http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-08-21

หนุ่มเมืองจันท์: โค้ชอ๊อด

.

โค้ชอ๊อด
โดย หนุ่มเมืองจันท์ boycitychan@matichon.co.th www.facebook/boycitychanFC คอลัมน์ ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ
ในมติชนสุดสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1670 หน้า 24


เมื่อเดือนก่อน มีน้องคนหนึ่งถามว่าสัมภาษณ์คนมาเยอะ วันนี้อยากสัมภาษณ์ใครมากที่สุด 
"โค้ชอ๊อด" ผมตอบแบบไม่ต้องคิดเลย
"โค้ชอ๊อด" เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร คือ ผู้ฝึกสอนทีมวอลเลย์บอลหญิงไทย
ผมประทับใจทีมวอลเลย์บอลหญิงไทยมาก เพราะนอกจากเก่งแล้ว ยังใจสู้ และเปี่ยมด้วยความเป็น "ทีม"

แต่ประทับใจ "โค้ชอ๊อด" มากกว่า
ผมอยากรู้ว่าเขาสร้างทีมอย่างไร 
เคยเข้าไปดูในเฟซบุ๊กของหัวหน้าข่าวกีฬาเนชั่นที่ไปทำข่าวการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงชิงตั๋วไปโอลิมปิกครั้งล่าสุด
เขาเล่าถึงวิธีการปลุกเร้านักวอลเลย์บอลหญิงไทยของ "โค้ชอ๊อด" ในคืนก่อนการแข่งขันนัดหนึ่ง
...สุดยอด

วันก่อน เจอนิตยสาร ฅ.คน เล่มใหม่ มีบทสัมภาษณ์ "โค้ชอ๊อด" 
แบบนี้จะพลาดได้อย่างไร 
นิตยสาร ฅ.คน เพิ่งปรับโฉมใหม่ได้ 2-3 เล่ม เรื่องราวอ่านสบายมากกว่าเดิม อย่างเล่มนี้มีหลายเรื่องที่ชอบ
แต่ที่ชอบที่สุด คือ บทสัมภาษณ์ "โค้ชอ๊อด"

ผมเพิ่งรู้ว่าเราเล่นวอลเลย์บอลในยุคใกล้ๆ กัน เพราะ "โค้ชอ๊อด" พูดถึง "มือตบ" ทีมชาติไทยคนหนึ่ง ชื่อ "สมชาย จรรยาศิริ" 
จำได้ว่าตอนที่ผมติดทีมจันทบุรีไปแข่งคัดตัววอลเลย์บอลเขต 2 ที่นครนายก
คำว่า "ติดทีม" หมายถึง ติดไปกับทีมในฐานะ "คูลเลอร์ซ้าย-จ่ายผ้าเย็น" ครับ 
ทุกคนในทีมจำ "สมชาย เบอร์ 10" ของจังหวัดตราดได้เป็นอย่างดี 
เพราะกระโดดที อกพ้นเน็ต
สะบัดข้อมือที บอลกระเด้งสูงเกือบขึ้นชั้น 3
ดังนั้น เมื่อ "สมชาย" ขึ้นตบ ทุกคนจะมองหาที่หลบ และภาวนาว่าอย่าให้ตบมาโดนตัวเรา 
"โค้ชอ๊อด" เล่นทีมชาติอยู่ในทีมเดียวกับ "สมชาย" ก่อนจะเบนเข็มมาเป็น "โค้ช" 

เมื่อ "ฅ.คน" ถามว่าให้ความสำคัญกับ "พรสวรรค์" กับ "พรแสวง" อย่างไร  
เขาให้ความสำคัญกับ "พรแสวง" มากกว่า
อย่างนักวอลเลย์บอลทีมชาติชุดปัจจุบัน ทุกคนมี "พรสวรรค์" ไม่กี่เปอร์เซ็นต์
"บางคนมี 10% 20% ที่เหลือมากกว่า 80% ซ้อมเอาทั้งนั้น"



วิธีคิดของ "โค้ชอ๊อด" คมคายมาก
เขาบอกว่าเราไม่สามารถทำให้นักวอลเลย์บอลหญิงไทยสูงขึ้นได้ 
แต่เราทำให้นักกีฬาของเราเล่นเป็นทีมได้ 

"กีฬาวอลเลย์บอล ผมรู้กระจ่างว่ามันมีอยู่ 3 ทักษะที่มันเป็นแต้ม หนึ่ง คือ การตบ สอง การเสิร์ฟ และสาม การสกัดกั้น"
จับประเด็นได้คม
แต่การสกัดกั้นหรือการบล็อก นั้นก็ต้องใช้ "ความสูง"
เมื่อ "บล็อก" ไม่ได้ ก็ต้องรองรับลูกตบให้ได้
เขาจึงเทรนนักวอลเลย์หญิงไทยในเรื่องการรับลูกตบอย่างหนัก ทั้งตบเอง เอานักกีฬาผู้ชายมาตบ

"ทุกคนต้องอ่านทางบอลให้ได้"
ไม่แปลกที่ทีมหญิงไทยจะขึ้นชื่อเรื่อง "ความเหนียวหนึบ" แบบ "Die Hard"
...ตายยาก 
"โค้ชอ๊อด" เป็นคนนำวิทยาศาสตร์การกีฬามาใช้ในการฝึกซ้อมเยอะมาก

