะเป็นเพราะ "พรรคเพื่อไทย" มีอำนาจเต็มในการถือ "อำนาจรัฐ" และ "น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" น้องสาวสุดที่รักได้ขึ้นเป็น "นายกรัฐมนตรี"
ซึ่งนั่นส่งผลต่อความฝันและความหวัง ในการเดินทางกลับประเทศไทย ของ "พ.ต.ท.ทักษิณ" ที่ริบหรี่ลง หลังศาลฎีกาฯ พิพากษาคดีที่ดินรัชดาฯ ให้จำคุก 2 ปี ให้กลับมีแสงสว่างพอที่จะเป็นจริงได้อีกครั้ง
โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ "พรรคเพื่อไทย" ผลักดันการ "แก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291" เพื่อเปิดทางให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เปิดโอกาสให้มีการ "ปลดล็อกเงื่อนไข" ที่ถูกมองว่า "ไม่เป็นธรรม" ที่เกิดขึ้นจากการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
ขณะเดียวกัน รายงานของ "คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ (กมธ.ปรองดอง) สภาผู้แทนราษฎร" ที่จะถูกใช้เป็น "โมเดลหลัก" ในการเสนอ "แนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ"
ได้ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุม "รัฐสภา" และ "รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์" ก็ได้นำเข้าสู่การพิจารณาของ "ครม." เรียบร้อยแล้ว
โดยขั้นต่อไปได้มีการมอบหมายให้ "คณะกรรมการประสานงานและติดตามผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.)" ที่มี "นายงยุทธ วิชัยดิษฐ" รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน ไปรับฟังความคิดเห็นจากฝ่ายต่างๆ เพื่อดำเนินการต่อตามข้อเสนอ
ทำให้ "เพื่อไทย" มองว่าจะเป็นหนทางในการ "เยียวยา" ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ยึดอำนาจ และนำพาประเทศออกจาก "วิกฤตความขัดแย้ง"
โดยทั้ง "กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ" และ "กระบวนการสร้างความปรองดอง" ที่กำลังเร่งดำเนินการ ส่งผลโดยตรงต่อโอกาสในการเดินทางกลับประเทศไทยของ "พ.ต.ท.ทักษิณ" อย่างปฏิเสธไม่ได้
ดังนั้น เมื่อ "พ.ต.ท.ทักษิณ" ใช้เวทีฉลอง "สงกรานต์ต่างแดน" ส่ง "สัญญาณ" ว่าต้องการกลับประเทศไทยอย่างเร่งด่วน
"กระบวนการปรองดอง" ที่กำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็ม ในมือ "ปคอป." จึงถูกเร่งเร้าจาก "พรรคเพื่อไทย" เพื่อให้เกิดความเป็นรูปธรรม
ไม่ว่าจะเป็น "รัฐมนตรี" ในรัฐบาล แกนนำพรรคเพื่อไทย แกนนำคนเสื้อแดง หรือแม้แต่คนใกล้ชิด "พ.ต.ท.ทักษิณ" ต่างยืนยันกระบวนการไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด
โดยอธิบายหลักการและขั้นตอนการผลักดัน เข้าสู่การพิจารณาของสภาอย่างเป็นระบบ!
มีการพูดถึงการตระเตรียมการเพื่อนำไปสู่การเจรจากับฝ่ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น "ฝ่ายค้าน พรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" หรือแม้แต่ "กองทัพ" ผ่านการ "พูดคุยเชิงเสวนา" หลากหลายรูปแบบ
แม้ตอนหลัง "แกนนำเพื่อไทย" จะกลับลำอธิบายว่า "กระบวนการปรองดอง" ที่จะเกิดขึ้นนั้น จะมอบหมายให้ "บุคคลอื่น" ที่ไม่ใช่ "พรรคเพื่อไทย" หรือ "รัฐบาล" เป็นผู้ดำเนินการ
เนื่องจากเกรงกับข้อครหาว่า "รัฐบาลน้องสาว" ช่วย "พี่ชาย"!
