Good Shape Save Cost เรื่องอีโมๆ ของผม
โดย จอห์น วิญญู spokedark.tv www.facebook.com/spokedarktv
ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1662 หน้า 79
นานๆ คนเราจะแคร์อะไรจริงจังมากกันซักทีนะครับ ชีวิตมันวุ่นวายจุกจิกหยุมหยิม มีไม่กี่อย่างที่ทำให้เราอีโมได้ และไอ้ไม่กี่อย่างนั่นแหละ ผมเชื่อว่ามันคือสิ่งที่บอกความเป็นตัวเรา
รายการ Good Shape Save Cost ทาง goodshape.spokedark.tv คือ "อีโม" ของผมครับ
รายการนี้เป็นรายการเกี่ยวกับวิธีการลดน้ำหนักและควบคุมน้ำหนักในแบบฉบับของผม โดยที่ผมตั้งตัวเป็นโปรดิวเซอร์ ครีเอทีฟ และพิธีกรเองทั้งหมด ปัจจุบันออกอากาศมาเป็นตอนที่ 9 แล้ว ตอนเริ่มทำ ผมได้ประกาศจุดยืนหักคอพี่สาวและทีมงานไว้ว่า รายการนี้ผมต้องการให้เกิดและไม่ต้องการให้มีการขายของและสปอนเซอร์ใดๆ ทั้งสิ้น
เจริญล่ะครับพี่น้อง จะทำรายการโดยตั้งปณิธานไว้ก่อนเลยว่าหัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่รับสปอนเซอร์
ขอโทษนะครับ เรื่องมันจริงจังเกินกว่าเราจะเอามาเล่นอะไรกับสปอนเซอร์ได้ ต้องขอโทษด้วย
(หล่อแสรดดดด)
ผมเคยอ้วนมาก่อนครับคุณผู้อ่าน อีกสามกิโลผมจะครบร้อยน่ะครับ ด้วยส่วนสูงของผม ผมน้ำหนักเกินไปราวๆ 20 กิโลกรัม! ผมไม่รู้ตัวหรอกว่าผมไปถึงจุดนั้นได้ยังไง มันเกิดขึ้นเร็วมากจนผมตั้งตัวไม่ติด
รู้ตัวอีกทีเป็นไอ้อ้วนของเพื่อนฝูง เจ้านาย ลูกค้า และแฟนคลับไปซะแล้ว
ไม่น่าเชื่อนะครับว่าคนที่น้ำหนักเกินอย่างมโหฬารขนาดนั้นจะยังทำงานเป็นพิธีกรรายการทีวีอยู่ต่อมาได้---แต่งานมันก็หดหายจนแทบไม่เหลือล่ะครับ บริษัทที่ยังคงใช้งานผมอยู่ก็คือบริษัทที่เค้าจ่ายเงินเดือนเรานั่นแหละ เค้าไม่มีทางเลือก (ฮา)
ชีวิตช่วงนั้นของผมเป็นช่วงชีวิตที่เลวร้ายมาก ผมรู้แหละว่าถ้าผมใช้คำว่า "ตกต่ำสุดๆ" ผู้ใหญ่หลายท่านจะอมยิ้มแล้วคิดในใจว่า ไอ้หนูเอ๊ย เอ็งเพิ่งอายุ 26 เอาไว้หกสิบก่อนดีกว่าค่อยมาใช้คำว่า "ตกต่ำสุดๆ"
แหะๆ นี่ท่านแช่งกันนี่หว่าครับ
เอาเถอะครับ เอาเป็นว่าเรียกว่าชีวิตช่วงนั้นว่าแย่ดีกว่า งานก็หด ความมั่นใจในตัวเองแทบไม่เหลือ เวลาไปกองถ่าย ฝ่ายเสื้อผ้าเค้าก็ต้องหาชุดที่มัน "พราง" ที่สุดมาให้ใส่ ซึ่งก็ดูแย่เต็มทีเวลายืนคู่กับพิธีกร "คู่ขวัญ" คุณเป๊ก เปรมณัช ซึ่งมีซุปเปอร์ดีเอ็นเอครับ---กินเป็นพายุบุแคมขนาดไหนก็ไม่อ้วน---เฮ้อ เกลียด!
ช่างแต่งหน้าก็ต้องไล้แป้งสีน้ำตาลเข้มไปทั่วกรอบหน้าของผมอย่างเอาเป็นเอาตายด้วยพยายามสร้างเงาหลอกๆ ขึ้นมาว่าแก้มยุ้ยๆ ของผมนั้น มันไม่ได้ยุ้ยสาหัสตามความเป็นจริง---เฮ้อ เกลียด!
ผมพยายามลดน้ำหนักทุกวิถีทาง ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายอย่างหนัก การงดรับประทานแป้ง การไปพึ่งบริการสถานเสริมความงามของผู้ชาย และสารพัดสูตรไดเอ็ตต่างๆ ที่คนนั้นคนนี้บอกกันมาว่าดี ใช้เวลาเป็นปีครับ แต่น้ำหนักก็ยังเกินอยู่ แม้มันจะลดลงมาบ้างแต่ก็ไม่มากพอ ผมยังคงเป็นคนอ้วน น้ำหนักเกินเกือบยี่สิบกิโลกรัม แต่เป็นคนอ้วนที่จนลงเพราะเสียเงินค่าที่ออกกำลังกายอย่างมหาศาลและค่าคอร์สสถาบันลดความอ้วนเสริมความแมนไปอีกเป็นแสน นอกจากนั้น งานก็ยังไม่มีให้ทำอยู่เหมือนเดิม---
จน อ้วน กินทุกอย่าง
ในที่สุดผมได้ค้นพบวิธีที่ทำให้น้ำหนักผมลดลงไปได้ถึง 20 กิโลกรัมในเวลาเพียงสองเดือนกว่าๆ
เปล่าครับ ผมไม่ได้กินยา ผมไม่ได้ตัดขาทิ้ง ผมไม่ได้กินแล้วล้วงคออ้วก
ผมพบ และยอมรับความจริงได้ต่างหาก
ความจริงที่ว่าความอ้วนของผมเกิดจากนิสัยการกินของผมเอง ผมกินเข้าไปมากกว่าที่ร่างกายผมสามารถเผาผลาญได้หมด ของเหลือที่ร่างกายไม่เผาผลาญจนหมดไปนั้นนั่นแหละ คือไขมันส่วนเกิน หรือน้ำหนักที่เกินไปมากของผม วิธีการที่เป็นตรรกะง่ายแสนง่ายคืออะไรครับ?
การลดน้ำหนักก็คือการเอาของส่วนเกินที่เราพอกพูนเอาไว้ในร่างกายมาทั้งชีวิตแล้วบังคับให้ร่างกายหยิบมันออกมาใช้ วันหนึ่งร่างกายต้องการพลังงานเพื่อเผาผลาญให้ทำงานได้อยู่คร่าวๆ ที่ 2000 แคลอรี (เท่ากับ 2,000 กิโลแคลอรี ในทางวิทยาศาสตร์ เพราะในทางโภชนาการนิยมเรียกกิโลแคลอรีย่อๆ เป็นแคลอรี่)
หากเรารับประทานเข้าไปเกิน สองพันแคลอรีหมายความว่าส่วนเกินนั้นจะถูกเก็บสะสมไว้ในรูปแบบของไขมัน
แต่หากเรารับประทานเข้าไปน้อยกว่าวันละสองพันแคลอรีแล้วไซร้
ร่างกายเราก็จะไม่มีทางเลือกนอกจากไปดึงเอาของเก่าที่เราเก็บไว้ตามพุง ต้นแขน ต้นขา สะโพก คางสามชั้นเอาไว้ ออกมาใช้นั่นเอง แล้วน้ำหนักเราก็จะลดไป ช้าเร็วตามสัดส่วนของการรับแคลอรีเข้าร่างในแต่ละวัน
แต่ไม่มีอะไรจะสำคัญไปกว่าสิ่งต่อไปนี้ครับ---การลดน้ำหนักตามหลักการนี้เราจะต้องอยู่กับมันอย่างน้อย 3 เดือน เพราะสามเดือนน่าจะเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานเพียงพอที่จะปรับนิสัยการกินโดยรวมของเราได้ และโอกาสที่จะกลับไปอ้วนเท่าเดิมอีกจะลดลงไปมาก
คนเรามันเปลี่ยนไปแล้วไง!
