http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-06-08

พิชิต: ตุลาการรัฐประหาร

.
บันทึกไว้ รอการคลี่คลาย - สหายเก่าเชียร์ศาล รธน. ด้านแดงภูมิภาคหนุนแก้ รธน.

____________________________________________________________________________________________________

พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์: ตุลาการรัฐประหาร
จาก www.prachatai.com/journal/2012/06/40942 . . Fri, 2012-06-08 19:17


รศ.ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์
จาก “โลกวันนี้วันสุข” ฉบับวันศุกร์ที่ 8 มิถุนายน 2555

นักปรัชญาเมธีท่านหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า “ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยตนเองสองครั้ง ครั้งแรกเป็นโศกนาฏกรรม ครั้งที่สองเป็นละครตลกปนสมเพช”

แต่สำหรับประเทศไทย ต้องมีสามครั้ง สองครั้งแรกเป็นโศกนาฏกรรมคือ รัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลพรรคไทยรักไทยปี 2549 และการโค่นล้มรัฐบาลพรรคพลังประชาชนปี 2551 ส่วนครั้งที่สามก็คือ การพยายามโค่นล้มรัฐบาลพรรคเพื่อไทยในขณะนี้ กำลังจะเป็นละครตลกปนสมเพช

นับตั้งแต่พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ 3 กรกฎาคม 2554 พวกเผด็จการก็ได้ดำเนินมาตรการหลอกลวงและแยกสลายต่อฝ่ายประชาธิปไตยมาโดยตลอด ใช้ประโยชน์จากความเพ้อฝันของแกนนำพรรคเพื่อไทยที่หวัง “ปรองดองและอยู่ร่วมกันอย่างสันติ” กับพวกเผด็จการ พวกเขาส่ง “สัญญาณประนีประนอมหลอก ๆ” โดยหวังผลสองด้านคือ ด้านหนึ่ง เพื่อดึงแกนนำพรรคเพื่อไทยให้ออกห่างจากฐานมวลชนของตนเอง ทำให้พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลตกในสถานะโดดเดี่ยวและอ่อนแอ ถูกทำลายได้ง่าย อีกด้านหนึ่ง ก็เพื่อสร้างความระส่ำระสายหมดกำลังใจและถอยห่างในหมู่มวลชนที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย
เมื่อพรรคเพื่อไทยพยายามผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญเพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ และพระราชบัญญัตปรองดองแห่งชาติที่มุ่งยกเลิกคดีการเมืองทั้งปวงที่เป็นผลจากรัฐประหาร 2549 ฝ่ายเผด็จการก็มิอาจนิ่งเฉยต่อไปได้ จึงต้องดำเนินการรุกกลับทันที

สำหรับพวกเผด็จการแล้ว รัฐธรรมนูญ 2550 กับคดีการเมืองทั้งปวงที่โยนใส่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและนักการเมืองพรรคไทยรักไทย คือหลักประกันเฉพาะหน้าในอำนาจปัจจุบันของพวกเขา เป็นดอกผลทางการเมืองสำคัญที่สุดที่พวกเขาได้รับจากรัฐประหาร 2549 หากปล่อยให้ฝ่ายประชาธิปไตยแก้ไขสองประเด็นนี้สำเร็จ พวกเขาก็จะ “ไม่ได้อะไรเลย” จากรัฐประหาร ทั้งยังได้สูญเสีย “ทุนทางการเมือง” ของตนไปอย่างมากมายมหาศาลแล้วอีกด้วย 

ในสองครั้งแรกปี 2549 และ 2551 ประชาชนจำนวนมากยังไม่รู้เท่าทัน การเคลื่อนไหวของพวกเผด็จการผ่านมือเท้า เช่น กลุ่มพันธมิตรฯ พรรคประชาธิปัตย์ ตุลาการ และทหาร จึงน่าตกใจและไม่อาจเข้าใจได้ทันท่วงที แต่เผด็จการไทยก็เหมือนอาชญากรการเมืองอื่น ๆ ทั่วโลกคือ ชะล่าใจกระทำการซ้ำอีกโดยเชื่อว่า ประชาชนยังโง่อยู่ หรือถึงประชาชนรู้ ก็ไม่มีทางตอบโต้ ในครั้งที่สาม พวกเขากำลังทำผิดพลาด เพราะมาถึงวันนี้ ประชาชนรู้และจะไม่นิ่งเฉยอีกต่อไป  
ท้ายสุด เครื่องมือและวิธีการเก่า ๆ ก็จะมีประสิทธิผลน้อยลงทุกที เปรียบเสมือนผู้ลงทุนสร้างและผู้กำกับละครที่ใช้เค้าโครงเรื่อง ฉากหลัง และตัวละครซ้ำเป็นครั้งที่สาม จนประชาชนคนดูเอือมระอาเต็มทน คนพวกนี้คือ สิ่งมีชีวิตทางการเมืองที่พ้นยุคสมัยไปแล้วอย่างแท้จริง