แต่เมื่อ "เส้นทางปรองดอง" ถูกสังคมจดจำว่าเริ่มต้นกระบวนการ "บุคคลภายในรัฐบาล" และ "พรรคเพื่อไทย"
ย่อมไม่แปลกที่ฝ่ายต่างๆ จะจับจ้องมองว่า เป็นเพราะ "อิทธิพล" จากเวทีฉลองสงกรานต์เสื้อแดงของ "พ.ต.ท.ทักษิณ"
โดยเฉพาะเมื่อสถานะวันนี้ "พรรคเพื่อไทย" คือเสียงข้างมากใน "สภาผู้แทนราษฎร" และ "รัฐบาล" ยึดกุมเสียงข้างมากใน "รัฐสภา"
จึงต้องคำนึงเสมอว่า "การปรองดอง" นั้นจะต้องอาศัยความเห็นร่วมกันของคนทั้งประเทศ ไม่เพียงเฉพาะ "ฝ่ายรัฐบาล-ฝ่ายค้าน" หรือ "ผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ในสภา" เท่านั้น
สถานการณ์ "ความขัดแย้ง" ที่เกาะกินประเทศไทยมายาวนาน จนถึงวันนี้ เรียกได้ว่า ลึกและหลากหลาย มากกว่าแค่ "บุคคลระดับนำ" ใน "รัฐสภา" จะมาแก้ปัญหาเพียงกลุ่มเดียว
ดังนั้น "การปรองดอง" ที่กำลังจะเริ่มต้น จึงไม่ควรถูกทำให้รู้สึกว่าเป็นไปตามความต้องการของเสียงข้างมากฝ่ายเดียว
จนกลายเป็นเพียง "การปรองดองของผู้ชนะ"!
เหมือนที่ "พ.ต.ท.ทักษิณ" รู้สึกฮึกเหิม เมื่ออยู่ท่ามกลางแวดล้อมไปด้วยคนเสื้อแดง ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา
เพราะนั่น อ่อนไหวต่อความไว้วางใจ จากเสียงข้างน้อย ฝ่ายอื่นๆ
ที่สำคัญคืออาจจะถูกหยิบจับมาใช้เป็นเงื่อนไขในการต่อต้านอีกครั้ง
ซึ่งบทเรียนในอดีต "รัฐบาลพรรคไทยรักไทย" ที่มีเสียงในสภาผู้แทนราษฎรถึง "377 เสียง" เคย ล้ม-พัง ง่ายๆ มาแล้ว!!!
+++
Asia update ลมใต้ปีก "คนเสื้อแดง" ฐานที่มั่น "ภูเขาน้ำแข็ง"
คอลัมน์ ในประเทศ ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1653 หน้า 13
ถ้าถามแกนนำ "คนเสื้อแดง" ว่ามีคนไปร่วมชุมนุมที่เสียมเรียบจำนวนเท่าไร
ทุกคนต้องบอกว่า "เป็นแสน"
แต่ในทวิตเตอร์ของ "โอ้ค" พานทองแท้ ชินวัตร บอกว่าสอบถามหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองของกัมพูชาแล้ว เขาแจ้งว่ามีคนที่ไปรดน้ำดำหัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
38,000 คน
แม้จะไม่ใช่หลักแสน แต่จำนวน 38,000 คนที่ยอมเดินทางไกลข้ามประเทศเพื่อไปหา "ทักษิณ" ย่อมไม่ธรรมดา
คำถามที่น่าสนใจก็คือ อะไรทำให้ "คนเสื้อแดง" จำนวนมากยังสามารถผนึกกำลังอย่างเหนียวแน่นเช่นนี้ได้
ในขณะที่มวลชนกลุ่มอื่นที่เคยเปี่ยมด้วยพลัง แต่วันนี้พลังอย่างเป็นรูปธรรมกลับหดหายไป
กลไกสำคัญที่ทำให้ "แกนนำ" กับ "คนเสื้อแดง" สื่อสารกันได้อย่างมีพลัง และสามารถระดมพลังได้อย่างรวดเร็ว คือ สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม "เอเชีย อัพเดต"
"เอเชีย อัพเดต" หรือ "ช่องเสื้อแดง" เป็นผลต่อเนื่องมาจากสถานีโทรทัศน์พีทีวี ของคนเสื้อแดงที่ถูกปิดไป
