http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-06-05

ปูนึ่งและหญิงเสื้อเหลือง โดย จอห์น วิญญู

.

ปูนึ่งและหญิงเสื้อเหลือง 
โดย จอห์น วิญญู spokedark.tv www.facebook.com/spokedarktv
ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 01 มิถุนายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1659 หน้า 79


เก๊าป่าวตั้งชื่อล่อเป้าน้ะ แฮ่! จริงๆ นะครับพ่อแม่พี่น้อง เรื่องที่เก๊าจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ขอสาบานว่าเป็นเรื่องจริงและไม่มีการเติมแต่งใดใส่ไข่ใดๆ ทั้งสิ้น
ปูจริง เสื้อเหลืองจริง แต่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการเมืองเศรษฐกิจสังคมไทยใดๆ ทั้งสิ้น ให้ตายสิเอ้า แค่อยากเล่าให้ฟังสนุกๆ

เมื่อวันหยุดยาวที่เป็นวันพระเมื่อไม่นานมานี้ ผมก็ได้กระทำการอันผิดพลาดมากๆ อย่างหนึ่งที่ขอสาบานว่าจะไม่ทำอีกแล้ว นั่นก็คือ ผมได้ตัดสินใจไปเที่ยวต่างจังหวัดครับ 
แค่นั้นยังไม่สาแก่ใจ ผมยังจะต้องเลือกไปในจังหวัดที่มีอำเภอสุดฮอตฮิต มีเทสโก้ สตาร์บัคส์ และไอติมสเวนเซ่นส์มากพอๆ กับกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมรด้วยอีกต่างหาก 
แย่งกันกินแย่งกันใช้ครับ---รถก็ติด หาที่จอดก็ยาก ร้านอาหารก็เต็ม อันว่า กุ้ง กั้ง แมงดา ของดีจากท้องทะเลทั้งหลายที่ควรมีมากในแหล่งหนตำบลนั้นก็หามีให้บริโภคไม่! 
สุดท้ายต้องสั่งฟักแม้วไฟแดงกับแมวผัดผงกะหรี่มากระแทกปากให้หายแค้น---

และแน่นอนครับ สำหรับชาวกรุงเทพฯ เล่นเน็ตรู้มากอย่างเรา จะไปกินร้านแสงไทยซีฟู้ดสามวันติดก็ดูไม่ค่อยครีเอตเท่าไหร่ อย่ากระนั้นเลย เราต้องไปเสาะแสวงหาร้านเด็ดๆ อินดี้ๆ ชาวบ้านๆ ไกลๆ ยากๆ กินกัน อ่านมาจากพันทิปครับ เลยจะต้องไปกินสักหน่อย เค้าว่าอาหารทะเลที่นี่เด็ดหลายเมนู ราคาก็ไม่แพง ออกแนวบ้านๆ Off the beaten track---เท่ ซะ---

ครับผม เราต้องขับรถออกไปปราณบุรี เข้าไปในอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด เราก็ขับรถไปนับยอดภูเขาไป ผิดลูกมั่งถูกลูกมั่ง หลงไปหลงมากลับรถได้เจ็ดสิบห้าครั้งพอดีก็ได้เจอร้านอาหารทะเลร้านดังกล่าว เห็นปั๊บก็รู้แล้วล่ะว่ามาถูกที่แล้วแน่ๆ เพราะมีรถเก๋งทะเบียนกรุงเทพฯ จอดเรียงเป็นแถวยาวตั้งแต่หน้าร้านยันปากซอยนู่น---แหม เรานี่อินดี้แท้ๆ 
คนบานเลยครับ กรุงเทพฯ ล้วน---ไม่ได้ว่าอะไรหรอก แต่จิตก็อดประหวัดไปถึงโรคอหิวาต์หรือตั๊กแตนปาทังก้าไม่ได้  
เอาเถอะ สั่งอาหารกันดีกว่า