เราจึงได้เห็นพวกเขาหันมาใช้ “สี่ขาหยั่ง” ของตนซ้ำอีกคือ กลุ่มอันธพาลการเมืองบนท้องถนนก่อกวนสร้างสภาวะจลาจลนอกสภา พรรคประชาธิปัตย์ก่อความปั่นป่วนทำลายกระบวนการนิติบัญญัติในรัฐสภาและสนับสนุนการก่อความวุ่นวายนอกสภา องค์กรตุลาการใช้ “กฎหมาย” มาทำลายรัฐบาลและสภาที่มาจากการเลือกตั้ง แล้วจบลงด้วยการแทรกแซงของกองทัพ เหมือนสองครั้งแรก ทั้งหมดนี้ ด้วยการโฆษณาชวนเชื่อ บิดเบือน ยุยงให้ท้าย ไส้ไคล้เป็นเท็จโดยสื่อมวลชนและนักวิชาการที่หากินอยู่กับเผด็จการ

การที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องคัดค้านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่ผ่านอัยการสูงสุด แล้วอ้างข้อกำหนดศาล ใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 264 มี “คำสั่ง” ให้รัฐสภา “ชะลอ” การพิจารณาวาระสามร่างแก้ไขฯ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย เหล่านี้ได้ถูกผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายมหาชน เช่น คณะนิติราษฎร์ ชี้แล้วว่า เป็นการใช้อำนาจเกินกว่าที่รัฐธรรมนูญกำหนด เป็นการก้าวก่ายครอบงำการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติโดยตรง 
ผลเฉพาะหน้าของ “คำสั่ง” ศาลรัฐธรรมนูญคือ เป็นการยับยั้งกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญและอาจนำไปสู่การ “ทำแท้ง” ด้วยคำวินิจฉัยชี้ขาดว่า ร่างแก้ไขฯฉบับนี้ ขัดรัฐธรรมนูญเพราะเป็นการล้มล้างระบอบประชาธิไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ ยังไม่มีใครหยั่งรู้ได้ว่า เนื้อหาของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะเป็นอย่างไร นี่คือการตัดตอนให้เป็นบรรทัดฐานว่า นับแต่นี้ไป การยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับไม่ว่าจะครั้งไหน เมื่อไร ล้วนทำไม่ได้ทั้งสิ้น เพราะทุกครั้งอาจเข้าข่ายล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข! 
และในกรณีนี้ ศาลรัฐธรรมนูญยังอาจเลยไปถึงสั่งยุบพรรคเพื่อไทย ส่วนบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เข้าชื่อเสนอร่างแก้ไขฯ ก็เข้าข่ายมีความผิด ถูกถอดถอนและอาจถูกดำเนินคดีอาญาอีกด้วย!

แต่ผลในระยะยาวคือ อำนาจตุลาการกำลังเข้าครอบงำและทำลายกระบวนการนิติบัญญัติทั้งหมด เพราะในเมื่อศาลรัฐธรรมนูญสามารถอ้างข้อกำหนดและกฎหมายที่ต่ำกว่ารัฐธรรมนูญ มาสั่งฝ่ายนิติบัญญัติให้ “ชะลอ” การทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญได้ นี่ก็จะกลายเป็นบรรทัดฐานให้ศาลรัฐธรรมนูญเข้าแทรกแซงและ “ชะลอ” การพิจารณาออกกฎหมายอื่น ๆ ได้ซ้ำแล้วซ้ำอีก ซึ่งก็คือ ศาลรัฐธรรมนูญจะ “กดปุ่มสั่ง” ให้รัฐสภา “หยุด” เมื่อไรก็ได้ 
ทั้งหมดนี้ เป็นการเผยให้เห็นเนื้อแท้ของรัฐธรรมนูญ 2550 ว่า เป็นรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการ ที่กลุ่มอำนาจนิยมจำนวนไม่กี่คนกุมอำนาจการปกครองที่แท้จริง ผ่านองค์กรตุลาการที่ไม่ได้มาจากกระบวนการเลือกตั้งของประชาชน เป็นอำนาจที่อยู่เหนือและครอบงำอำนาจนิติบัญญัติและอำนาจบริหารอย่างเบ็ดเสร็จ