พลังของ "เอเชีย อัพเดต" วันนี้เหนือกว่า "เอเอสทีวี" ของ "คนเสื้อเหลือง" ในวันที่รุ่งเรืองสุดๆ
ส่วนหนึ่ง เพราะ ตลาดจานรับดาวเทียมเติบโตอย่างมโหฬารในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในระบบ "ซีแบนด์" หรือจานดำ
คาดกันว่าปัจจุบันมีมีคนติดจานรับดาวเทียมแล้วไม่ต่ำกว่า 60% ของครัวเรือนทั้งหมด
ส่วนหนึ่ง เพราะ "เอเชีย อัพเดต" เข้าไปเป็นช่องหนึ่งในเคเบิลทีวีต่างจังหวัด
แต่ประเด็นสำคัญอยู่ความต่อเนื่องของความรู้สึกที่ยังถูกปลุกเร้าอยู่เรื่อยๆ นับตั้งแต่เหตุการณ์เดือนพฤษภาคม 2553 เป็นต้นมา
"คนเสื้อแดง" จึงกดดู "ช่องเสื้อแดง" ต่อไป
การเติบโตของ "เอเชีย อัพเดต" นั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะถ้าใช้ตัวเลขของจานรับดาวเทียม "พีเอสไอ" เป็นมาตรวัด
"พีเอสไอ" นั้นเป็นเจ้าตลาดดาวเทียม ครองตลาดกว่า 60%
"พีเอสไอ" ติดซิมโทรศัพท์ในกล่องรับสัญญาณจำนวนหนึ่ง เพื่อวัดเรตติ้งคนดูแบบ "เรียลไทม์"
เชื่อหรือไม่ว่าก่อนการเลือกตั้ง "เอเชีย อัพเดต" ชนะ "ช่อง 5" และ "โมเดิร์นไนน์"
แพ้เพียงแค่ ช่อง 3-7 เท่านั้น
ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นอีกครั้ง ในวันที่ถ่ายทอดสดการปราศรัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เมืองเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา
เมื่อดูตัวเลขเรตติ้งในเดือนพฤษภาคม 2554 ก่อนการเลือกตั้ง
ยอดคนดู "เอเชีย อัพเดต" ผ่านจานรับดาวเทียมพีเอสไอ สูงเป็นอันดับที่ 4
รองจากช่อง 3, 7 และช่องธรรมะ
มากกว่าช่อง 9 และช่อง 5
แต่ในเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ยอดช่อง 9 และช่อง 5 กลับมาแซง "เอเชีย อัพเดต"
ทั้งๆ ที่ "เอเชีย อัพเดต" นั้นไม่ใช่ช่องเลขตัวเดียว แต่เป็นช่องที่ 75 ของจานรับดาวเทียมพีเอสไอ
ยอดคนดูของ "ช่องเสื้อแดง" เหนือกว่าช่อง 11 และไทยพีบีเอส
เหนือกว่าสถานีข่าวของทีวีดาวเทียมทุกช่อง
หลังการเลือกตั้ง การเมืองเริ่มสงบ "เอเชีย อัพเดต" อันดับในเรตติ้งเริ่มลดลง แต่ยังอยู่ใน 10 อันดับแรกตลอด
เดือนมีนาคม 2555 อยู่ในอันดับที่ 9
จนเมื่อกลุ่มคนเสื้อแดงระดมพลไปรดน้ำดำหัว "ทักษิณ" ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และประเทศกัมพูชา
ความคึกคักของ "เอเชีย อัพเดต" กลับมาอีกครั้งหนึ่ง
และในวันที่ "ทักษิณ" ขึ้นปราศรัยและร้องเพลงต่อหน้ามวลชน "คนเสื้อแดง" ทาง "ช่องเสื้อแดง" ถ่ายทอดสดข้ามประเทศ
เรตติ้งของ "เอเชีย อัพเดต" ก็กลับมาพุ่งกระฉูดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
โดยเฉพาะตอนที่ "ทักษิณ" ขึ้นเวทีเมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. วันที่ 14 เมษายน
