http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-04-13

ทราย: นิคกี้ เปียก-เปียก/ ศิลา: กลับไปสู่สงกรานต์

.

นิคกี้ เปียก-เปียก
โดย ทราย เจริญปุระ charoenpura@yahoo.com คอลัมน์ รักคนอ่าน
ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1652 หน้า 80


เหมือนจะเป็นธรรมเนียมไปแล้วว่าช่วงสงกรานต์ ฉันก็ต้องเขียนอะไรถึงเรื่องสงกรานต์สักเล็กน้อย
ก็มันออกจะเป็นเทศกาลแห่งชาติเสียขนาดนี้
ไม่เขียนถึงเดี๋ยวคนเขาก็หาว่าฉันตกยุคตกสมัยไม่รับรู้เรื่องราวของโลกภายนอก

แล้วปีนี้มีอะไรบ้าง?
เฉพาะในเดือนมหาสงกรานต์นี่ก็มีเรื่องมากมายแทบจดจำกันไม่ทันแล้ว
ตั้งแต่กรณีคำถามสะท้านโลกันตร์ของบิ๊กบัง (เอ๊ะ นั่นมันปลายเดือนที่แล้วนี่หว่า)
การเลือกตั้งซ่อมในพม่า
การงดรายการคิดเล่นเห็นต่างของ คุณคำ ผกา ด้วยเหตุจากการพูดพาดพิงศาสนาพุทธ การเดินธุดงค์ที่สะท้านสะเทือนการจราจรไทย
การสั่งไม่ให้ฉายภาพยนตร์ เรื่อง Shakespeare must die!
ไปจนถึงดราม่าเล็กๆ ที่กำลังเป็นไวรัสให้นักการตลาดพิจารณาความแรงและกระแส ตอบรับอย่างรวดเร็ว กรณีดราม่าของน้องโต๊ด และวรรคทองที่ว่า "เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่"

ส่วนเรื่องที่เกี่ยวกับสงกรานต์นั้น ก็มีกิจกรรมซึ่งเชื่อว่าหนุ่มๆ หลายคนตั้งอกตั้งใจรอคอยมาก แถมทำท่าจะละทิ้งกรุงเทพฯ เพื่อไปร่วมงานที่บุรีรัมย์ไม่ใช่น้อย
ข่าวนั้นก็คือการที่อดีตนักการเมืองท่านหนึ่งจะเชิญวงสาวๆ ชาวญี่ปุ่นมาร่วมเล่นและเปิดแสดงโชว์ในวันสงกรานต์นี้
แค่บอกสาวญี่ปุ่นนี่เราก็คิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
และฉันไม่อยากจะบอกเลยว่าที่คุณคิดไว้นั้นมันถูกต้องทุกประการ

น้องๆ สาวสวยสมาชิกของวง Ebisu Muscats เป็นการรวมตัวของสาวๆ จากหนัง AV
แน่นอนว่าต้องมีฝ่ายต่อต้านออกมาคัดค้าน
คัดค้านด้วยเหตุผลอะไรน่ะหรือ
เหมือนเดิมทุกประการเลยคุณผู้อ่าน
เหมือนกันทุกปี เหมือนเดิมทุกคำ และน่าจะเหมือนเดิมอย่างนี้ไปจนถึงปีหน้าหรือปีไหนไหน

นั่นก็คือไม่เหมาะกับขนบธรรมเนียม ประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามแบบไทยไทย


แต่ฉันก็มาคิดว่าจริงๆ ประเพณีสาดน้ำนี่ก็มีมาแต่โบราณแล้ว

การที่อยู่ๆ คนจะเอาน้ำมาสาดให้ตัวเปียกนี่มันออกจะแสดงถึงนัยทางเพศอย่างโจ่งแจ้งไม่อ้อมค้อม เปียกทั้งหญิงทั้งชายขนาดนั้นไม่ต้องพูดถึงการเผยเรือนร่างที่ชวนจินตนาการกว่าการใส่ชุดว่ายน้ำเป็นไหนๆ

เปียกขนาดนั้นจะมีหรือคนที่ไม่คิดไกลไปจนถึงตอนเปลี่ยนเสื้อผ้า

มันเป็นเหมือนการตอบสนองต่อสัญชาตญาณพื้นฐานของสัตว์โลก

ความงาม ความยั่วยวน และความพอใจทางเพศ

สิ่งที่เป็นพื้นฐานเหล่านี้ ฉันว่ายิ่งถูกปิดกั้น ถูกกดข่มจนไม่มีทางออกอย่างโจ่งแจ้งมากขึ้นเท่าไหร่ แรงสะท้อนและช่องว่างของเรื่องนี้ก็ยิ่งมีพื้นที่มากขึ้น
และมีผู้ชายคนหนึ่งที่ใช้พื้นที่นี้อยู่อย่างสำราญ
นิคกี้ พิ้มพ์



เราอาจเคยรู้จักเขาตั้งแต่สมัยเป็นหนุ่มน้อยหน้าใสสีลูกกวาดที่เคยร้องเพลงออกอัลบั้ม
เราอาจเคยรู้จักตอนเขาเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์และภาพพจน์มาเป็นหนุ่มร้าย
เราอาจเคยรู้จักตอนเขาเป็นข่าวอื้อฉาวกับสาวหลายคนจากหลายวงการ
ตอนนี้, โปรดทำความรู้จักกับเขาอีกครั้ง

นิคกี้ ผู้บอกว่าตัวเองคือ "กระจู๋ของประเทศ"
เขาให้สัมภาษณ์ไว้ในนิตยสาร Bioscope ถึงธุรกิจของเขา, ธุรกิจหนังโป๊
ใช่, คุณอ่านไม่ผิดหรอก ธุรกิจหนังโป๊ในเมืองที่เราตาพร่าพรายมลังเมลืองไปด้วยแสงแห่งความดีงามผ่องแผ้ว
เขาสัมภาษณ์ตรงๆ ถึงวิธีคิดและที่มาที่ไปในความเป็นตัวเขา และการที่เขามาจับธุรกิจนี้ เขามองว่าการดูหนังโป๊เป็นเรื่องส่วนตัว และไม่ได้เอาไว้วัดจริยธรรมหรือความดีงามของใคร รสนิยมส่วนตัว คือ รสนิยมส่วนตัว


และการที่เขาไปได้ดีอย่างยิ่งในวงการธุรกิจนี้ (ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้มีเขาเพียงเจ้าเดียวเท่านั้น) มันก็บอกอะไรบางอย่าง
บางทีมันอาจมาถึงยุคที่เราต้องพูดกันตรงๆ แล้ว
เรื่องบางเรื่องที่เป็นธรรมชาติ

ธรรมดาของมนุษย์นั้นยิ่งไปห้ามก็จะได้กลับคืนมาแต่ภาพและหีบห่ออันสวยหรูที่ปกปิดความจริงแท้และการกระทำภายใน

เรื่องเพศที่เป็นเหมือนสิ่งน่ารังเกียจในสายตาของชาวพุทธนี่ก็เป็นเรื่องหนึ่ง

เรื่องสังคมและวัฒนธรรมอันดีงามนี่ก็อีกเรื่องหนึ่ง
เรื่องศาสนานี่ห้ามมากๆ ก็จะกลายเป็นไม่มีใครกล้าแตะต้อง

และเราต่างก็รู้กันดีว่าอะไรที่ถูกอุ้มชูให้ค่ามากเกินไป การสรรเสริญเยินยอมากเกินไป
สิ่งเหล่านี้นี่แหละจะย้อนกลับไปทำร้ายสิ่งที่เราเทิดทูนบูชา ให้ทำลายตัวเองย่อยยับไปในที่สุด



* * * * * * * * * * * * * * * * * * *
บทสัมภาษณ์นิคกี้ พิ้มพ์ ( หรือ สุระ ธีระกุล ) จากนิตยสาร Bioscope ฉบับ 123, เมษายน 2555



++

กลับไปสู่สงกรานต์
โดย ศิลา โคมฉาย คอลัมน์ แตกกอ-ต่อยอด
ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1652 หน้า 67


เห็นคำว่า"เถลิกศก" ในเอกสารราชการ ทำให้อ้ำอึ้งไปชั่วขณะเพราะความไม่คุ้น
ไม่กล้ายืนยันว่า เคยหรือไม่เคยเห็นมาก่อน
รู้แต่คำว่าเถลิงศก อย่างที่เพลงรำวงฉลองปีใหม่ร้อง...รื่นเริงเถลิงศกใหม่...