คำว่า “ตุลาการรัฐประหาร” ก็คือการที่ตุลาการสามารถอ้างอิงหลักตรรกะ เลือกใช้ภาษาไทยและ “พจนานุกรม” มาตีความตัวหนังสือในกฎหมายรัฐธรรมนูญตามที่ตนเห็นชอบ เข้าแทรกแซงกระบวนการนิติบัญญัติและ “ถอดถอนลงโทษ” นักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งได้โดยไม่มีใครท้วงทิงตรวจสอบได้ 
หากพรรคเพื่อไทยยอมจำนน ก็เท่ากับว่า ได้สูญเสียอำนาจนิติบัญญัติไปโดยสิ้นเชิง ทั้งประธานสภา รองประธานสภา และบรรดาสมาชิกสภา เป็นได้เพียง “เจว็ด” ในห้องประชุม และคะแนนเสียงเลือกตั้งของประชาชน ก็คือ เสียงนกเสียงกาที่ไร้ความหมาย

พรรคเพื่อไทยจะต้องแสดงความกล้าหาญ ยืนยันสถานะของสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการเลือกตั้งว่า มาโดยมติมหาชนอันชอบธรรม เป็นหนึ่งในสามอำนาจอธิปไตย เป็นตัวแทนอำนาจนิติบัญญัติของปวงชนชาวไทย ที่มิอาจยอมจำนนต่อคำสั่งที่อยู่เหนือรัฐธรรมนูญเช่นนั้นได้ พรรคเพื่อไทยมิได้โดดเดี่ยว หากแต่มีหลังพิงเป็นประชาชนผู้รักประชาธิปไตยที่พร้อมจะสนับสนุนและปกป้องสภาที่มาจากคะแนนเสียงเลือกตั้งของพวกเขา


* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
อ่านความคิดเห็นท้ายบท ที่  www.prachatai.com/journal/2012/06/40942 



+++
บันทึกไว้ รอการคลี่คลาย

สหายเก่าเชียร์ศาล รธน. ด้านแดงภูมิภาคหนุนแก้ รธน.
ใน www.prachatai.com/journal/2012/06/40936 . . Fri, 2012-06-08 17:45


อดีต ผรท.ขอนแก่นและจังหวัดใกล้เคียงร่วม 2,000 คนชุมนุมหน้าศาลากลางจังหวัด แสดงพลังสนับสนุนคำวินิจฉัยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญให้ชะลอพิจารณาร่าง รธน. ด้านแดงหลายจังหวัดหนุนเดินหน้าแก้ รธน.

8 มิ.ย. 55 - ASTV ผู้จัดการออนไลน์รายงานว่าที่บริเวณสนามด้านหน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่นได้มีพี่น้องประชาชนในนามนักรบประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือกลุ่มอดีตผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย(ผรท.) จากอำเภอต่างๆ ในจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดใกล้เคียงร่วม 2,000 คนมาชุมนุมเปิดเวทีปราศรัยสนับสนุนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่รับคำร้องเกี่ยวกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้สภาฯ ชะลอการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 ถือว่ามีอำนาจและมีความชอบธรรม
      
พร้อมกันนั้น แกนนำอดีต ผรท.ต่างได้ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัยโจมตีคนของพรรคเพื่อไทยที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านคำสั่งดังกล่าว โดยเฉพาะนายจาตุรนต์ ฉายแสง ซึ่งอดีตเคยเข้าป่าร่วมอุดมการณ์กับ ผรท. แต่ขณะนี้กลับประกาศยั่วยุให้ผู้คนออกมากล่าวให้ร้าย ไม่ยอมรับมติของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พฤติกรรมท่าทีของนายจาตุรนต์ต่อของศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้ถือว่ามีเป้าหมายไม่สุจริต
      
ทั้งนี้ ในที่ชุมนุมแกนนำ ผรท.ได้อ่านแถลงการณ์ฉบับที่ 1 เนื้อหาในแถลงการณ์ระบุว่า เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ได้มีบุคคลและกลุ่มบุคคลบางพวกที่ไม่ยอมรับ ไม่เคารพต่อคำสั่งจากสถาบันตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญที่มีหน้าที่ถ่วงดุลอำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทย โดยบิดเบือนข้อเท็จจริง
      
กรณีที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง ได้กล่าวให้ความเห็นและชักชวนผู้อื่นให้ร้ายต่อศาลรัฐธรรมนูญว่าไม่มีอำนาจหน้าที่ในการออกคำสั่งศาลในการยับยั้งหรือชะลอการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ในฐานะของพี่น้องประชาชนผู้เป็นส่วนหนึ่งของอำนาจอธิปไตยภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญที่ใช้ปกครองประเทศไทย จึงขอเรียนถามทุกท่านว่าการกระทำดังกล่าวของนายจาตุรนต์ ฉายแสง นั้นถือเป็นการหมิ่นศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ และนายจาตุรนต์ทำเพื่อประโยชน์ของใคร
      
พวกเราในนามนักรบประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงขอเรียกร้องให้นักการเมืองและผู้มีอำนาจจงเคารพต่อคำสั่งศาลและเคารพต่อการวินิจฉัยของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้พวกเราขอแสดงพลังเพื่อเป็นกำลังใจให้คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่มีคำสั่งให้ชะลอการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ
      