เมื่อเทียบยอดผู้ชมระหว่างช่อง 3-5-7-9 และ "เอเชีย อัพเดต" ในช่วงนั้น จะพบว่าเส้นกราฟคนดู "เอเชีย อัพเดต" (สีฟ้า) พุ่งขึ้นจนแซงช่อง 5-9
แพ้ช่อง 3 และ 7 ไม่ถึงครึ่ง
เห็นเรตติ้งนี้แล้ว ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใด "กองทัพเสื้อแดง" จึงยังสามารถรวมพลังกันได้อย่างแน่นเหนียว
และ 38,000 คนนั้นที่เดินทางไป "เสียมเรียบ" นั้นเป็นเพียงแค่ "ยอดภูเขาน้ำแข็ง" ที่โผล่พ้นน้ำเท่านั้น
นี่คือ เรื่องราวที่ "ชนชั้นกลาง" ที่ติด "ทรูวิชั่นส์" ในเมืองกรุงไม่มีทางรู้เลย
+++
แรงเขย่า-อาฟเตอร์ช็อก แม้วทัวร์-2 ประเทศ อานุภาพแห่ง "จานดำ"
คอลัมน์ แมลงวันในไร่ส้ม ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1653 หน้า 78
หนึ่งในข่าวใหญ่ของเทศกาลสงกรานต์ได้แก่ การเดินทางพบปะคนเสื้อแดงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
เริ่มต้นจากเวียงจันทน์ ไปปากเซ ทางลาวใต้ ก่อนบินต่อไปที่เสียมราฐ หรือเสียมเรียบ กัมพูชา
ภาพจากเวทีเสียมราฐเมื่อวันที่ 14 เมษายน มาราธอนไปถึงดึกดื่น คือการปราศรัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีสมาชิกพรรคเพื่อไทย ขึ้นเวทีร่วมกันร้องรำทำเพลง ท่ามกลางเสื้อแดงกว่า 5 หมื่นคน
สาระสำคัญจากคำปราศรัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ใน 2-3 เวทีในสองประเทศ คือ ต้องการจะกลับประเทศไทย
พร้อมกับนำเอาเพลง Let It Be ของเดอะ บีตเทิลส์ มาใส่คำภาษาไทยว่า "ช่าง...มัน" จนฮิตติดปากเสื้อแดง
สงกรานต์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ สิ้นสุดลงด้วยการ "สัญจร" ต่อไป ทิ้งประเด็นไว้ให้คิดว่า
พรรคเพื่อไทยจะผลักดันความประสงค์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในแนวทางไหน
เว็บประชาทอล์ก เสนอบทความน่าสนใจชุดใหญ่ เป็นข้อสังเกตถึงผลสะเทือนทางการเมืองจากการทัวร์ 2 ประเทศอินโดจีน และการเสนอข่าวอย่างเกาะติดของวอยซ์ทีวี และเอเชียอัพเดต
ล็อกอิน "ลูกชาวนาไทย" โพสต์เมื่อวันที่ 15 เมษายน ตั้งหัวข้อขึ้นมาว่า
"ผมว่าสงกรานต์ปีนี้ เสื้อแดงตัดไม้ข่มนาม แสดงแสนยานุภาพข่มอำมาตย์ได้ดีมาก VS อิทธิพลของ Voice TV และ Asia Update ในชนบท"
กระทู้บทความนี้ ยังปรากฏในห้องราชดำเนิน พันทิป มีผู้เข้ามาร่วมแสดงความเห็นคึกคักอีกเช่นกัน
ลูกชาวนาไทยชี้ว่า สงกรานต์ของทุกปีใน 5 ปีมานี้ จะเป็นศึกทางการเมืองตลอด ปี 2552 และ 2553 หนักหน่อย ที่มีคนตายจากการปะทะกันทางการเมืองจำนวนมาก
ปีนี้เสื้อแดงได้อำนาจรัฐ การปะทะกับอำมาตย์จึงไม่มีให้เห็น แต่หากเงียบสงบไป ก็ไม่สามารถตัดไม้ข่มนามได้ อำมาตย์ก็คงตีความว่ากระแสคนเสื้อแดงนั้นซาไปแล้ว ไม่น่ากลัวแล้ว