หลายคนที่ไม่เคยมีปัญหาเรื่องน้ำหนักเกินคงไม่เข้าใจหรอกครับ ว่ามันทุกข์ขนาดไหน
สังคมของเราไม่ได้เป็นสังคมที่ sensitive กับความรู้สึก สังคมเราเป็นสังคมที่ "เสือก" มากครับ กับการวิพากษ์วิจารณ์จุดด้อยทางร่างกายของคนอื่น สังเกตจากเวลาเจอกัน หรือไม่ได้เจอกันนานๆ ถ้ามาเจอกันครั้งมักจะมีคำทักทาย เช่น อ้วนขึ้นหรือเปล่า ไปทำไรมาทำไมดำขึ้น ผอมเอาผอมเอาเลยนะ อุ๊ยหน้าใส เอ๊ยหน้าหม่น ดูจนลงนะ เป็นเมียน้อยใครป๊ะเนี่ย (เอ๊ะ สองอย่างหลังนี่ไม่ใช่แระ)
เฮ้อ---คิดแล้วยังเศร้าอยู่เลยครับ
เอาเถอะ อย่างไรก็ตาม ในรายการ Good Shape Save Cost เราได้บอกหลักการและวิธีการส่วนตัวที่ผมใช้ไปอย่างหมดเปลือกเลยนะครับไม่มีการกั๊กใดๆ ทั้งสิ้น
ผมบอกว่าด้วยหลักการนี้ ผมปรับใช้กับตัวเองอย่างไร ผมตั้งเป้าอย่างไร ผมกินอะไรเข้าไปบ้างในแต่ละวัน
ผมตายมั้ย มันยากลำบากยังไง และเมื่อผมปรับตัวเข้ากับนิสัยใหม่ได้แล้ว ผมกินยังไง
ยันไปจนถึงเรื่องของคุณพ่อผมเลยนะครับ
เพราะคุณพ่อผมก็ได้ใช้หลักการเดียวกันนี้ลดน้ำหนักไปได้ถึงสิบกิโลกรัมเลยทีเดียว
แต่ด้วยความที่ท่านไม่ได้ทำอย่างฮาร์ดคอร์ขนาดผม จึงใช้เวลาในการลดมากกว่า
แต่นั่นก็คือปรัชญาของการลดความอ้วนด้วยวิธีนี้นั่นเอง คือ เรานำหลักการดังกล่าวมาปรับใช้กับตัวเรา มันเป็นหลักการครับ ไม่ใช่สูตร
โอ้โห พ่อแม่พี่น้องเอ๊ย เสียงตอบรับของรายการนี้มีทั้งที่เป็นบวกอย่างที่สุดจนถึงเป็นลบอย่างที่สุดครับ
อย่างที่ว่านั่นแหละ ในโลกไซเบอรช์ที่คนเราไม่ต้องปรากฏตัวตนที่แท้จริงออกมา มีการคอมเม้นต์โจมตีผมอย่างหนักว่าไร้ความรับผิดชอบบ้าง ลดน้ำหนักผิดวิธีบ้าง หลอกลวงบ้างไรบ้าง
ก็ตามธรรมชาติแหละครับ ยิ่งทำมาแบบไม่มีสปอนเซอร์ ยังไม่แนะนำยาลดความอ้วนซักที คนยิ่งมึน ไม่รู้ว่ามันจะมาไม้ไหน---อาจมีหลายคนรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย
เรื่องน่าดีใจก็คือ เสียงตอบรับในด้านดีมากมายที่เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ในตัวมันเองครับ เพื่อนๆ น้องๆ ทางโซเชี่ยลมีเดียเป็นจำนวนมากที่ทดลองเอาวิธีการควบคุมแคลอรีนี้ไปปรับใช้และน้ำหนักก็ลดลงจริงๆ และกำลังอยู่ในช่วงปรับพฤติกรรมการกินของตัวเองในช่วงสามเดือนแห่งความหฤหรรษ์
เรื่องฮาแบบขื่นๆ ก็มีครับ---เนื่องจากรายการเราไม่ได้รับโฆษณาใดๆ มันอาจจะดูโล่งไปหน่อย จึงมีผู้หวังดี (ประสงค์ร้าย) ดาวน์โหลดรายการลงไปจากยูทูบปของเราแล้วนำไปอัพโหลดใหม่ในช่องของตัวเอง โดยได้มีการนำเอาไฟล์วิดีโอไปเข้าเครื่องตัดใหม่แล้วใส่กราฟิกภาพโฆษณาขายยาลดความอ้วนเข้าไปในเนื้อรายการของผมเสร็จสรรพ---ใส่เบอร์โทรศัพท์ไว้ด้วย
พอโทร.ไปครับ ตะแกบอกว่าตะแกเป็นแฟนรายการ ชื่นชม จอห์น วิญญู มาก และจะรีบลบวิดีโอเวอร์ชั่นขายตรงของตัวเองออกจากยูทูบไปเสีย---
เฮ่อ---น้ำตาจะไหล ไม่ให้แชร์นะฮัฟ!
.