สุดท้ายขอถามว่า นายจาตุรนต์ ฉายแสง นั้นเป็นใคร เอาอำนาจอะไรมาชักชวนผู้อื่นให้ดูหมิ่น เกลียดชัง และไม่ให้ความเคารพต่อคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญอันเป็นเสาหลักของความเป็นธรรมรัฐแห่งชาติไทย

ในโอกาสนี้ พวกเราขอเรียกร้องให้พี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่าได้ร่วมกันแสดงพลัง เพื่อปกป้องสถาบันหลักที่สำคัญของชาติไทยให้คงอยู่ตลอดไป
      
หลังจากอ่านแถลงการณ์เสร็จ ตัวแทนกลุ่มนักรบประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ยื่นแถลงการณ์ต่อนายเสน่ห์ นนทโชติ ปลัดจังหวัดขอนแก่น
      
นายบุญธรรม แสนเวียง หรืออดีตสหายสิงหา อดีตผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยจากอำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า หลังจากออกมาแสดงพลังให้กำลังใจตุลาการศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้แล้ว ทางกลุ่มพี่น้องอดีตผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยจะรอดูท่าทีของกลุ่มบุคคลที่ออกมาโจมตีคัดค้านและไม่ยอมรับการทำหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก่อน หากกลุ่มคนพวกนี้ไม่หยุดเคลื่อนไหวหรือยังกล่าวหาดูหมิ่นศาลรัฐธรรมนูญอีก ทางแกนนำ ผรท.ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นและอีกหลายจังหวัดภาคอีสานจะนัดหารือกันเพื่อกำหนดท่าทีเคลื่อนไหวต่อ
      
“ถ้ายังดื้อดึงไม่เคารพคำสั่งของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ดันทุรังจะพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญอีกต่อ พวกเราจะลุกขึ้นมาสู้แน่นอน พวกเราไม่ต้องการให้บิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อทำลายล้างสถาบันตุลาการเด็ดขาด” อดีตสหายสิงหากล่าวย้ำ


เสื้อแดงน่านยื่นต้านคำสั่งศาล รธน.-พ่วงดัน พ.ร.ก.นิรโทษฯ

8 มิ.ย. 55 - ASTV ผู้จัดการออนไลน์รายงานว่าแกนนำ นปช.น่านจำนวน 50 คน นำโดย ร.ต.ต.สมศักดิ์ แพทย์สมาน ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการจังหวัดน่าน ได้เดินทางเข้าศาลากลางจังหวัดน่านเพื่อยื่นหนังสือขอสนับสนุนไม่รับคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ และเสนอให้คณะรัฐมนตรีออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรมผู้ประสบภัยคุกคามจาก ม.112 ผ่านจังหวัดไปยังรัฐบาลเพื่อเป็นกำลังใจให้นายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และคณะรัฐมนตรี ได้ตัดสินใจในการออกมติคณะรัฐมนตรีใช้ พ.ร.ก.นิรโทษกรรม ม.112 บรรเทาปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนจากการใช้ ม.112 โดยมีนายอดิศร พิทยายน รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็นตัวแทนรับหนังสือ

ร.ต.ต.สมศักดิ์กล่าวว่า เครือข่ายแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการจังหวัดน่าน หรือ นปช.น่าน มีความเห็นชอบพร้อมกันในการขอสนับสนุนไม่รับคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ยังมีผู้ประสบภัยคุกคามจากประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จำนวนมาก ที่ยังถูกลิดรอนสิทธิการประกันตัว เป็นการละเมิดหลักสิทธิมนุษยชน และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างร้ายแรงให้ได้รับความทรมานในสภาพเดียวกันกับนายอำพล ตั้งนพกุล หรืออากง

ด้วยเหตุนี้ เครือข่ายภาคประชาชนจังหวัดน่าน ซึ่งคำนึงถึงปัญหาภัยคุกคามประชาชนจาก ม.112 จึงร้องขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดน่านเป็นตัวแทนนำเสนอความต้องการของพี่น้องประชาชนไปยังคณะรัฐมนตรี ได้เร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยคุกคามจาก ม.112 ลงในระเบียบวาระการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 12 มิถุนายน 2555


เสื้อแดงสงขลายื่นหนังสือค้านคำสั่งศาล

เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 55 ที่ผ่านมา ASTV ผู้จัดการออนไลน์  รายงานว่า ที่ศาลากลางจังหวัดสงขลานาย พ.พนธ์ จิตต์ภักดี รองผู้อำนวยการเลือกตั้งจังหวัดสงขลา ศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทยจังหวัดสงขลา พร้อมด้วย นายมนตรี แก้วแพง อดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา พรรคเพื่อไทย เขต 2 ในฐานะตัวแทนสมาชิกพรรคเพื่อไทย และคนไทยกลุ่มเสื้อแดง เดินทางมายื่นหนังสือบัญชีรายชื่อผ่านทางนายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เพื่อนำส่งถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สนับสนุนให้แก้ไขรัฐธรรมนูญปี พ.ศ.2550 เพื่อให้ประเทศไทยได้เป็นประชาธิปไตย และขอคัดค้านคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่สั่งให้ระงับการลงมติการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ในวาระที่ 3

