http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-06-13

พิศณุ: เงินอัดฉีดเหรียญทองโอลิมปิก, ญี่ปุ่นล้มวอลเลย์บอลจริงหรือ?

.
โพสต์เพิ่ม - ความทุกข์ของผู้หญิงสวยที่สุดในโลก โดย พิศณุ นิลกลัด

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

เงินอัดฉีดเหรียญทองโอลิมปิก
โดย พิศณุ นิลกลัด คอลัมน์ คลุกวงใน
ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 08 มิถุนายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1660 หน้า 96


 โอลิมปิก 2012 ที่กรุงลอนดอนระหว่างวันที่ 27 กรกฎาคม ถึง 12 สิงหาคม มีนักกีฬาจาก 184 ประเทศ เข้าร่วมแข่งขันกีฬา 26 ประเภท
การได้เหรียญโอลิมปิกถือเป็นความภาคภูมิใจของคนทั้งชาติ

สมรักษ์ คำสิงห์ ได้เหรียญทองโอลิมปิกเหรียญแรกให้กับประเทศไทยจากการแข่งขันมวยสากลสมัครเล่นในโอลิมปิกปี 1996 ที่นครแอตแลนต้า รัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา
ตอนที่สมรักษ์ขึ้นแท่นรับเหรียญทอง ชาวไทยได้ฟังเพลงชาติไทยบรรเลงเป็นครั้งแรกในการแข่งขันโอลิมปิก คนไทยจำนวนไม่น้อยที่ได้ดูการถ่ายทอดสดวันนั้น น้ำตาไหลด้วยความตื้นตันยินดีกับเหรียญทองเหรียญแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศ 
จากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 14 ครั้ง ประเทศไทยได้ 7 เหรียญทอง 4 เหรียญเงิน และ 10 เหรียญทองแดง รวม 21 เหรียญ เป็น 1 ใน 124 ประเทศทั่วโลกที่ได้เหรียญจากการแข่งขันโอลิมปิก
ที่เหลืออีก 80 ประเทศ ที่เป็นสมาชิกโอลิมปิกยังไม่เคยได้เหรียญใดๆ!


หลายประเทศตั้งรางวัลอัดฉีดเพื่อเป็นแรงจูงใจให้นักกีฬาเพื่อคว้าเหรียญทองเพิ่มขึ้นจากเดิม 
ฟิลิปปินส์มีนักกีฬามวยสากลสมัครเล่นได้โควตาไปแข่งขันโอลิมปิกครั้งนี้ เพียงคนเดียว คือ มาร์ก บาร์ริก้า ในรุ่นไลต์ฟลายเวต (49 กิโลกรัม) รุ่นเดียวกับ แก้ว พงษ์ประยูร ของไทย
ทั้งๆ ที่มวยสากลสมัครเล่นถือเป็นกีฬาประจำชาติของฟิลิปปินส์คู่กับบาสเกตบอล แต่มีนักชกเพียงรุ่นเดียวเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิก เพราะนักมวยฟิลิปปินส์สมัยนี้ไม่อยากเป็นนักมวยสมัครเล่น แต่อยากเป็นนักมวยอาชีพแบบ แมนนี่ ปาเกียว ที่ร่ำรวยมหาศาล มีทรัพย์สินเงินทองคิดเป็นเงินไทยกว่า 2,000 ล้านบาท เกือบทุกคนจึงเริ่มต้นเป็นนักมวยอาชีพซะเลย ไม่ "เสียเวลา" เป็นนักมวยสมัครเล่นเหมือนสมัยก่อน

เพื่อเป็นการกระตุ้นให้คนฟิลิปปินส์กลับมาสนใจมวยสมัครเล่น ดังนั้น ในปีนี้จึงมีการตั้งเงินรางวัลอัดฉีดสูงลิ่วหากนักมวยฟิลิปปินส์ได้เหรียญทองที่ลอนดอน โดยจะได้รับเงิน 12 ล้านเปโซ หรือ 8,700,000 บาท และถ้าทำได้สำเร็จก็จะเป็นเหรียญทองโอลิมปิกแรกของประเทศ เพราะจากการเข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิก 19 ครั้งที่ผ่านมา ฟิลิปปินส์ได้เหรียญเงิน 2 เหรียญ และทองแดง 7 เหรียญ ซึ่งทั้งหมดมาจากการแข่งขันมวยสากลสมัครเล่น
และยังไม่ได้เหรียญใดๆ อีกเลยนับตั้งแต่โอลิมปิกปี 2000 ที่ซิดนีย์

อินโดนีเซียตั้งรางวัลอัดฉีดนักกีฬาที่ได้เหรียญทองโอลิมปิกปีนี้ ไว้ที่ 2,500 ล้านรูเปียห์ หรือ 8,300,000 บาท 
จากการแข่งขันโอลิมปิก 19 ครั้งที่ผ่านมา อินโดนีเซียได้เหรียญรวม 25 เหรียญ เป็นเหรียญทอง 6 เหรียญ ซึ่งทั้งหมดได้จากการแข่งขันแบดมินตัน 

ที่รัสเซียข่าววงในรายงานว่านักกีฬาที่ได้เหรียญทองอาจจะได้เงินอัดฉีดจากสมาคมกีฬาคิดเป็นเงินไทยสูงถึง 30 ล้านบาท เพราะนายกสมาคมกีฬาในรัสเซียเป็นมหาเศรษฐีกันทั้งนั้น โดยรองประธานคณะกรรมการโอลิมปิกของรัสเซียคือ วลาดีเมียร์ ลีซิน มหาเศรษฐีหมายเลข 1 ของรัสเซีย และอันดับ 41 ของโลกมีทรัพย์สินประมาณ 16,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 480,000 ล้านบาท 
รัสเซียให้เงินอัดฉีดสูงมากเพราะโอลิมปิกครั้งล่าสุดที่กรุงปักกิ่ง รัสเซียได้เหรียญทองน้อยที่สุดนับตั้งแต่สหภาพโซเวียตล่มสลาย โดยได้ 23 เหรียญทอง เป็นอันดับ 3 รองจากจีนที่ได้ 51 เหรียญทอง และอเมริกา 36 เหรียญทอง 
ซึ่งเหรียญทองของรัสเซียที่ได้เมื่อปี 2008 มากกว่าอันดับ 4 คือสหราชอาณาจักรเพียง 4 เหรียญ ดังนั้น ปีนี้จึงต้องโหมเงินอัดฉีดนักกีฬารัสเซีย เพราะสหราชอาณาจักรได้เปรียบในฐานะเจ้าภาพ ซึ่งหากอันดับเหรียญทองครั้งนี้ตกลงไปอยู่อันดับ 4 จะเป็นเรื่องอับอายขายหน้ามาก


ส่วนสหราชอาณาจักรเจ้าภาพกลับไม่มีเงินอัดฉีดให้กับนักกีฬาที่ได้เหรียญทอง!
รัฐบาลสหราชอาณาจักรและสมาคมกีฬาไม่มีรางวัลเงินอัดฉีดให้กับนักกีฬาที่ได้รับเหรียญโอลิมปิกซึ่งคาดว่าคราวนี้น่าจะได้ระหว่าง 18-22 เหรียญทอง 
เหตุผลที่รัฐบาลและสมาคมกีฬาไม่ให้เงินอัดฉีดนั้นเพราะเห็นว่าการให้รางวัลเป็นตัวเงินไม่ใช่จูงใจให้นักกีฬาแสดงผลงานได้ดีขึ้น แต่เห็นว่าการมีโอกาสได้เป็นตัวแทนของชาติเข้าแข่งขันกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และความรักในกีฬาของนักกีฬาแต่ละคนเป็นแรงจูงใจที่มีค่า



++

ญี่ปุ่นล้มวอลเลย์บอลจริงหรือ?
โดย พิศณุ นิลกลัด คอลัมน์ คลุกวงใน
ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 01 มิถุนายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1659 หน้า 96


ในฐานะคนเคยเล่นวอลเลย์บอล เป็นคนพากย์การแข่งขันวอลเลย์บอลทางทีวี และคุ้นเคยกับนักวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยที่เพิ่งเดินทางกลับจากญี่ปุ่น ขอแสดงความชื่นชมผลงานในการแข่งขันคัดเลือกไปโอลิมปิก 2012 ที่ทีมชาติไทยหวุดหวิดจะได้ไปแข่งโอลิมปิกรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย 
ผมดูถ่ายทอดสดทีมไทยลงเล่นที่ญี่ปุ่นทุกนัด 
นัดสุดท้ายที่ต้องชนะคิวบาเพื่อรักษาโอกาสได้ไปลอนดอนผมให้คะแนนความตื่นเต้นสูงที่สุดในจำนวน 7 นัดที่เล่น แม้เราจะชนะ 3 ต่อ 1 แต่ทุกเซ็ตทุกนาทีคะแนนคู่คี่เบียดบี้กันตลอดเวลา  
แบบว่าตลอด 4 เซ็ต ทั้งไทยและคิวบามีโอกาสชนะเท่าๆ กัน (คะแนน 4 เซ็ต ไทยชนะ 25-23, 25-23, 18-25 และ 25-21) อยู่ที่ว่าแต้มสำคัญ
วินาทีที่พลาดไม่ได้ใครทำได้ดีกว่ากัน


วันอาทิตย์ที่ผ่านมา 9 โมงเช้าเชียร์ทีมไทย 5 โมงเย็นเชียร์ญี่ปุ่นให้ชนะเซอร์เบียเพื่อเรากับญี่ปุ่นจะได้ไปอังกฤษด้วยกัน
เราจะตกรอบก็ต่อเมื่อญี่ปุ่นแพ้เซอร์เบีย 3 ต่อ 2 เซ็ตเท่านั้น
แล้วญี่ปุ่นก็แพ้ 3-2 แบบที่ทำให้นักวอลเลย์บอลทีมไทยร้องไห้กันทั้งทีม

นักวอลเลย์บอลทุกคนผิดหวังครั้งใหญ่ที่สุดของชีวิตการเป็นนักกีฬา 
ทุกคนให้สัมภาษณ์ไปในทางเดียวกันว่าญี่ปุ่นเล่นแบบตั้งใจแพ้เพื่อจะได้ไปอยู่ในสายไม่แข็งในการแข่งขันโอลิมปิกที่ลอนดอน 
ให้สัมภาษณ์ทั้งหนังสือพิมพ์และในรายการข่าวออกอากาศสดทางโทรทัศน์ 
นักกีฬาทุกคนพูดชัดเจนว่าญี่ปุ่นเล่นแบบตั้งใจแพ้ 3 ต่อ 2 เซ็ต โดยมีเหตุผลสนับสนุนหลายอย่าง 
เช่น เช้าหลังวันแข่ง นักกีฬาญี่ปุ่นก้มหน้าหลบตา เจอกันก็ไม่สบตาเหมือนวันก่อนหน้านี้ 
ก่อนแข่ง นักกีฬาเกาหลีใต้บอกว่าถึงทีมไทยจะชนะคิวบาก็จะไม่ได้ไปโอลิมปิก 
ทุกนัดที่ผ่านมาญี่ปุ่นเล่นเหนียวมาก เสิร์ฟดีมาก แต่เล่นกับเซอร์เบียไม่เป็นอย่างที่เคยเป็น และ ฯลฯ 

ผมอ่านข่าว ดูทีวีแล้วใจหาย



จริงๆ แล้วถ้านักกีฬาของเราให้สัมภาษณ์เหมือนที่ คุณเกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร หัวหน้าโค้ชให้สัมภาษณ์ทันทีหลังจบคู่ญี่ปุ่น-เซอร์เบีย
ทุกอย่างจะสวยงาม คือไม่ตำหนิและไม่สงสัยใครในทางเสียหายเลย 
แพ้คือแพ้ 

ถามว่าเสียใจมั้ย ตอบว่าเสียใจมากถึงมากที่สุด
แต่ต้องมีน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้รู้ชนะ ไม่กล่าวหาใครอย่างร้ายแรงเพราะเราสูญเสียสิ่งที่ปรารถนา 
เพราะการกล่าวหาต่อสาธารณชนว่าจงใจแพ้นั้นเสียหายหมดทุกคน ไม่ว่าจะเป็นทีมวอลเลย์บอลของเรา ของเขา สมาคมวอลเลย์บอลไทย ของญี่ปุ่น คนไทย คนญี่ปุ่น ประเทศไทย ประเทศญี่ปุ่น 
สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติก็ทราบดีว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก จึงได้ออกแถลงการณ์ว่าข้อสงสัยว่าญี่ปุ่น "ล้มมวย" ไม่เป็นเรื่องจริง


ผมเขียนเรื่องนี้ด้วยความปรารถนาดี รัก และห่วงใยนักวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยชุดนี้ในฐานะที่คุ้นเคยกันมานาน และอยากแนะนำว่าถ้ามีเวลาว่าง ขอให้นั่งดูการแข่งขันระหว่างญี่ปุ่นกับเซอร์เบียอีกที  
การนั่งดูหลังรู้ผลแล้วจะทำให้เราดูอย่างมีสติ มองรายละเอียดของเกมรอบด้าน โดยไม่เอาผลประโยชน์ของเราเข้าไปเป็นองค์ประกอบในการตัดสินว่าใครเล่นเต็มฝีมือหรือเปล่า 
ขอให้ดูสีหน้าแววตาอากัปกิริยาของนักกีฬาญี่ปุ่นในเซ็ตที่ 4 และ 5 ว่าเขาเป็นอย่างไรเวลาเสียคะแนน
ดูจังหวะการทำแต้มเหมือนทำนบพังของนักกีฬาเซอร์เบียในเวลาที่ทีมญี่ปุ่นเสียกระบวน
เห็นแล้วนักวอลเลย์บอลทีมชาติไทยก็จะได้สติ
และนึกได้ว่าทีมเซอร์เบียขณะนี้อยู่ในอันดับที่ 6 ของโลก



+++

ความทุกข์ของผู้หญิงสวยที่สุดในโลก
โดย พิศณุ นิลกลัด คอลัมน์ คลุกวงใน
ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1658 หน้า 96


ไอชวารีอา ไร สาวอินเดียผู้เคยได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกกำลังถูกเพื่อนร่วมชาติวิจารณ์เรื่องรูปร่างว่าปล่อยตัวให้อ้วนเกินเหตุหลังจากคลอดลูกสาวเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เธอควรรีบลดน้ำหนักซะทีเพราะสร้างความผิดหวังให้กับบรรดาแฟนๆ ที่รักเธอในฐานะนางเอกหมายเลข 1 ของอินเดีย
ผมเห็นรูปแอช (ชื่อเธอที่นิยมเรียกแบบสั้นๆ) หลังคลอด เธอยังคงความสวยสง่าสมวัยใกล้ 40 ปี ไม่ได้อ้วนฉุหมดสภาพอย่างที่ถูกกล่าวหาจากแฟนหนังชาวอินเดียที่ยังยึดติดกับภาพลักษณ์ของแอชสมัยเมื่อเธออายุ 21 ปี ตอนได้ตำแหน่งมิสเวิลด์ โดยลืมคิดว่าตอนนี้เธออายุ 38 ปีแล้ว
และหน้าที่สำคัญที่สุดของเธอขณะนี้คือความเป็นแม่ 
แอชเป็นความภาคภูมิใจของชาวอินเดีย เพราะถือเป็นผู้หญิงอินเดียคนแรกที่ประเทศตะวันตกยกย่องชื่นชมในความงาม 
นิตยสารหลายฉบับทั้งในอเมริกาและอีกหลายประเทศในยุโรปมอบตำแหน่งผู้หญิงสวยที่สุดในโลกให้กับเธอ
แม้แต่ จูเลีย โรเบิร์ตส์ นางเอกฮอลลีวูดเจ้าของรางวัลออสการ์ก็เคยบอกว่า แอชเป็น "the most beautiful woman in the world"
ดังนั้น คนอินเดียจึงตั้งความหวังกับแอชว่าต้องสวยสมบูรณ์แบบตลอดเวลา

แฟนๆ หลายคนถึงขนาดรู้สึกว่าถูกแอชทรยศที่รูปร่างของเธอเปลี่ยนไปและยังไม่กลับคืนมาเหมือนเดิมให้รวดเร็วทันใจ ตำหนิว่าคลอดลูกมาตั้ง 7 เดือนแล้วทำไมน้ำหนักตัวยังไม่ลด ดูอวบอ้วน คางสองชั้นเหมือนเพิ่งคลอดเมื่อวาน 
ฝ่ายที่เห็นใจแอชก็ออกมาปกป้อง บอกว่าคนที่วิจารณ์เรื่องรูปร่างของแอชนั้น จำนวนไม่น้อยคงไม่เคยตั้งครรภ์มาก่อนในชีวิต ไม่รู้หรอกว่าการเป็นแม่ลูกอ่อน ทั้งเหนื่อย ทั้งเครียดขนาดไหน  
นอกจากนี้ การที่แอชมีรูปร่างที่สมบูรณ์ ไม่เร่งลดน้ำหนักหลังคลอดแบบดาราสาวฮอลลีวูดหลายๆ คน แสดงให้เห็นว่าเธอเป็นแม่ที่ให้ความสำคัญกับลูกมากกว่าการกังวลเรื่องรูปร่างของตัวเอง เพราะเวลาที่แม่ลูกอ่อนเร่งลดน้ำหนักนั้น ทำให้หงุดหงิดง่าย อารมณ์ร้าย 

เกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบาก ยิ่งสมัยนี้ค่านิยมความงามของผู้หญิงที่ต้องรูปร่างผอมบาง สร้างความกดดันในการรักษารูปร่าง เพราะผู้หญิงที่รูปร่างท้วมมักถูกมองว่าไม่ขยันและไม่ดูแลตัวเอง



นอกจากรูปร่างแล้ว เส้นผมก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้หญิงใช้เวลาและเงินในการดูแลให้สวยงาม ยาสระผมยี่ห้อเทรเซมเม่ (Tresemme) เคยทำการสำรวจผู้หญิงอังกฤษเกี่ยวกับการดูแลเส้นผม พบว่าในชั่วชีวิตของผู้หญิง 1 คน จะหมดเงินไปกับค่าดูแลรักษาเส้นผมถึง 50,000 ดอลลาร์ หรือ 1.5 ล้านบาท 
นอกจากเสียเงินแล้วยังหมดเวลาไปกับการดูแลเส้นผมสัปดาห์ละเกือบสองชั่วโมง โดยเฉลี่ยแล้วแต่ละสัปดาห์ผู้หญิงใช้เวลาในการสระผม เป่าให้แห้ง หวีผมและจัดทรง รวมแล้ว 1 ชั่วโมง 53 นาที  
เมื่อผู้หญิงอายุครบ 65 ปี ชีวิตที่ผ่านมาใช้เวลาไปกับการดูแลเส้นผมรวมแล้วถึง 7 เดือน 
ขนาดใช้เวลาของชีวิตไปกับการดูแลทรงผมมากขนาดนี้ผู้หญิง 54 เปอร์เซ็นต์ ยอมรับว่าอารมณ์เสียกับทรงผมบ่อยกว่าหงุดหงิดสามีหรือแฟนหนุ่ม!


................



.