แต่การจัดชุมนุมที่โบนันซ่า และการจัดรดน้ำดำหัวทักษิณที่เมืองเสียมเรียบนั้น ผมว่าเป็นการแสดงแสนยานุภาพ ให้ทั้งอำมาตย์และชาวโลกเห็นอย่างชัดเจนว่า
คนเสื้อแดงนั้นไม่ได้หมดพลังหรือซาลงไป แต่ตรงกันข้าม กลับสามารถแสดงพลังได้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม
คือ จุดปุ๊บติดปั๊บโดยทันทีเหมือนกัน
การชุมนุมที่เมืองเสียมเรียบ คือการระดมทัพ แสดงแสนยานุภาพโดยแท้ ไม่มีนัยยะอย่างอื่นทางการเมืองเลย นอกจากส่ง "ข่าวสาร" ไปยังศัตรูว่าคนเสื้อแดงนั้น "เข้มแข็งกว่าเดิมมาก" และบารมีทักษิณนั้น ยิ่งเข้มแข็งกว่าเดิม
ก่อนสรุปว่า "...อำมาตย์จะปรองดองหรือไม่ ไม่ได้มีความหมายอะไร เพราะพลังที่แท้จริงของอำมาตย์นั้นเสื่อมสิ้นแทบหมดแล้ว"
ส่วนประเด็นการรุกของวอยซ์ทีวี และเอเชียอัพเดต ลูกชาวนาไทยระบุว่า
การรุกทางสื่อ ทั้งช่อง Voice TV และ Asia Update นั้น คนกรุงมองไม่เห็น
แต่ผมกลับบ้านสงกรานต์ปีนี้ ผมเห็นอิทธิพลของทั้งสองช่องนี้อย่างเต็มที่
หมู่บ้านผมกว่า 80% ติดจานดำหมดแล้ว รับทั้งวอยซ์ทีวี และเอเชียอัพเดต ได้เหมือนเป็นช่องปกติเลยทีเดียว
ตอนนี้ในชนบท สองช่องนี้ เหมือนกับฟรีทีวี ยังไงยังงั้นเลยทีเดียว
อันนี้เป็นเรื่องที่คนกรุงเทพฯ ไม่รู้ หรือรู้ ก็ไม่ได้ตระหนักอย่างจริงจัง
เพื่อนร่วมงานผม เคยให้ความเห็นเมื่อคุยถึง "หม่อมปลื้ม" (ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล ผู้ประกาศวอยซ์ทีวี อดีตผู้ประกาศช่อง 3) ว่า เขาเสียดายมากที่ดูเหมือนตอนนี้ปลื้มเงียบหายไป เขาไม่น่าเลือกทางนั้น
ผมเลยให้ความเห็นไปว่า เขาอาจหายไปจากสายตาคุณในช่องฟรีทีวี แต่เขาไปดังอย่างมากในอีกโลกหนึ่ง
ผมกลับบ้านปีนี้พิสูจน์อย่างดีว่า หม่อมปลื้มนั้น ชาวชนบทติดตามผ่านวอยซ์ทีวี และดังมาก
แต่เพราะคน กทม. และ "อำมาตย์" ส่วนใหญ่ไม่ได้ติด "จานดำ" ก็เลยไม่รับรู้ว่าอีกโลกหนึ่งนั้นเป็นอย่างไร
ผมถึงไม่แปลกใจว่าทำไมเสื้อแดงไปที่เสียมเรียบเยอะมาก
เพราะข้อมูลข่าวสารระหว่างแกนนำเสื้อแดงผ่าน เอเชียอัพเดตและวอยซ์ทีวีนั้น มีอย่างสม่ำเสมอ และมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ (ผมไม่ได้ติดจานดำ ที่ผ่านมาเลยไม่ค่อยได้ตระหนักถึงอิทธิพลนี้)
คุณขุนอินบอกกับผมว่า "วอยซ์ทีวี" นั้น เรตติ้งแซงหน้า TPBS ไปแล้ว ขึ้นเป็นอันดับ 6
นี่ยังเป็นช่วงเริ่มต้นของ "ยุคทีวีดาวเทียม" นะครับ พานทองแท้ โอ๊ค ยังทำได้ขนาดนี้
ตระกูลชินวัตร คุมทีวีดาวเทียมดังๆ ถึง 2 ช่อง และทีวีร้อยช่องของทักษิณผ่านดาวเทียม กำลังก้าวหน้าไปอย่างมั่นคง
อำมาตย์ตายแน่กับแนวรบนี้