นายมนตรี แก้วแพง อดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา พรรคเพื่อไทย เขต 2 เปิดเผยว่า ในฐานะตัวแทนสมาชิกพรรคเพื่อไทย และคนไทยกลุ่มเสื้อแดง วันนี้เป็นตัวแทนมายื่นหนังสื่อรายชื่อผู้สนับสนุนแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี พ.ศ.2550 และคัดค้านคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญสั่งระงับการลงมติวาระที่ 3 โดยมีรายชื่อจำนวน 84 คน และสมาชิกเครือข่ายเสื้อแดงในจังหวัดสงขลาอีกส่วนหนึ่งได้เดินทางเข้าร่วมกับเครือข่ายคนเสื้อแดงจากทั่วประเทศ เพื่อจะรวมตัวที่ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อยื่นถอดถอนคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่กรุงเทพมหานครต่อไป


เสื้อแดงพัทลุงล่า 600 รายชื่อหนุนแก้ ม.291

เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 55 ที่ผ่านมา ASTV ผู้จัดการออนไลน์  รายงานว่า ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดพัทลุง นายสุนทร วงศ์บุญ อายุ 65 ปี ประธานแนวร่วมผู้รักประชาธิปไตยพัทลุง (นปช.พัทลุง) พร้อมแกนนำกลุ่มเสื้อแดงในพื้นที่ จ.พัทลุง ประมาณ 80 คน เข้ายื่นหนังสือสนับสนุนรัฐสภาแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 วาระ 3 พร้อมรายชื่อสนับสนุนจำนวน 640 ราย ผ่านนายวิญญู ทองสกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ส่งต่อยังประธานสภาผู้แทนราษฎร
      
นายสุนทร ประธานแนวร่วมผู้รักประชาธิปไตยพัทลุง กล่าวว่า ตามที่กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ได้ดำเนินการผ่านวาระ 1 และวาระ 2 ไปแล้ว และกำหนดลงมติวาระ 3 ในวันที่ 5 มิ.ย.2555 นั้น แต่ปรากฏว่า ในว่าในวันที่ 2 มิ.ย.2555 ศาลรัฐธรรมนูญได้มีหนังสือแจ้งให้เลขาธิการรัฐสภา แจ้งประธานสภาผู้แทนราษฎรยับยั้งการดำเนินการในวาระ 3 ออกไป
      
สำหรับเรื่องดังกล่าวนี้ ทางแนวร่วมผู้รักประชาธิปไตยพัทลุง เห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญกระทำการที่ไม่เหมาะสม และปฏิบัติหน้าที่ผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญเสียเอง ดังนั้น แนวร่วมผู้รักประชาธิปไตยพัทลุงจึงขอเรียกร้องศาลรัฐธรรมนูญหยุดการกระทำใดๆ เกี่ยวกับ มาตรา 291 วาระ 3 และขอสนับสนุนรัฐสภาเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 วาระ 3 ต่อไป และพร้อมที่จะนำแนวร่วมผู้รักประชาธิปไตยพัทลุง ชุมนุมร่วมที่กรุงเทพมหานคร หากการลงมติในวาระที่ 3 ได้ขยายเวลาออกไป หรือหยุดชะงักลง ซึ่งทางด้านนายวิญญู ทองสกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง จะส่งหนังสือดังกล่าวไปยังรัฐสภาต่อไป


เสื้อแดงศรีสะเกษโผล่ยื่นผู้ว่าฯ หนุนแก้ รธน.

เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 55 ที่ผ่านมา ASTV ผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่าที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงจากหลายอำเภอในเขตพื้นที่ จ.ศรีสะเกษจำนวนประมาณ 500 คน นำโดย ดร.ไสว สดใส แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงศรีสะเกษ รวมตัวกันตามที่แกนนำ นปช.ส่วนกลางได้สั่งการให้ดำเนินการพร้อมกันทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อสนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ตามแนวทางที่ผ่านการพิจารณาร่วมกันของรัฐสภา ในวาระที่ 1 และวาระที่ 2 และคัดค้านการทำงานของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่มีคำสั่งให้รัฐสภาชะลอการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550
      