ที่ผมชอบที่สุดคือ เรื่องการฝึกฝนร่างกาย พร้อมๆ กับการฝึกฝนทางจิตใจ

ในการแข่งขันแม้แต้มทุกแต้มล้วนมีค่า
แต่แรงกดดันของแต่ละคะแนนไม่เหมือนกัน 
ใครที่เคยเล่นกีฬาจะรู้ดี 
แต้มปกติ กับแต้มตัดสินแพ้-ชนะ นั้นมีแรงกดดันแตกต่างกัน

ถ้าสมมุติว่าทีมเราได้ 23 แต้ม คู่แข่งได้ 24 แต้ม 
เราเสียแต้มนี้ เราจะเสียเซ็ต และแพ้ไปเลย
รับรองว่าแรงกดดันมหาศาล
ดังนั้น การซ้อมจึงต้องสร้างสถานการณ์สมมุติขึ้นมา เช่น ถ้าแต้มนี้คุณเสีย คุณแพ้ 
"ทุกคนต้องเริ่มต้นใหม่เลย"
หรือ เพื่อสร้างความสามัคคี ตอนวิ่งแข่งกัน ถ้ามีคนใดคนหนึ่งไม่ผ่าน
ทุกคนต้องวิ่งใหม่

เขาบอกว่าการฝึกฝนทางจิตเป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับโค้ชที่จะมอบให้นักกีฬา คือ มอบความลำบากเพื่อให้เกิดความท้าทาย
และสุดท้าย ทุกอย่างจะแสดงผลในสนามแข่งขัน 
"คุณจะเห็นว่าเขาสู้มาก ไม่ย่อท้อ เขาจะสู้ตาย นี่คือ ผลพลอยได้จากการฝึกซ้อมอย่างหนัก"

นักวอลเลย์หญิงไทยเด่นมาก เรื่อง ความเป็น "ทีม"
ทุกคนให้กำลังใจกัน และยิ้มให้กันตลอด
"แพ้ก็ยิ้มได้ ชนะก็ยิ้มได้ แต่ที่สำคัญ คือ ต้องไม่ทำเล่น เล่นสนุกกับทำเล่นไม่เหมือนกัน เล่นให้สนุกแต่ไม่ใช่ทำเล่น"
หลักของ "โค้ชอ๊อด" คือ "ต้องตั้งใจแต่ไม่ซีเรียส"


อีกเรื่องหนึ่งที่ชอบ
คนสัมภาษณ์เห็นวิธีการฝึกซ้อมของ "โค้ชอ๊อด" แล้วสงสัยว่าทำไมบางครั้งนักกีฬาตบลูกลง แต่ "โค้ชอ๊อด" บอกว่า "ออก"

รู้ไหมครับว่าทำไม
"ผมต้องการให้เขายอมรับกับความไม่เป็นธรรมที่มันจะเกิดขึ้น และอาจจะมีในการแข่งขัน ซึ่งเขาต้องผ่านพ้นและเอาชนะให้ได้"
ครับ เพราะถ้าเราโกรธ อารมณ์เสีย ไม่ยอมปล่อยวาง จะส่งผลเสียถึงแต้มต่อไปทันที

ฟังประโยคนี้แล้ว ผมนึกถึง "แก้ว พงษ์ประยูร" ขึ้นมาทันที
...ต้องผ่านพ้นและเอาชนะให้ได้

วันที่ "ญี่ปุ่น" แพ้ "เซอร์เบีย" 3 ต่อ 2 เซ็ต ซึ่งเป็นสกอร์เดียวที่จะทำให้ไทยไม่ได้ไปโอลิมปิก
คืนนั้น นักวอลเลย์บอลหญิงไทยร่ำไห้กันทุกคน เพราะการไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิกสักครั้งในชีวิต คือ ความฝันของทุกคน
รวมทั้ง "โค้ชอ๊อด" ด้วย 
แม้จะเสียใจเพียงใด แต่ "โค้ชอ๊อด" ก็เดินไปปลอบนักกีฬาทุกคนที่ห้องพัก
"ผมบอกทุกคนว่าภูมิใจในตัวเขา ขอบคุณด้วยความจริงใจที่เขาทำหน้าที่ของตนเองได้ดีที่สุด ผมภูมิใจได้ที่เราได้เป็นลูกศิษย์และอาจารย์กัน และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมจะไม่มีวันลืมทุกคน"

"โค้ชอ๊อด" บอกว่าเราจะมัวอยู่กับความโกรธ ความเกลียดไม่ได้ ความโกรธความเกลียดไม่ได้ช่วยให้เราดีขึ้น มันมีแต่ความทุกข์ การที่เราจะโกรธญี่ปุ่นหรือเซอร์เบีย มันไม่ใช่ทางออก 
เพราะสุดท้ายบนเส้นทางของการแข่งขัน 
ไทยก็ต้องเจอกับ 2 ทีมนี้อีก 
"เราจะปล่อยให้เหตุการณ์อย่างนี้มาทำลายชีวิตของเราหรือ เราต้องสู้ ต้องกัดฟัน ต้องอดทนที่จะผ่านมันไปให้ได้"

และตามด้วยประโยคเด็ด
"ถ้าอยากจะร้องไห้ ก็ร้องนะ เราเสียใจได้ แต่ขอให้ทุกคนเข้มแข็งให้เร็วที่สุด แล้ววันหนึ่งเราจะแข็งแรงกว่าที่เป็นอยู่"

ครับ ทุกครั้งที่เราผิดหวัง เราร้องไห้ได้
แต่ต้องเข้มแข็งให้เร็วที่สุด
เพราะชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป 



.