http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-08-12

สุริวงค์: พัดลมยังส่ายหน้า, เคอร์ฟิว...อันตราย

.

พัดลมยังส่ายหน้า
โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน  คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่12
จากมติชน ออนไลน์  วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2555 เวลา 22:39:28 น.


ในทางการเมืองระบอบรัฐสภานั้น โดยปกติคนไทยมักจะเชียร์ฝ่ายค้านให้ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มข้น ชอบนักหนาเวลาฝ่ายค้านออกมาดักคอรัฐบาล ใช้ลีลาเชือดเฉือนเล่นงานฝ่ายรัฐ ดูไป-ฟังไปก็เฮกันสนุกสนาน โดยฝากความหวังเต็มเปี่ยมให้เป็นตัวแทนในการควบคุมฝ่ายบริหาร 
โดยเฉพาะเมื่อฝ่ายค้านเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ได้เตรียมตัวเฝ้าจอทีวี ปูเสื่อเตรียมหมอนนอนดู แบบตั้งใจไม่ลุกไปไหน แทบจะเตรียมกระโถนฉี่มาไว้ใกล้ๆ ด้วยซ้ำ 

แต่ประหลาดไหม ที่เมื่อฝ่ายค้านยุคนี้ ออกข่าวโหมประโคมว่าจะยื่นญัตติซักฟอกรัฐบาลยิ่งลักษณ์แบบจัดหนักหลายประเด็น 
ไม่ทันไร มีสำนักสำรวจความคิดเห็นประชาชนออกทำโพล 
ผลคือ คนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการยื่นไม่ไว้วางใจ
ทำนองว่ารัฐบาลกำลังทำงานไปได้ดี อย่าทำให้การเมืองปั่นป่วนเลยดีกว่า 


แกนนำฝ่ายค้านคงงุนงงไปตามกัน 
กลับเข้าบ้านอาจสะดุ้ง เมื่อเห็นพัดลมส่ายไปส่ายมา 
จนสุดท้ายต้องแสดงท่าทีว่าจะยังไม่รีบยื่นญัตติในเดือนนี้ รอไว้หลัง พ.ร.บ.งบประมาณโน่นเลย
ผู้คนทั่วไปส่วนใหญ่มองว่า เพราะผลโพลสะท้อนอารมณ์ของสังคมออกมาชัดเจนว่าไม่เห็นด้วย ทำให้ฝ่ายค้านต้องตัดสินใจเลื่อนไปก่อน 



ขณะเดียวกัน มองเกมในสภาก็น่าหนักใจแทนฝ่ายค้าน ทั้งเรื่องเอกสารเกณฑ์ทหารอันอื้อฉาว ทำเอาภาวะผู้นำเสื่อมทรุดขนานใหญ่ 

หรือแม้แต่ไฟใต้กำลังลุกโชน เป็นประเด็นร้อนที่สามารถเอามาถลกยิ่งลักษณ์ให้ย่อยยับได้ 
ปรากฏว่ามีข้อมูลเตือนเอาไว้ว่า ตัวเลขสถิติเหตุรุนแรงในช่วง 1 ปียิ่งลักษณ์ ลดลงไปจากรัฐบาลยุคก่อนเสียอีก
อีกทั้งรูปธรรมการแก้ปัญหาของรัฐบาลนี้มีมากมาย 
ทั้งการเยียวยาชดเชยผู้ได้รับผลกระทบจากเจ้าหน้าที่รัฐย้อนหลัง การเข้าไปช่วยเหลือคนไทยที่ข้ามแดนไปทำงานในมาเลเซียหลายแสนคน
ทั้งหลายทั้งปวงคือ 2 ปีของประชาธิปัตย์ ไม่มีรูปธรรมอะไรเลย ในการคลี่คลายสถานการณ์ไฟใต้

การอภิปรายไม่ไว้วางใจจึงทำท่าจะกลับข้างกันเสียมากกว่า

ขณะเดียวกัน พฤติกรรมของฝ่ายค้าน ในช่วงพิจารณาแก้รัฐธรรมนูญ ที่เปิดอภิปรายวนไปวนมาถึง 15 วัน จนแทบจะเป็นครั้งแรกที่มีเสียงเรียกร้องจากชาวบ้านว่า การถ่ายทอดประชุมสภานั้น คงไม่จำเป็นต้องถ่ายกันทุกเรื่องก็ได้มั้ง  
แล้วตามซ้ำด้วยเหตุการณ์บุกไปกระชากประธานสภา ลากเก้าอี้ ปาหนังสือ ปาแฟ้มใส่  
นี่อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผลโพลออกมาแบบไม่สนับสนุนการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านในกรณีนี้ 

เคยมีคำถามมาก่อนหน้านี้แล้วว่า ทำไมสังคมไทยยุคนี้ ซึ่งมีภาพสะท้อนผ่านกระจกสังคมก็คือ สื่อมวลชน บ่งบอกให้รู้ว่า เป็นยุคที่ชาวบ้านไม่ค่อยเชียร์ฝ่ายค้าน 
ถ้ายังเล่นการเมืองแบบไม่มีน้ำหนัก หน้าที่หลักคือคอยจ้องหยิบเรื่องหยุมหยิมมาขยาย เห็นอะไรแวบเดียวก็ลุยทันที ไม่มีการหาข้อมูลเพิ่มเติมให้ชัดเจน 
จะเป็นเรื่องน่าเสียดายไม่น้อย เพราะในระบอบรัฐสภานั้น จำเป็นต้องมีฝ่ายค้าน ไว้ทำหน้าที่ตรวจสอบและคานอำนาจรัฐบาล