พร้อมทั้งได้มีการขึ้นเวทีปราศรัยด่าทอการทำงานของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และพรรคประชาธิปัตย์อย่างรุนแรง อ้างว่าอยู่เบื้องหลังการรัฐประหารเงียบ จากนั้นได้มีการยื่นหนังสือเรียกร้องต่อ นายประทีป กีรติเรขา ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อให้รับทราบถึงจุดยืนของกลุ่มเสื้อแดงศรีสะเกษ ซึ่งนายประทีป กีรติเรขา ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ ได้มารับนำหนังสือข้อเรียกร้องของกลุ่มคนเสื้อแดงโดยตนเอง พร้อมรับปากว่าจะยื่นเสนอต่อส่วนกลางโดยเร็วต่อไป
      
ดร.ไสว สดใส แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงศรีสะเกษ กล่าวว่า ในวันนี้ตนพร้อมด้วยกลุ่มคนเสื้อแดงจากหลายอำเภอในเขตพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ได้พากันเดินทางมาชุมนุมเพื่อสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล และรัฐสภา ของประชาชน รวมไปถึงการคัดค้านรัฐประหารตุลาการพินาศที่ขัดขวางประชาธิปไตย และแสวงหาผลประโยชน์และผลกำไรของกลุ่มผู้มีอำนาจเพียงไม่กี่คน ซึ่งกลุ่มคนเสื้อแดงศรีสะเกษจะทำทุกวิถีทางเพื่อคัดค้านความไม่ถูกต้องในสังคมเพื่อลบภาพสองมาตรฐาน เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้แก่พี่น้องประชาชนอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกันถ้วนหน้า และเพื่อให้ประเทศชาติก้าวสู่ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง


แดงสุรินทร์บุกศาลากลางฯ หนุนแก้ “รธน.”

เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 55 ที่ผ่านมา ASTV ผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ ได้มีมวลชนกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดงจาก อ.รัตนบุรี, อ.ท่าตูม, อ.สนม และ อ.เมือง จ.สุรินทร์ ราว 150 คน นำโดย นายประดับ สืบสันต์ ทนายความคนเสื้อแดงสุรินทร์ เดินทางมาตั้งเวทีปราศรัยถึงข้อดีของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการออก พ.ร.บ.ปรองดอง ล้างผิด “พ่อแม้ว” พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่าทำเพื่อคนไทยทุกคนไม่ใช่คนหนึ่งคนใด พร้อมมีการชูป้ายสนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และออก พ.รบ.ปรองดองแห่งชาติ
      
จากนั้นได้ยื่นหนังสือแสดงเจตนารมณ์แถลงการณ์ฉบับที่ 1 ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ มีใจความสรุปได้ว่า พ่อแม่พี่น้องชาวจังหวัดสุรินทร์ผู้มีหัวใจรักประชาธิปไตยขอให้การสนับสนุน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บริหารประเทศจนครบ 4 ปีตามระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชนได้เลือกเข้ามาบริหารประเทศ องค์กรใดหรือผู้ใดจะมายึดหรือปล้นอำนาจประชาธิปไตยจากปวงชนชาวไทยไม่ได้
      
พ่อแม่พี่น้องและคนเสื้อแดงจังหวัดสุรินทร์พร้อมรวมตัวสู้และขัดขวางเต็มที่ด้วยชีวิตจนกว่าลมหายใจจะสิ้นสุด หากมีองค์กรใดหรือผู้ใดมายึด ปล้นอำนาจประชาธิปไตยไปจากมือประชาชน พร้อมทั้งยืนยันขอให้การสนับสนุน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย น้องสาวอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร บริหารประเทศตามระบอบประชาธิปไตย และขอสนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญ และการออก พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ ทำเพื่อคนไทยทุกคน ให้ประเทศก้าวต่อไปได้อย่างอารยะ
      
ขณะที่นายยุทธนา วิริยะกิตติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ สายกลุ่มคนเสื้อแดง ได้มารับหนังสือ พร้อมรับปากจะส่งให้ถึงนายกรัฐมนตรีภายในวันนี้โดยเร็วที่สุด


กลุ่มกำนัน-ผญบ.ในอุดรฯ บุกศาลากลางยื่นหนังสือหนุนแก้ รธน.

เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 55 ที่ผ่านมา ASTV ผู้จัดการออนไลน์  รายงานว่ากลุ่มผู้รักประชาธิปไตยชาวอุดรธานี ประมาณ 500 คน นำโดยนายเพียร แก้วมหาดไทย ประธานชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จังหวัดอุดรธานี ได้มารวมตัวกันที่ ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี เพื่อขอพบและยื่นหนังสือสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อนายแก่นเพชร ช่วงรังษี ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี
      
นายเพียร แก้วมหาดไทย ประธานชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า ประชาชนที่เดินทางมาในวันนี้เป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนจากทั้ง 20 อำเภอของจังหวัดอุดรธานี ที่มีความเห็นสนับสนุนการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังอยู่ในสภาผู้แทนราษฎรอยู่ในขณะนี้ และทางสมาคมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จ.อุดรธานี มีความเห็นร่วมกันที่จะขอยื่นหนังสือถึงประธานรัฐสภาผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี
      