ร้านอาหารที่ว่าเนี่ย ก็บ้านจริงไรจริงแหละครับ เข้าใจว่าเป็นสหกรณ์ท้องถิ่นหรืออะไรทำนองนั้น มีเด็กๆ ในหมู่บ้านเป็นบริกร เหล่าแม่ครัวพ่อครัวก็ดูเหมือนคนคุ้นเคยกันทั้งนั้น 
หลังจากที่รอใครสักคนมาเคลียร์โต๊ะอยู่เกือบสิบห้านาที ได้โต๊ะนั่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว น้องเด็ก ป.3 โคตรน่ารักตุ้มตุ้ยก็เดินส่ายพุงอาดๆ มาหาพวกเรา น้องอัธยาศัยดี ดูขี้อายเล็กน้อย ลายมือสวยมาก จดออเดอร์นึกว่าแข่งคัดไทย
เราสั่งเมนูแนะนำ (จากเน็ต) ของร้าน ชื่อว่าปลาทูสะดุ้งน้ำ ผัดผักอะไรสักอย่างที่อยู่กรุงเทพฯ ไม่เคยเห็น และแน่นอน ปูทะเลนึ่ง---ชาวคณะชอบกินปูครับ แม้ผมจะไม่ค่อยเข้าใจคนที่ชอบกินอะไรที่มันยากๆ แต่ก็เอาเถอะ มาตั้งไกลขนาดนี้แล้วจะสั่งหมูกระเทียมหรือไข่เจียวแบบที่ผมชอบกินทุกวันมันก็ดูไม่ค่อยอินดี้ครีเอตเท่าไหร่ เนอะ

ในหมู่ฝูงชาวกรุงเทพฯ ทั้งหลายในที่นั้น ผมสังเกตเห็นครอบครัวหนึ่งที่เข้าร้านมาก่อนหน้าเราแค่นิดเดียว ครอบครัวนี้ประกอบไปด้วยคุณพ่อคุณแม่วัยเลยกลางคนช่วงปลายและลูกสาวหนึ่งนาง 
ผมจำผู้หญิงคนนี้ได้ติดตาครับ ด้วยบุคลิกของเธอ คุณคงพอนึกออก 
ผู้หญิงประเภทที่เวลาเดินมาทุกคนต้องหันมองน่ะครับ คือ เธอก็ไม่ได้สะสวยอะไรเป็นพิเศษหรอก แต่ด้วยท่าเดิน การเคลื่อนไหว และแน่นอน ความมั่นใจ 
---นอกกะนั้นแล้ว แว่นกันแดดเรย์แบนด์เอวิเอเตอร์เพิ่มความโฉบเฉี่ยวและเสื้อสายสปาเกตตีสีเหลืองอ๋อยที่มีระบายสีเดียวกันอันใหญ่มากรอบตัวเสื้อ ส่งเสริมมโนความเป็นดอกไม้ทะเลสีสดที่กำลังกระเพื่อมไหวอยู่ใต้น้ำทะเลในเวลากลางวัน 
อ้อ แล้วก็กางเกงขาสั้นมาก เวลาเดินแอ่นๆ มั่นๆ แล้วมันยิ่งต้องมองตาม มองทำไมไม่รู้แต่มันละสายตาไม่ได้จริงๆ นะ

นี่ผมบรรยายมากไปหรือเปล่า? แต่ก็นั่นแหละครับ ถ้าคุณพอจะนึกภาพคนประเภทนี้ออก คุณคงเข้าใจ  
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ ก็เพอร์เฟ็กต์มาก ๆ ครับ ดูแล้วรู้เลยว่าเป็นพ่อแม่ลูกกันอย่างไม่ต้องสงสัย 
พ่อแม่ลูกสามคนนี้แปลกดีครับ คือ เข้ามาในร้านแล้วนั่งไม่ค่อยติดที่ ชอบมาเดินป้วนเปี้ยนอยู่แถวครัวซึ่งตั้งอยู่หน้าร้าน ครัวที่เค้านึ่งปู เผากุ้ง เผาปลากันอยู่นั่นแหละ


การบริการของร้านอาหารบ้านๆ ที่โดนคน กทม. บุกถล่มในวันหยุดยาวก็เป็นไปดังคาด คือ ลูกค้าก็ต้องรอหน่อย การบริการก็ช้าๆ หลุดๆ ไปตามเรื่อง ไม่เป็นไรครับ เราเข้าใจและเตรียมใจมารออยู่แล้ว 
คณะพรรคก็พร้อมใจกันทำในสิ่งที่คนกรุงเทพฯ จะทำในสถานการณ์ดังกล่าว นั่นก็คือ ต่างคนก็ต่างควักไอโฟนขึ้นมาถ่ายรูปหมายจะอัพโหลดโชว์ขึ้นอินสตาแกรม แม้ว่าสัญญาณโทรศัพท์จะเป็นศูนย์ แต่เราก็ยังมีหวังอยู่เสมอครับ---บางคน old school หน่อยก็ควักนิยายชายทะเลขึ้นมาอ่านกันหิวไปพลางๆ  
แต่ไม่ว่าใครจะทำกิจกรรมอันใดก็ตาม สุดท้ายสมาธิของทุกคนก็ค่อยๆ ย้ายไปที่บทสนทนาของโต๊ะข้างหลัง และโต๊ะข้างหลังถัดไป ว่าด้วย เรื่องของอาหารที่ตกหล่น สั่งนานแล้วยังไม่ได้ จะได้มั้ย? 
โดยอาหารเจ้าปัญหาดังกล่าวของทุกโต๊ะก็คือ ปูนึ่งนั่นเอง เด็กๆ

บริกรและผู้หญิงที่น่าจะเป็นผู้จัดการร้านผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาตอบคำถามลูกค้าคนละอย่างสองอย่าง ผู้จัดการสาวบอกว่า ปูกำลังนึ่งอยู่ ใกล้จะได้แล้ว แล้วนางก็หายไปซักพัก โต๊ะนั้นก็เรียกเด็กเล็กๆ มาถามอีก เด็กบอกว่าจะไปดูให้ หายไปพักหนึ่ง คราวนี้เด็กดันวิ่งกลับมาทวนออเดอร์อีกทีว่าสั่งปูอะไร กี่ตัว 
คือ อาหารมากันหมดจนจะกินกันอิ่มหมดแล้ว ก็ยังไม่มีใครได้ปูครับ 
และในขณะนั้น มนุษย์ทั้งหลายก็เห็นหญิงเสื้อเหลืองกางเกงขาสั้น เดินกระเด้งๆ ถือจากปูนึ่งจากโรงครัวไปที่โต๊ะตัวเอง---3 รอบ!

3 รอบ!!!!!!!!!!!!!!! เดินผ่านหน้าโต๊ะอื่นที่ยังไม่ได้ปู ซึ่งกลุ่มคนในโต๊ะอื่นก็ได้แต่มองตาย้อยๆ สงสัยอย่างสุดซึ้งว่าจานที่มึงถืออยู่ในมืออ๊ะของกรูวววววววววววว!!! ละเปล่าวะ? 
แต่ด้วยความมีมารยาทก็ไม่มีใครกล้าไปถามหรือเข้าไปกระชากแย่งปูมาหรอก 
มีรอบนึง ผมได้ยินเธอพูดอย่างยิ้มแย้มกับเด็กบริกรที่มองเธองงๆ ว่า "ไม่เป็นไร เดินมาเอาเองได้"

และผมก็ได้ยินลุงโต๊ะข้างหลังที่ไม่ได้ปูเลยแม้แต่จานเดียวบอกผู้จัดการร้านสาวว่า "นั่นมันปูของโต๊ะนี้" ตอนที่สาวสปาเกตตีเหลืองเดินผ่านซุ้มโต๊ะลุงพร้อมปูนึ่งจานใหญ่เป็นรอบที่สาม 
ส่วนพวกกระผม สามโต๊ะก่อนหน้าเค้ายังไม่ได้ปูเลยครับ ไหนเลย ผมจะได้



