http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-06-27

MOONRISE KINGDOM “อาณาจักรแสงจันทร์” โดย นพมาส แววหงส์

.

MOONRISE KINGDOM “อาณาจักรแสงจันทร์”
โดย นพมาส แววหงส์  คอลัมน์ ภาพยนตร์
ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1662 หน้า 87


กำกับการแสดง Wes Anderson
นำแสดง Edward Norton
Bruce Willis 
Frances McDormand 
Bill Murray 
Tilda Swinton  
Harvey Keitel 
Jared Gilman 
Kara Hayward




Moonrise Kingdom จากฝีมือกำกับฯ ของ เวส แอนเดอร์สัน น่าจะเป็นผลงานที่ลงตัวที่สุดของเขาก็ว่าได้ แม้จะฝากฝีไม้ลายมือไว้ในทุกเรื่องที่เขากำกับฯ เช่น The Royal Tenenbaums ที่ดารดาษไปด้วยดาราระดับแนวหน้ามากมายหลายคน  
ใน Moonrise Kingdom ก็ใช้ดาราระดับรุ่นเดอะ ฝีมือพราวพรายในวงการบันเทิงมากมายเหมือนกัน เล่นกันคนละนิดคนละหน่อยในบทต่างๆ แต่นักแสดงเด็กที่เป็นตัวนำนั้นต่างเป็นนักแสดงหน้าใหม่ 
หนังของ เวส แอนเดอร์สัน เป็นคอเมดีที่องค์ประกอบ ตัวละครแปลกๆ การจัดภาพที่มีสีสันสะดุดตาในสถานการณ์ที่น่าสะดุดใจ 
และเรียกรอยยิ้มได้โดยตลอด



บนเกาะเล็กๆ นอกชายฝั่งนิวอิงแลนด์ในทศวรรษ 1960 ในค่ายลูกเสือที่มีครูผู้ฝึกผู้มีวินัยเข้มงวดคือ หัวหน้าลูกเสือวอร์ด (เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน) เช้าวันหนึ่ง ครูและเพื่อนๆ ลูกเสือก็พบว่ามีเด็กคนหนึ่งหายตัวไปจากค่าย  
เด็กชายที่หายไปชื่อแซม (จาเร็ด กิลแมน) ซึ่งสวมแว่น และมีหน้าตาชวนให้นึก แดเนียล เรดคลิฟฟ์ ในภาคแรกๆ ของหนัง แฮร์รี่ พอตเตอร์ 
ความโกลาหลจึงเกิดขึ้นเมื่อมีการจัดทีมค้นหาไปทั่วเกาะ และจากการโทรศัพท์ไปแจ้งผู้ปกครองของเด็ก ทำให้ครูกับร้อยเอกชาร์ป (บรูซ วิลลิส) หัวหน้าตำรวจบนเกาะ ทราบว่าแซมเป็นเด็กกำพร้า และผู้ปกครองคนปัจจุบันของเขาไม่สนใจจะรับตัวคืนไปอยู่ด้วยอีก

ปัญหาจึงไปถึงมือของตัวละครที่ไม่มีชื่อเสียงเรียงนาม ได้แต่บอกว่าตัวเองเป็น "สังคมสงเคราะห์" (ทิลดา สวินตัน) ที่ต้องยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องและปฏิบัติหน้าที่สังคมสงเคราะห์ตามระเบียบอย่างเย็นชา โดยไม่นึกถึงหัวจิตหัวใจของเด็กในสงเคราะห์เลย 
หนังย้อนกลับไปหนึ่งปีก่อนหน้า เมื่อแซมได้พบกับซูซี (คารา เฮย์เวิร์ด) เด็กหญิงวัยเดียวกัน ในแสดงละครโรงเรียนที่เล่นเรื่องน้ำท่วมโลกและเรือของโนอาห์ ซึ่งเหมาะเจาะพอดีกับเนื้อหาของหนัง 
แซมกับซูซีเป็นเด็กที่แปลกแยกจากคนอื่นๆ และชอบพอกันทันทีที่ได้เห็นหน้า และติดต่อกันทางจดหมายต่อมาเรื่อยๆ โดยนัดแนะจะหนีไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน

ฉากที่เด็กสองคนเจอกันกลางทุ่งกว้างตามนัด เป็นภาพที่ติดตามาก ต่างหอบของใช้จิปาถะที่ "จำเป็น" สำหรับการดำรงชีวิตด้วยกันกลางธรรมชาติ ทั้งเข็มทิศ แผนที่ เต็นท์ หนังสืออ่านเล่น เครื่องเล่นเทป พร้อมแบตเตอรี่สำรอง ฯลฯ  
สถานที่ที่ทั้งสองวางแผนจะหนีไปอยู่ด้วยกันคือ อ่าวที่มีชื่อที่ใช้เป็นชื่อหนังว่า Moonrise Kingdom ซึ่งเป็นอาณาจักรในฝันยามราตรีที่มีนวลแสงจันทร์  
หนังมีเสียงเล่าเรื่องแทรกอยู่ประปราย และพูดถึงการออกค้นหาเด็กชายหญิงที่หายไปสองคนในวันก่อนหน้าที่จะเกิดพายุใหญ่พัดกระหน่ำเกาะเล็กๆ นี้ 
หนังมีสไตล์ที่โดดเด่น ด้วยการใช้สีสันของภาพเป็นสีเขียว (ของธรรมชาติต้นไม้ใบหญ้า) สีกากี (ของชุดลูกเสือ) และสีแดง (บอกความรุนแรงและอันตรายที่น่าหวาดเสียว) เหมือนเป็นจานสีของจิตรกรที่ใช้สีหลักๆ สามสีนี้แต่งแต้มภาพให้เป็นโครงสีโดยตลอด



ความสนุกของหนังอยู่ที่รายละเอียดของสิ่งละอันพันละน้อยที่ประกอบขึ้นมาเป็นเรื่องราวอันออกจะแปลกประหลาดผิดธรรมดา นับตั้งแต่ฉากแรกที่เสนอภาพบ้านประภาคารของซูซี ที่เอาแต่ใช้กล้องส่องทางไกลส่องดูสิ่งต่างๆ นอกบ้าน เราเห็นได้ว่าซูซีเป็นเด็กที่แปลกแยกจากครอบครัว พ่อแม่ของเธอ คือ ลอรา (ฟรานเซส แมคดอร์มันด์) และวอล์ต (บิล เมอร์เรย์) สื่อสารกันด้วยการใช้โทรโข่ง ทั้งคู่เป็นทนายความ และพูดจาประสากฎหมายกันตลอด 
หนังเป็นเรื่องการผจญภัยของเด็กๆ ที่แสวงหาสถานที่ในฝันที่จะเป็นอิสระจากชีวิตอันไร้สุขในกรอบที่ผู้ใหญ่วางไว้ให้ 
ลักษณะอย่างหนึ่งที่บอกได้คือในหนังของ เวส แอนเดอร์สัน นั้นเราคาดเดาไม่ได้เลยว่าเรื่องราวจะพาเราไปในทิศทางใด 
และนั่นคือความสนุกของหนัง ซึ่งเต็มไปด้วยความสดชื่นของความคิดอ่านแบบเด็กๆ การผจญภัยและเสี่ยงภัยท่ามกลางธรรมชาติที่กำลังคุกคามอยู่ แต่โทนของหนังก็เป็นคอเมดีอย่างชัดเจน แม้ว่าบางตอนจะมีความรุนแรงที่ออกจะน่าตกใจ รวมทั้งโทนของความเศร้าสร้อยลึกๆ ของความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นไปอย่างที่ควรเป็น


ที่ต้องชมคือการแสดงของนักแสดงรุ่นใหญ่ทั้งหลาย ซึ่งเป็นธรรมชาติอย่างที่สุด และลงตัวพอดิบพอดีโดยดูเหมือนไม่ได้ "แสดง" อะไรเลย
ที่โดดเด่นอีกอย่างคือเพลงและดนตรีที่ใช้ในเรื่อง ซึ่งเป็นการผสมผสานของดนตรีหลายชนิดอย่างที่ไม่น่าจะเข้ากันได้ หรือไม่น่ามารวมอยู่ในที่เดียวกัน มีทั้งเพลงมาร์ช ดนตรีคลาสสิกของโมสาร์ต และเพลงป๊อปและเพลงลูกทุ่งแบบ แฮงก์ วิลเลียม เป็นต้น

เวส แอนเดอร์สัน เป็นผู้กำกับฯ ที่น่าจับตาคนหนึ่ง ด้วยจินตนาการพิสดารที่สร้างสรรค์โลกแปลกประหลาดและมีสีสัน โดยไม่ได้ละเลยอารมณ์ขันอย่างน่ารัก ที่ชวนให้อมยิ้มได้แม้เมื่อหนังจบไปแล้ว

ดูแล้วชื่นชมและชื่นใจมากๆ ค่ะหนังเรื่องนี้



.