ในเวลาต่อมา นายแก่นเพชร ช่วงรังษี ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี พร้อมด้วย นายจีรศักดิ์ คำรณฤทธิศร ปลัดจังหวัด และนายมาลัยวรณ์ ตั้งอรุณสวัสดิ์ นอภ.เมืองอุดรธานี ได้เดินทางมาพบกับกลุ่มผู้ชุมนุม และรับหนังสือด้วยตนเอง
      
หลังจากที่นายแก่นเพชรรับหนังสือฉบับดังกล่าวแล้ว ได้มอบให้นายจีรศักดิ์ ปลัดจังหวัด ดำเนินการตามที่ผู้ชุมนุมมีความประสงค์ พร้อมกันนี้ ได้กล่าวต่อผู้ชุมนุมสนับสนุนครั้งนี้ว่าจะทางจังหวัดจะดำเนินการให้โดยด่วน
      
ทั้งนี้ เนื้อหาของหนังสือระบุว่า ในนามของพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดอุดรธานี ที่มารวมพลังกันเพื่อแสดงออกตามวิถีทางประชาธิปไตยในครั้งนี้ เพื่อแสดงเจตนารมณ์ว่า พวกเราขอสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ได้รับการพิจารณาผ่านสภาฯ ในวาระที่ 2 ไปแล้วนั้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้พวกข้าพเจ้ารู้ดีว่า เป็นไปตามวิถีของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มิได้มีจุดประสงค์ในการเปลี่ยนแปลงการปกครองแต่ประการใด การแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้เพื่อให้ประเทศชาติก้าวหน้านำไปสู่ความปรองดองและความสมานฉันท์ของคนภายในชาติ
      
การแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ พวกเรารู้ว่าเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ การที่มีบุคคลบางกลุ่มกล่าวหาว่ารัฐบาลต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครอง จึงได้จัดทำการแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงไม่เป็นความจริง
      
แต่ที่จริงแล้วรัฐบาลมีความตั้งใจและมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาประเทศชาติให้มีความเจริญรุ่งเรือง และแก้ไขปัญหาทางการเมืองให้ประเทศชาติเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว พวกเราจึงได้มาแสดงพลังของประชาชน เพื่อให้ทางราชการและทุกภาคส่วนได้รับทราบว่าพวกเราสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เดินหน้าต่อไป


กลุ่มคนเสื้อแดงเมืองกว๊านพะเยาบุกศาลากลางจังหวัดยื่นหนังสือหนุนรัฐบาลแก้รัฐธรรมนูญ

เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 55 ที่ผ่านมาโพสต์ทูเดย์ รายงานว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจาก อ.เมือง อ.ดอกคำใต้ และ อ.แม่ใจ จ.พะเยา ประมาณ 500 คน เดินทางเข้ามาที่บริเวณหน้าศาลาประชาคม ภายในศูนย์ราชการจังหวัดพะเยา พร้อมด้วยป้ายไวนิลระบุข้อความ “ประชาชนชาวพะเยาขอสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ” และเพื่อยื่นหนังสือต่อนายไมตรี อินทุสุต ผวจ.พะเยา ให้เสนอต่อรัฐบาลว่าประชาชนชาวพะเยาขอสนับสนุนรัฐบาลในการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ(รธน.) ฉบับปี 2550 และผลักดันพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ว่าด้วยการปรองดองแห่งชาติ โดยมีนางตุลา บรรจง ประธานแม่บ้าน หมู่ 17 ต.บ้านต๋อม อ.เมือง จ.พะเยา เป็นตัวแทนยื่นหนังสือต่อ ผวจ.พะเยา และหลังจากที่ ผวจ.รับหนังสือแล้ว ประมาณ 10 นาที ผู้ชุมนุมได้สลายตัวแยกย้ายกันกลับบ้านอย่างสงบ

นายไมตรี กล่าวหลังรับหนังสือจากกลุ่มผู้ชุมนุม ว่า การยื่นหนังสือเพื่อสนับสนุนรัฐบาลแก้ไข รธน.ในครั้งนี้ ถือว่าประชาชนทำถูกต้อง เพราะเดินทางมาแสดงความคิดเห็นที่มีลักษณะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่ก่อความเดือดร้อน แสดงออกตามวิถีของประชาธิปไตย ตนจะส่งหนังสือที่ได้รับมาไปยังทำเนียบรัฐบาล และกระทรวงมหาดไทย โดยเร็วที่สุด เพื่อให้รัฐบาลได้รับทราบเจตนารมณ์ของประชาชนชาวพะเยาต่อไป