วันนี้ชาวชนบทติดจานดาวเทียมไปแล้วเกินครึ่งของจำนวนคนที่มีทีวี อีก 5 ปีข้างหน้าคงติดร้อยเปอร์เซ็นต์
"...เมื่อนั้นอิทธิพลของฟรีทีวี จะเสื่อมถอยลงอย่างมาก"
นั้นคือ ข้อสรุปที่ผ่านการค้นคว้าหาข้อมูลในพื้นที่จริงของ "ลูกชาวนาไทย"
ที่ดูเหมือนจะเป็นงานวิจัยแบบย่อยๆ ได้เหมือนกัน
ความเห็นต่อท้ายกระทู้ ในแบบแลกเปลี่ยนความเห็นก็น่าสนใจไม่แพ้กัน
ล็อกอิน payai97 โพสต์สนับสนุนว่า ทีวีช่องหลักที่ดูประจำทุกวันนี้ก็อย่างที่ จขกท. (เจ้าของกระทู้) กล่าวมานั่นแหละ
ตอนเช้าติดรายการเวคอัพไทยแลนด์...ถ้าไม่ได้ดูเหมือนไม่ได้ดื่มกาแฟ
หลังเคารพธงชาติ...เปลี่ยนมาดูเอเชียอัพเดต เพื่อดูรายการประชาชนข่าวของคุณปอยกับคุณพ็อกเก็ตจนจบ
ดูรีรันแบบเต็มๆ อีกครั้งที่ช่อง 2 ตอนเย็น...แต่ไม่ทันได้ดูรายการตรงไปตรงมาตอน 9 โมงเช้าต้องไปดูย้อนหลังที่ช่อง 2 เหมือนกัน
รายการที่ขาดไม่ได้เลยของช่องเอเชียฯ คือรายการตั้งแต่หัวค่ำยาวไปจนรายการสนทนาการบ้านการเมืองจบ...ควบคู่ไปกับเข้ามาอ่านข่าวในนี้...จึงเข้านอน
หมู่บ้านที่อยู่ทุกวันนี้ติดจานดำเกินครึ่ง จานแดงมีให้เห็น 2-3 หลัง ที่เหลืออีก 20-30% ยังไม่ติดจานและยังดูช่องฟรีทีวีเพื่อดูละคร
แต่ที่แน่ๆ คือ...เป็นคนเสื้อแดงโดยไม่ต้องดู 2 ช่อง
เพราะเวลามีกิจกรรมคนเสื้อแดง...คนในหมู่บ้านจะบอกข่าวปากต่อปาก
พักเดียวก็เดินออกจากบ้าน...มารวมตัวกันที่จุดหมายแล้ว
ผู้ใช้นาม "หนุ่มน้ำเค็ม" ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ว่า
ครอบครัวที่แยกตัวออกไปสร้างบ้านใหม่ หรือแยกอาศัยจากพ่อแม่ พวกนี้ไม่ตั้งเสาทีวีแล้วครับ
ร้อยทั้งร้อยติดจานดาวเทียมทั้งนั้น อีกอย่างเวลาที่จะติดจานถามช่าง ช่างจะบอกว่าจานดำเวลาฝนตกก็ดูได้ไม่เหมือนจานเล็ก ที่ฝนตกฟ้าร้องแล้วดูไม่ได้ เพิ่มเงินอีกนิดหน่อยก็ติดจานดำได้แล้ว
Solidarity -- แต่ก่อนบ้านใครติดจานดาวเทียม จะบ่งบอกว่าต้องมีฐานะพอสมควร แต่เดี๋ยวนี้ บ้านเพิงหมาแหงน ก็ติดจานดาวเทียมได้
กระทงทุ่ง -- ตอนนี้ชนบทมีจานดำแทบจะทุกบ้าน ไหนต่อไปจะมีหนึ่งตำบลหนึ่งไฮไฟอีก จะเป็นการปิดข่าวสารแบบบิดๆ เบือนๆ ที่อีกฝั่งถนัดและน็อกประชาชนมาตลอดได้ชะงัดดีแล
นั่นคือส่วนหนึ่งของอีกกระทู้ฮอตในเว็บบอร์ด ผู้สนใจตามอ่านเนื้อหาทั้งหมดได้ในเว็บประชาทอล์ก
.
Selected Messages & Good Article for People Ideas and Social Justice .. หวังความต่อเนื่องของพลังประชาธิปไตยและการเลือกตั้งของปวงชนอันเป็นรากฐานอำนาจอธิปไตย เพื่อกำกับกติกาและอำนาจการเมือง-อำนาจตุลาการ ไม่ว่าต่อคนชั่ว(เพราะใคร?) และคนดี(ของใคร?) ไม่ให้อยู่เหนือนิติรัฐของประชาชน
http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย