http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-06-29

แมลงวันในไร่ส้ม: จากเขาพระวิหาร ถึง “นาซา-อู่ตะเภา” ข่าวสารจาก “ผู้รักชาติ”?!

.
คอลัมน์ ในประเทศ - “ปชป." เดิน “เกมรุก” เดินสาย ล้อม “รัฐบาล” “แนวรบ” พร้อม “แนวร่วม” พรึบ!

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

จากเขาพระวิหาร ถึง “นาซา-อู่ตะเภา” ข่าวสารจาก “ผู้รักชาติ”?!
จากคอลัมน์ แมลงวันในไร่ส้ม
ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1663 หน้า 78


ข่าวนาซา หรือองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ จะเข้ามาใช้สนามบิน "อู่ตะเภา" เพื่อดำเนินการ โครงการศึกษา การก่อตัวของเมฆที่มีผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ Southeast Asia Composition, Cloud, Climate Coupling Regional Study : SEAC4RS เจอ "ตอ" เข้าอย่างแรง
เป็น "ตอ" จากฝ่ายค้านและเครือข่าย 
กลายเป็นข่าววนเวียนอยู่ในหน้า 1 ของหนังสือพิมพ์หลายฉบับ

บางฉบับถึงปลุกกระแสว่า เป็นการขายชาติ สูญเสียอำนาจอธิปไตย และปลุกอารมณ์ของสังคมให้มาร่วมกันร้องเพลง "อเมริกันอันตราย" ที่โด่งดังในห้วงขับไล่ฐานทัพเมื่อปี 2517-2518 
ที่แปลกประหลาด เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นในระยะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี และเสนอในที่ประชุมสุดยอดอาเซียน-สหประชาชาติ ครั้งที่ 3 ในปี 2553 
เป็นเรื่องของการป้องปัดภัยพิบัติ ไม่เกี่ยวกับความมั่นคง 
แต่เมื่อเวลาเปลี่ยนมาเป็นยุคของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย เป็นรัฐบาล 
กลับกลายเป็นปัญหาความมั่นคง กลายเป็นเงื่อนไขกระทบกระทั่งกับเพื่อนบ้าน กลายเป็นการต่อรอง เพื่อแลกกับการให้สหรัฐอนุมัติวีซ่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้าประเทศได้ 
และกลายเป็นกรณีเข้าข่ายมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญ ที่จะต้องเอาเข้าหารือต่อที่ประชุม "รัฐสภา" ก่อน



กรณี "อู่ตะเภา" นับเป็นกรณีแรกๆ ที่มีความเห็นจากฝ่ายต่างๆ อย่างเป็นเอกภาพ ตอบโต้ต่อข้อสังเกตของฝ่ายค้านและเครือข่าย
ไม่ว่าจะเป็นนายทหาร ผู้นำกองทัพ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม, พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ฯลฯ ไปจนถึงนักวิชาการ อาทิ นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ สทอภ. หรือ "จิสดา" 
หรือแม้แต่ นายกษิต ภิรมย์ อดีต รมว.ต่างประเทศ ยังออกมาชี้แจงสนับสนุนโครงการ ก่อนที่จะเงียบไปเมื่อพรรคประชาธิปัตย์เดินหน้าลุย

พล.อ.อ.สุกำพล อธิบายว่า นาซาซึ่งเป็นองค์กรทางวิทยาศาสตร์ ทำเรื่องขอเข้ามาสำรวจ เพื่อช่วยเรื่องการพยากรณ์ดิน ฟ้า อากาศของโลกเรา
นาซาก็ไปมาแล้วหลายๆ ที่ คอสตาริกาก็ไป ฮ่องกงและญี่ปุ่นก็ไป มาถึงภูมิภาคแถวนี้ก็ประเทศไทยนี่แหละที่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุด 
เราต้องแยกก่อนว่านาซากับกองทัพสหรัฐอเมริกา ไม่ได้มีอะไรยุ่งเกี่ยวกัน เหมือนกองทัพไทยกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์แหละ

มีคนของเราไปพยายามดึงให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกัน ดึงเข้ามาให้มั่วหมด นายกรัฐมนตรีจึงเรียกมาคุยกันในส่วนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งทางวิทยาศาสตร์และหน่วยงานด้านความมั่นคงว่ามันเป็นอย่างไร 
คนเป็นห่วงเป็นใยมีมากไปหน่อย เกินไป ไม่มีลิมิตเลยว่าจะเป็นอย่างไร ไม่มองเขาในแง่ดีเลย แล้วคนที่เป็นห่วงก็หน้าเก่าๆ ทั้งนั้น

นักวิทยาศาสตร์หลายท่านก็พูดมาดี อย่าง ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ที่เคยทำงานกับนาซา ก็ยืนยันแล้ว เพราะท่านรู้ ก็ยังไม่ว่าอะไรเลย
เราก็เข้าไปเกี่ยวข้องแค่เรื่องความมั่นคง ดูเรื่องการรักษาความปลอดภัยเป็นหลัก ไอ้ที่ว่าเครื่องบินที่มา 3 ลำนั้นมันเป็นอย่างไร เพื่อให้ประชาชนมั่นใจได้ว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่พูดๆ กัน 
ความสัมพันธ์กับจีน เราก็ต้องดู แต่เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ แต่ผมก็บอกแล้วว่านาซาเขาก็ไปทำที่ฮ่องกง แล้วผมถามว่า ฮ่องกงล่ะของใคร?
แล้วที่จีนมาพบก็ไม่ได้สอบถามอะไร ไม่มีปัญหาอะไร แล้วก็ไม่ได้แสดงความห่วงอะไรเลย มีแต่คนไทยเท่านั้นที่ห่วงแทน

ผู้สื่อข่าวถามว่าที่มีการโยงไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี 
พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ไม่ตอบละกัน เพราะตรงนี้คิดกันมากไป จนกลายเป็นเรื่องการเมืองไปแล้ว ทั้งๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องความมั่นคงเลย เอาเป็นว่าผมไม่ตอบละกัน เพราะไอ้คนที่มันคิดได้แบบนี้ มันเก่ง... ขอให้มาถามผมต่อหน้าผมจะฟัดเอง มันไม่ถูกต้องหรอก เอาเป็นประเด็นไปหมดทุกเรื่อง (มติชน 24 มิถุนายน 2555)


แม้แต่ข่าวเด็ด-ลับเฉพาะ จาก นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่ระบุว่า นาซาขนอุปกรณ์ลงเรือเดินทางมาประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม ทั้งที่ยังไม่มีการลงนามกับทางการไทย ก็มี พล.ร.อ.ฆนัท ทองพูล ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ และ พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม ออกมาปฏิเสธ 
เช่นเดียวกับ นายอัชพร จารุจินดา เลขาธิการสำนักงานกฤษฎีกา ชี้ว่าพิจารณาเนื้อหาของรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ที่นาซาขอใช้อู่ตะเภาเพื่อศึกษาวิจัยไม่เข้าข่ายที่จะต้องนำเข้าสภา เพราะหนังสือที่ทางการสหรัฐส่งคำขอเข้ามาไม่มีเนื้อหาส่วนไหนที่แสดงให้เห็นว่าจะส่งผลกระทบต่อดินแดนไทย  
รวมไปถึงความเห็นจากประชาชน เมื่อสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ เผยผลสำรวจ เมื่อ 24 มิถุนายน พบว่า ร้อยละ 63.5 เห็นว่าควรที่จะให้นาซาเข้ามาใช้สนามบินอู่ตะเภา และช่วยศึกษาด้านการก่อตัวของชั้นบรรยากาศโลก ขณะร้อยละ 36.5 ไม่เห็นด้วย


ส่วนการเสนอข่าวในสื่อต่างๆ เป็นไปในลักษณะ "แยกข้าง" ชัดเจน 
คอลัมนิสต์ดังแห่งหน้า 4 สำนักหัวเขียว ระบุอย่างพิสดารว่า เรื่องนี้เป็นแผนครองน่านฟ้าโลกของสหรัฐ เริ่มต้นจากการพบปะของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ กับประธานาธิบดีโอบามา ที่อินโดนีเซีย จากนั้นมี รมว.กลาาโหมและผู้นำกองทัพอเมริกันมาเข้าพบนายกฯ ยิ่งลักษณ์ 
และคาดหมายว่าจะไปเจรจากันอีกเมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปเยือนสหรัฐ ในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมนี้

อีกหนึ่งคอลัมนิสต์ ก็มีท่าทีแข็งกร้าว ต่อการขีดเส้นขอทราบการตัดสินใจของไทยภายในวันที่ 26 มิถุนายน โดยระบุว่า นาซาไม่มีสิทธิมากำหนดกะเกณฑ์ประเทศไทย 
ชั้นเมฆและมรสุมจะพัดมาพัดไปยังไง ก็ต้องชี้แจงให้ประชาชนไทยเข้าใจเสียก่อน เราอยู่มาอย่างนี้หลายร้อยปีแล้ว ไม่มีนาซามาสำรวจตรวจสอบให้เรา ก็ยังอยู่กันได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร 

ปิดท้ายด้วยความเห็นของ "น้ำกรดแช่เย็น" ในเว็บประชาทอล์ก 
ที่ระบุว่า เจ้าหน้าที่ วิศวกร และนักวิทยาศาสตร์ของนาซา ที่จะเข้ามา ยังรวมถึง ดร.ก้องภพ อยู่เย็น วิศวกรไทย เพื่อให้ฝ่ายไทยสบายใจว่าจะไม่มีการปฏิบัติการทางทหาร
"...งานนี้เป็นอีกกรณีที่ทำให้เห็นชัดว่า ที่ไทยมีปัญหากับประเทศต่างๆ ในรัฐบาลก่อนหน้า หรือที่มีการปลุกเร้ากระแสรักชาติเรื่องพื้นที่เขาพระวิหารจนหวิดเกิดเรื่อง และกระทั่งมาถึงเรื่องอู่ตะเภาในครั้งนี้ เป็นสไตล์หรือนิสัยของพรรคการเมืองบางพรรคที่ชอบก่อเหตุ..."

ถือเป็นกรณีศึกษา "นิสัย" และ "แนวทางการเมือง" ของบางพรรคได้เป็นอย่างดี



+++

“ปชป." เดิน “เกมรุก” เดินสาย ล้อม “รัฐบาล” “แนวรบ” พร้อม “แนวร่วม” พรึบ!
คอลัมน์ ในประเทศ ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1663 หน้า 11


"รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ตัดสินใจชะลอกระแสต้าน กรณีที่ "องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา" หรือ "นาซา" ขออนุญาตเข้าใช้พื้นที่ "สนามบินอู่ตะเภา" จังหวัดชลบุรี เพื่อเข้ามาดำเนินการตามโครงการศึกษาการก่อตัวของเมฆที่มีผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในประเทศไทย กะทันหัน 
โดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นควรให้นำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือกับ "รัฐสภา" ตามมาตรา 179 ของรัฐธรรมนูญ 2550 ด้วยการยอมให้มีการเปิดทางให้ "รัฐสภา" อภิปรายทั่วไป แบบไม่ลงมติ 
แม้ฟากฝั่ง "รัฐบาล" จะยืนยันว่าต้องการใช้ "เวทีสภา" ในการชี้ให้เห็นว่า "ฝ่ายต่อต้าน" ทำให้ประเทศชาติเสียหาย 
แต่แท้จริง เบื้องหลัง "ฝ่ายรัฐบาล" เอง ก็มองว่า ประเด็นปัญหาเกี่ยวกับเรื่องที่ "นาซา" จะเข้ามาขอให้สนามบินอู่ตะเภานั้น ทำให้ "รัฐบาล" ถูกกล่าวหา โจมตีอย่างหนักหน่วง แบบที่ยากยิ่งที่จะชี้แจงทำความเข้าใจ 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อกล่าวหา "ทางการเมือง"
ทั้งการยอมให้ "สหรัฐอเมริกา" เข้ามาใช้พื้นที่ประเทศไทยเป็น "ฐานทัพ" ในการถ่วงดุลอำนาจทางการทหาร ในภูมิภาคอาเซียนและเอเชีย
การไม่คำนึงถึงปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกับประเทศเพื่อนบ้านอย่าง "สาธารณรัฐประชาชนจีน" 
ปมคาใจเกี่ยวกับวาระซ่อนเร้นเรื่อง "พลังงาน" โดยเฉพาะกระแสข่าว "คนใกล้ชิดรัฐบาล" ไปมีส่วนกับ "บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่" ของสหรัฐ 
ไปจนถึง ปัญหาเรื่องความพยายามที่จะเปิดประเทศไทยให้ "นาซา" เพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่ "อเมริกา" จะออก "วีซ่า" เข้าประเทศ ให้กับ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี พี่ชาย "น.ส.ยิ่งลักษณ์"

ที่สำคัญคือ แม้จะเป็นข้อกล่าวหาทาง "การเมือง" จาก "ฝ่ายตรงข้าม" โดยเฉพาะจาก "พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)" 
แต่ก็ยังเป็น "ข้อกล่าวหา" ที่มี "อานุภาพ" การทำลายล้างสูง โดยเฉพาะการทำลาย "ความน่าเชื่อถือ" 
จนเป็นเหตุให้ "รัฐบาล" ต้องเป็นฝ่าย ต้องตัดสินใจ "ชะลอ" เรื่องนี้ 
ซึ่งถือเป็นการ "ชะลอ" เรื่องสำคัญ ติดต่อกันเป็นเรื่องที่ 3 ในช่วงระยะเวลาไม่กี่วัน 
โดยเป็นการ "ชะลอ" ที่ติดต่อมาจากการผลักดัน "ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ...." และการเดินหน้า "ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ พ.ศ...." ที่ยังคงคาอยู่ในวาระการพิจารณาของสภา
ซึ่งทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่า "ฝ่ายต่อต้าน" โดยเฉพาะ "ปชป." ที่หลายฝ่ายมองว่า "ลมหายใจรวยริน" มาตลอด
ตั้งแต่พ่ายแพ้การเลือกตั้ง "3 กรกฎาคม 2554" ให้กับ "น.ส.ยิ่งลักษณ์" และ "พรรคเพื่อไทย (พท.)" กลับมาแล้ว


การกลับมามีบทบาททางการเมืองครั้งนี้ ไม่ธรรมดา  
โดยเฉพาะหลังจากที่ "ปชป." ฮึกเหิม ได้ใจจากการเดิน "เกมเบรก" ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง สำเร็จ 
หลังประกาศเดินหน้าต่อต้านทุกรูปแบบ ทั้ง "ในสภา" และ "นอกสภา" แล้ว ส่งผลให้ "รัฐบาล" ที่แม้จะยึดกุมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร กว่า "300 เสียง" ถึงกับต้อง "สะดุด" และ "สะเทือน" อย่างหนัก 

จนกลายเป็นว่า "ปชป." ซึ่งถือเป็น "เสียงข้างน้อย" ในสภา กำลังเดิน "เกมรุก" เข้าใส่รัฐบาล ได้อย่างต่อเนื่อง หนักหน่วง และสุขุม
โดยเฉพาะ "ยุทธศาสตร์" แรกที่ "ปชป." ตัดสินใจ ตั้งหลักเดิน "เกมรุก" ผ่าน "เวทีเดินหน้าผ่าความจริง หยุดล้มรัฐธรรมนูญ-ออกกฎหมาย ล้างผิดคนโกง" ซึ่งมีการกำหนด "ยุทธศาสตร์-เป้าหมาย" และระยะเวลาในการดำเนินการค่อนข้างชัดเจน 
โดยเป็นการเดินสายปราศรัยไปตามจังหวัดต่างๆ ในแต่ละภูมิภาค ในช่วง "ปิดสมัยการประชุมสภา"
แบบสัปดาห์ละจังหวัด สัปดาห์ละภาค ซึ่งถือเป็นการขยับ "หมาก" อย่างใจเย็น

มีเป้าหมายหลักเพื่อเตรียมความพร้อม ก่อนที่จะไปสู่ "ศึกใหญ่" ที่จะเกิดขึ้นหลัง "เปิดสมัยการประชุมสภา สมัยสามัญทั่วไป" ในช่วงเดือน "สิงหาคม" 
เริ่มจาก เสาร์ที่ "23 มิถุนายน" ที่จังหวัดพิษณุโลก 
จากนั้น เสาร์ที่ "30 มิถุนายน" ที่จังหวัดระยอง 
เสาร์ที่ "7 กรกฎาคม" ที่จังหวัดเพชรบุรี 
เสาร์ที่ "14 กรกฎาคม" ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา 
เสาร์ที่ "21 กรกฎาคม" ที่จังหวัดกระบี่ 
โดยประเด็นในการ "ปราศรัย" ทุกเวที กำหนดให้เน้นย้ำ
1.การต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550
2.ขยายความ "ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง" ให้เห็นถึงความพยายามทำให้เป็นกฎหมายล้างผิด
3.ชี้ให้เห็นถึงสถานะความร่ำรวยนับหมื่นล้าน ที่ผิดปกติ ของ "พ.ต.ท.ทักษิณ"

ซึ่งสุดท้าย "ปชป." นัดปิดท้ายเวที ในเสาร์ที่ "28 หรือ 29 กรกฎาคม" ก่อนเปิดสมัยการประชุมสภา ในเดือนสิงหาคม ด้วยการวกกลับมาตั้งเวทีที่ "กรุงเทพมหานคร" อีกครั้ง 
เพื่อเป็นการ "โหมโรง" ส่งท้าย เช็กความพร้อม ก่อนเข้าสู่โหมดของ "ศึกใหญ่" ในสภา



แน่นอนว่า "ปชป." ย่อมเล็งเห็นแล้วว่า หลังเปิดสมัยประชุมสภา ในเดือนสิงหาคม ทั้ง "ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ", "ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง" และปมปัญหาเรื่อง "นาซา" ที่ "รัฐบาล" จะนำเข้าหารือกับ "รัฐสภา" ตามมาตรา 179 ล้วนแต่พร้อมที่จะกลายเป็น "ปัญหา" ของ ฟากฝ่าย "รัฐบาล" มากขึ้น 
รวมไปถึงการที่ "ปชป." ตั้งแท่น เตรียมการ ยื่น "อภิปรายไม่ไว้วางใจ" รัฐบาล 
จะกลายเป็นเวทีให้ "ฝ่ายค้าน" ได้เดินเกม "ในสภา" ชำแหละรัฐบาลอย่างหนักต่อเนื่อง 
ไปพร้อมกับการขับเคลื่อน "นอกสภา" ที่ได้มีการเตรียมการด้าน "มวลชน" เอาไว้ทั้งหมดแล้วจากทุกๆ "เวทีปราศรัย"

โดยเฉพาะในบรรยากาศการเมือง ที่กำลังค่อยๆ คุกรุ่นมากขึ้น ประกอบกับ "รัฐบาล" ที่มี "กรอบ" ต่างๆ ที่จะต้องระมัดระวังมากมาย 
จึงทำให้ "ปชป." ประเมินว่า สถานการณ์จะเข้าข้าง "ฝ่ายค้าน" และเป็น "แต้มต่อ" สำคัญ ให้กับ "ฝ่ายโจมตี" มากกว่า "ฝ่ายตั้งรับ"

และเมื่อมีการเตรียมการ "แนวรบ" ครบทุกด้าน ที่เหลือก็เป็นเรื่องของ "แนวร่วม" ที่จะลงมือ "จัดการ"
ซึ่งที่ผ่านมา ก็ทยอย "เปิดหน้า" กันบ้างแล้ว

นับจากนี้ไป จึงน่าจับตาอย่างยิ่ง!!!  



.