สมาคมกำนัน-ผญบ.เชียงใหม่ ออกโรงขอสนับสนุน พ.ร.บ.ปรองดอง

เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 55 ที่ผ่านมาไทยรัฐ รายงานว่าที่ทางขึ้นหน้าศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายกิติพงษ์ นกแก้ว นายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอเมืองเชียงใหม่ พร้อมด้วยสมาชิก ประกอบไปด้วย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยฯ สารวัตรกำนันและแพทย์ประจำตำบล เกือบ 100 คน ได้มารอยื่นหนังสือให้ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผวจ.เชียงใหม่ โดยนายกิติพงษ์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า การมายื่นหนังสือในวันนี้ ทางสมาคมฯ พร้อมกับประชาชนใน อ.เมืองเชียงใหม่ รู้สึกไม่สบายใจที่เห็นภาพความขัดแย้งทางการเมืองทั้งในและนอกสภา ซึ่งเป็นภาพลักษณ์ไม่ดีต่อการเมืองไทย ต่อสายตาคนไทยและชาวโลก ทางสมาคมพร้อมกับชาวเชียงใหม่ อยากจะให้สังคมไทยกลับคืนสู่สภาวะปกติ สร้างความปรองดอง ให้อภัยซึ่งกันและกัน จึงมายื่นหนังสือผ่าน ผวจ.เชียงใหม่ไปถึงประธานรัฐสภา และรัฐบาล โดยยืนยันว่าขอสนับสนุนให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาและเห็นชอบรับร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง และไม่เห็นด้วยกับแนวทางของศาลรัฐธรรมนูญ จึงขอเป็นกำลังใจและสนับสนุนให้ท่านประธานรัฐสภาเรียกประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 ต่อไป ซึ่งการมายื่นหนังสือในวันนี้ไม่ได้มีนัยใดๆ พวกตนก็เป็นเพียงประชาชนคนหนึ่งอยากจะเห็นบ้านเมืองสามารถเดินหน้าต่อไปได้ จึงรวมตัวกันมายื่นหนังสือดังกล่าว ต่อมาทาง ผวจ.เชียงใหม่ ได้ลงมารับหนังสือจากนายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้าน พร้อมกับยืนยันว่าจะส่งหนังสือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป


เสื้อแดงเมืองชลฯ ยื่นรายชื่อถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ

เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 55 ที่ผ่านมาไทยรัฐ รายงานว่านางจุรีพร สินธุไพร ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ( นปช.) พัทยา พร้อมกลุ่มคนเสื้อแดงเมืองพัทยา แหลมฉบัง อ.ศรีราชา และ อ.เมืองชลบุรี ประมาณ 300 คน รวมตัวกันถือแผ่นป้ายข้อความ ''กรุณาอย่าละเมิดอำนาจรัฐสภา'' และ ''ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่ไม่ให้รัฐสภาฯ ประกาศแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระที่ 3" เข้ายื่นรายชื่อกลุ่มคนเสื้อแดงเพื่อถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่รวบรวม ได้ประมาณ 1,200 ชื่อ ให้กับ นายคมสัน เอกชัย ผวจ.ชลบุรี ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดฯ หลังรับรายชื่อถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแล้ว นายคมสันได้กล่าวกับคนเสื้อแดงว่า จะนำรายชื่อส่งไปยังกระทรวงมหาดไทยต่อไป จากนั้นกลุ่มคนเสื้อแดงได้เดินทางไปร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช.ที่หน้ารัฐสภา เพื่อสนับสนุนรัฐบาลพิจารณาร่างกฎหมายปรองดองและร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 ทันที


แดงสิงห์บุรีขยับหนุนรัฐแก้รัฐธรรมนูญต่อ

เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 55 ที่ผ่านมาไทยรัฐรายงานว่าที่บริเวณด้านหน้าศาลากลางจังหวัดสิงห์บุรี ต.บางมัญ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี ก็มีประชาชนกว่า 300 คน จาก 6 อำเภอของจังหวัดสิงห์บุรี นัดรวมตัวยื่นหนังสือสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 ต่อนายอัครเดช เจิมศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี เพื่อส่งให้นายพิเชษฐ ไพบูลย์ศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี ผ่านไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยมี 4 ประเด็นหลักดังนี้คือ 1. รัฐธรรมนูญที่ผ่านมาไม่ได้มาจากประชาชนที่แท้จริง แต่เกิดจากรัฐประหาร 2. หน่วยงานอิสระทำงานรับใช้ให้กับกลุ่มบุคคลบางกลุ่ม 3. ต้องการให้ประเทศเดินหน้าเพื่อให้พัฒนาไปสู่ความเจริญ 4. ชาวสิงห์บุรีมีความต้องการให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของชาติ หลังจากนายอัครเดช เจิมศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี รับหนังสือจากผู้ชุมนุมแล้วทั้งหมดจึงได้แยกย้ายกันกลับบ้าน.



.