หลังจากที่อาหารอย่างอื่นเดินทางมาครบถ้วนนานแล้ว ในที่สุดเราก็ได้รับคำตอบตรงๆ จากบริกรตุ้มตุ้ยว่า ปูทะเลหมดแล้ว จะรับปูม้าแทนมั้ย?
ช่างมันเหอะน้อง พี่คิดว่าพี่ได้เสพดราม่าปูมากพอแล้วสำหรับ 1 วัน 
ภายใต้การบริหารจัดการที่ย่ำแย่และไม่มีระบบที่แข็งแรงพอ (ของร้านอาหารบ้านๆ ที่ไม่เป็นมืออาชีพ) คนที่ไม่ทำตามกฎจะได้เปรียบ (เจ๊จะเดินไปที่ครัวเพื่อโฉบเอาปูของโต๊ะอื่นๆไปด้วยรอยยิ้มและคำพูดว่า "ไม่เป็นไร เดินมาเอาเองได้")

พวกที่หน้าบางหน่อย คิดหน้าคิดหลัง พยายามทำอะไรตามครรลองที่ถูกต้องจะโดนเอาเปรียบและต้องพ่ายแพ้ไปในที่สุด (พวกขี้แพ้ที่เข้าใจว่าการสั่งอาหารมันมีคิว วันนี้คนเยอะ ต้องรอหน่อย และ ให้เกียรติ "ระบบ" ของร้านอาหารที่ไม่ใช่บุฟเฟ่ต์ หรือ ร้านบริการตนเอง)
ตอนแรกผมก็คิดว่าการโฉบปูของสาวเสื้อเหลืองเป็นความเข้าใจผิด จริงๆ มันอาจเป็นปูที่เธอสั่งไว้จริงๆ ก็ได้ เธอแค่เดินมาเอาเองที่หน้าครัว
ปูจานที่สี่ถูกนำออกมาวางรอเสิร์ฟหน้าครัว  
สาวเสื้อเหลืองกลับมาอีกครั้ง พร้อมยกปูเดินกลับโต๊ะตัวเอง เดินกระเด้งกระแดะด้วยความมั่นใจ ไม่มองหน้าใครโต๊ะไหนทั้งสิ้น

แต่ครั้งนี้มีเสียงดังมาจากโต๊ะที่รอปูอยู่นานมากโต๊ะหนึ่ง เรียกเด็กเสิร์ฟมาถามว่า "ปูอ่ะเมื่อไหร่จะได้"  
เด็กเสิร์ฟวิ่งไปถามแม่ครัวซึ่งกำลังหงุดหงิดมากจากการโดนทวงปูมาทั้งวัน 
แม่ครัวพูดเสียงดังว่าปูจานนั้นอ่ะของโต๊ะนี้ ก็เพิ่งเอาออกมาให้เมื่อกี้ไง หายไปไหนแล้ว!!!!!!!

ทุกอย่างจึงชัดเจนว่าอะไรเป็นอะไร แต่สาวเสื้อเหลืองและครอบครัวของหล่อนไม่ได้รู้สึกอะไรอยู่แล้ว ปูมันเข้าปากคนไปแล้วยากจะคายได้
แล้วพวกขี้แพ้ที่รอปูอย่างถูกต้องตามครรลองนั้นจะทำไงล่ะ จะให้ไปเอาปูที่เค้าแทะแล้วคืนมาหรือไง ใครจะไป "หน้าด้าน" ทำได้ลงว้า เต็มที่ก็แหกปากดังๆ ว่า 

"เช็กบิล!!!"
(โว้ย!)
(ย้ำอีกครั้ง เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ไม่มีนัยยะทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น)



.