เชื่อว่าถึงจุดหนึ่งฝ่ายค้านต้องทบทวนและปรับกระบวนใหม่ ปรับตัวผู้นำให้มีความเป็นผู้ใหญ่ เพื่อกลับมาเป็นขวัญใจประชาชน 
ไม่ใช่กลายเป็นยุคพัดลมยังส่ายหน้า ด้วยรู้สึกว่าประชาชนยังเป็นผู้ใหญ่กว่าอีก



++

เคอร์ฟิว...อันตราย
โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน  คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่12
จากมติชน ออนไลน์  วันศุกร์ที่ 03 สิงหาคม พ.ศ. 2555 เวลา 21:32:09 น.


ระยะ 2 สัปดาห์นี้ ปฏิบัติการก่อความไม่สงบในพื้นที่ไฟใต้ เกิดขึ้นต่อเนื่อง รุกเข้ามาถึงเขตเศรษฐกิจในปัตตานีด้วย จึงสร้างความตื่นตระหนกให้กับสังคมไม่น้อย 
เวลาเกิดเหตุรุนแรงขึ้นแต่ละครั้ง มักเกิดคำถามถึงประสิทธิภาพเจ้าหน้าที่รัฐ
ฝ่ายผู้รับผิดชอบหน่วยงานสำคัญก็จะออกแอ๊กชั่น สั่งการโน่นนี่ 

บางครั้งคิดหรือพูดจาเพียงเพื่อให้ประชาชนรู้สึกว่า มีมาตรการที่เข้มข้นขึ้นแล้วนะ
บางทีสิ่งนั้นเกิดจากความคิดชั่วแล่น ไม่รอบคอบ ถ้าลงมือทำจริงๆ อาจจะเกิดความเสียหายร้ายแรงตามมายิ่งกว่า

ล่าสุดอดีตนายทหารใหญ่ 2-3 คน ที่มีอำนาจหน้าที่เริ่มพูดถึง "เคอร์ฟิว" 
ผู้รู้ในพื้นที่ได้ยินพากันตกใจ 
เคอร์ฟิวคือมาตรการควบคุมและจำกัดเสรีภาพที่ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านมาก 
อาจจะเป็นมาตรการเข้มข้นในการสกัดความเคลื่อนไหวของฝ่ายก่อความไม่สงบ แต่คนส่วนใหญ่ก็โดนสกัดไปพร้อมๆ กัน
โดยเฉพาะชาวมุสลิม ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ใน 3 จังหวัดใต้ กระทบต่อการประกอบกิจทางศาสนาอย่างทันที 


แล้วที่อุตส่าห์ใช้งานการเมืองเพื่อเข้าถึงมวลชนส่วนใหญ่ดึงให้ออกห่างจากฝ่ายก่อการร้าย จนเริ่มได้ผลมากขึ้น 
การให้สภาความมั่นคงแห่งชาติเข้ามาเป็นผู้กำหนดนโยบายของทุกหน่วย โดยนโยบายหลักคือ ลดเงื่อนไขการสร้างความขัดแย้งที่จะนำไปสู่ความรุนแรง เปิดพื้นที่ให้มีการพูดคุยกันอย่างสันติ 
ส่วนกระทรวงยุติธรรมและ ศอ.บต. เดินหน้าเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐทุกเหตุการณ์ 
เป็นการรุกทางการเมืองครั้งสำคัญ สร้างความเข้าใจและความร่วมมือได้อย่างมากโข


แต่แน่นอนในทุกฝ่าย ไม่ว่าจะฝ่ายก่อการร้ายและฝ่ายรัฐเอง ย่อมมีทั้งสายเหยี่ยวและสายพิราบ 
ฝ่ายก่อการที่หัวรุนแรง ย่อมไม่หยุดยั้งปฏิบัติการ 
ฝ่ายรัฐที่เป็นเหยี่ยวก็นั่งคันไม้คันมือ ทำไมไม่ส่งหน่วยรบกวาดล้างกันให้แหลกลาญ


เมื่อผู้ก่อความไม่สงบออกก่อการ เกิดความรุนแรงความสูญเสีย 
เราก็จะตื่นตกใจ โดยไม่มองให้รอบด้านว่าจริงๆ แล้วเหตุการณ์ไม่สงบในรัฐบาลนี้ ลดลงไปมาก ด้วยนโยบายที่ทำอยู่ในขณะนี้  
จังหวะนี้ เหยี่ยวในฝ่ายรัฐจะกระพือปีกตบตีพิราบ พร้อมกับจะหาช่องทางใช้มาตรการเพื่อสนองอารมณ์รุนแรง

เคอร์ฟิวคือมาตรการดุดันเข้มข้น ดุไม่เว้นกับชาวบ้านส่วนใหญ่ 
ลงเอยจะผลักมวลชนกลับไปหาฝ่ายโน้นอีกหรือไม่ 



.