เอกสารดังกล่าวบอกว่า วันที่ 13 เมษายนเป็นวันมหาสงกรานต์ วันที่ 14 เป็นวันเนา วันที่ 15 เป็นวันเถลิกศก หมายถึงวันขึ้นศก เป็นวันเปลี่ยนจุลศักราชใหม่
เพื่อความแน่ใจยังต้องควานหาคำยืนยันจากพจนานุกรมอีก 2-3 ฉบับ

พักหลังผมมักจะตื่นเต้น กับการได้พบความหมายดั้งเดิมของคำ ที่ถูกใช้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน แบบอัตโนมัติ หรือพูดๆ ตามๆ กัน เห็นถึงรากที่มา เพิ่มพูนความเข้าใจต่อการบัญญัติคำอันลึกซึ้ง
อย่างคำว่า "ไม่รู้ไม่ชี้" ที่เข้าใจเอาว่า เป็นการปฏิเสธการตอบคำถามแบบตัดรอน หรือแสร้งทำตัวเฉยเมยเป็นอิฐเป็นปูนไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวที่เกิดรายรอบ
ดูเหมือนจะเคยเห็น มีผู้อธิบายความหมายเดิมไว้ในหนังสือศิลปวัฒนธรรม เป็น (เพราะ) ไม่รู้ (จึง) ไม่ชี้ แสดงถึงความรับผิดชอบในการให้คำตอบ หรือแสดงความคิดเห็น
ไม่ยอมให้ปากสร้างปัญหา

หรือคำว่า "ไปตายดาบหน้า" มาจากการต้องเชื่อฟังคำสั่งของผู้บังคับบัญชาอย่างเด็ดขาด ขณะออกศึกครั้งสมัยโบราณ ให้กล้าบุกตะลุยไปข้างหน้า ตายด้วยดาบศัตรู ขืนถอยหนี หลบเลี่ยง ขลาดกลัว จะตายด้วยอาญาศึก ที่เป็นเช่นดาบหลัง เดือดร้อนไปทั้งโคตร
ขั้นฟันคอริบเรือน

กระทั่งคำแสนคุ้นเคย "ผิดพลาด" เคยเห็น อาจารย์เสฐียรพงษ์ วรรณปก อธิบายไว้ว่า เพราะผิดจากเหตุที่ควรทำ จึงพลาดจากผลที่ควรได้

ถ้อยคำ และอาจรวมถึงหลายสิ่งหลายอย่าง เมื่อผ่านกาลเวลายาวนาน ยิ่งยากจะเข้าถึงความหมาย จนอาจเปลี่ยนแปลงไป บิดเบน ผิดเพี้ยน

กับช่วงเวลา "เถลิกศก" จึงชวนให้กระหวัดคิดไปถึงเนื้อใน เทศกาลสงกรานต์


ลองนึกย้อนไปเมื่อปีกลาย มหาสงกรานต์กลางถนน ยกระดับความสนุกสนานถึงขั้นสุดขั้ว กลางชุมชนหลักของมหานคร ฝูงชนคลาคล่ำ หมู่สาวน้อยพากันสลัดยกทรง เริงระบำเปลือยอกท้าทาย จนตื่นตาตื่นใจ แล้วค่อยตื่นตระหนกกันไปทั้งเมือง

และหากวกกลับมาคิดถึงความเป็นไปของบ้านเมืองเรายามนี้ ปัญหาที่เกิดถี่ๆ ชวนสะทกสะเทือน ท้าทายกล้องวงจรปิด คืออาชญากรรม และความรุนแรงระดับอำมหิตที่เกิดจากน้ำมือวัยรุ่น

ในความบิดเบน แถมบรรยากาศร้อนอบอ้าว เร่งเร้าให้อกใจคนร้อนรุม ผมคิดว่าการกลับไปมองหาความหมายแท้ๆ ของวันสงกรานต์เป็นเรื่องจำเป็นยิ่ง
เอาแค่สงกรานต์ร่วมสมัยที่สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาตินำเสนอไว้ก็ได้
วันสงกรานต์ คือ วันแห่งความเอื้ออาทร
การสรงน้ำพระ การรดน้ำขอพรผู้ใหญ่ การเล่นสาดน้ำในคนรุ่นราวคราวเดียวกัน หรือเยาว์กว่า การแสดงความยินดีต่อกัน ด้วยการอวยพรให้อยู่เย็นเป็นสุข ช่วยเหลือเกื้อกูลต่อธรรมชาติสิ่งแวดล้อม

ท่านว่าไว้อย่างนั้น
พร้อมเสนอกิจกรรมให้ทำความสะอาดบ้านเรือน ที่อยู่อาศัย ชุมชน และวัดวาอาราม ทำบุญ ให้ทานแก่เด็ก คนชรา เพื่อนบ้าน ปล่อยนกปล่อยปลา สรงน้ำพระ รดน้ำดำหัวขอพรผู้ใหญ่
ท้ายสุดจึงเป็นเล่นสาดน้ำในหมู่คนรุ่นเดียวกัน และละเล่นรื่นเริงตามประเพณีท้องถิ่น

มุ่งหวังให้เกิดคุณค่า ต่อครอบครัวที่สมาชิกได้มีโอกาสมาอยู่รวมกัน ต่อชุมชนที่จะทำให้เกิดความสมัครสมานสามัคคี ต่อสังคมที่มีความเอื้ออาทรต่อสิ่งแวดล้อมสภาพความเป็นอยู่ รวมถึงคุณค่าต่อศาสนา
คิดและตั้งสติให้ได้ว่า สงกรานต์ไม่ใช่แค่สงครามสาดน้ำ ไม่อาจเลือกเอาแต่ความสนุกสนาน ซึ่งง่ายต่อการพัฒนาไปสู่ความสนุกไร้ขอบเขต
เป็นเทศกาลแห่งการปลดปล่อย...

ปล่อยตัว ปล่อยใจ ย่อหย่อนกฎเกณฑ์เหมือนเป็นช่วงปล่อยผี ผู้คนมิถือสาหาความกับการล่วงละเมิดเล็กๆ น้อยๆ บ้านเมืองผ่อนเพลาการบังคับใช้กฎหมาย บางส่วนบางระดับ
ปล่อยให้ความคึกคะนอง สนุกสนาน ความมึนเมาจากการดื่มกินที่ไม่เคยควบคุมได้จริง เข้าครอบคลุมบรรยากาศ
สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดความรุนแรง



อันที่จริงสงกรานต์เป็นวัฒนธรรมร่วมของหลายชาติอาเซียนบ้านใกล้เรือนเคียง
มิว่าไทย ลาว กัมพูชา...
ยิ่งเป็นความจำเป็นในการต้องฟื้นคืน ประคับประคองกลับไปสู่คุณค่า อันความหมายที่กำหนดไว้แล้ว ตอกย้ำให้เกิดการรับรู้และปลุกเร้าให้เป็นผลทางปฏิบัติในหมู่ประชาชน เมื่อผ่านการรวมตัวกันเป็นประชาคม จะได้มีสิ่งดีงามไว้แลกเปลี่ยนและร่วมมือกับเพื่อนบ้าน
ผนึกกันเป็นวัฒนธรรมอันงดงามเข้มแข็งของภูมิภาค

มิใช่ภาพที่บิดเบี้ยว รูดดิ่งลงสู่ความตกต่ำ
ซึ่งในที่สุดจะกลายเป็นภาพเปรียบเทียบระหว่างกัน ให้ชาวโลกผู้คิดจะมาเยี่ยมเยือนท่องเที่ยวได้เห็น และเลือกเอาเฉพาะสิ่งซึ่งมีความหมายพื้นถิ่นชัดเจน ทั้งทรงคุณค่า ซึ่งอาจไม่เหลือในบ้านเรา

ยามชาวประชาคมต้องยืนในมุมที่เป็นคู่แข่งขัน



.