http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-08-28

ฟอร์ม บีฟอร์ ฟังก์ชั่น โดย จอห์น วิญญู

.

ฟอร์ม บีฟอร์ ฟังก์ชั่น
โดย จอห์น วิญญู spokedark.tv www.facebook.com/spokedarktv
ในมติชนสุดสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1671 หน้า 79


อ่านแมกกาซีนในร้านกาแฟ พบบทความเขียนโดยแพทย์ผิวหนัง แสดงความยินดีกับบัณฑิตใหม่ในฤดูกาลรับปริญญาบัตร 
คุณหมอได้เกริ่นถึงความต้องการอย่างยิ่งยวดของทุกคนที่จะดูดีที่สุดในวันสำคัญแห่งชีวิต 
นอกจากจะต้องจ้างช่างภาพที่มั่นใจในฝีมือแบบฝุดๆ ช่างแต่งหน้าทำผมที่มั่นใจในฝีมือแบบฝุดๆ 
กองเชียร์ที่มีคุณภาพแบบฝุดๆ แล้ว ยังมี "ตัวช่วย" อื่นๆ ที่คุณหมอท่านนี้ "ให้ความรู้" แก่ว่าที่บัณฑิตมาแบบเนียนๆ (ซึ่งแกก็ไม่ได้บอกให้ไปทำหรอกนะ) ว่าหากจำเป็น เทคโนโลยีมันก็มีพร้อมอยู่ เช่น เทคนิคการฉีดนั่นฉีดนี่เข้าไปในผิวหนังเพื่อกระตุ้นอะไรซักอย่างให้อะไรซักอย่างมันขาว มันใส มันวิ้ง มันออร่า มันเกิดฉับพลันนะรังสีเปล่งประกายออกมาจากภายใน ว่าไปนั่น 
ลำบากได้โล่ทีเดียว---จะเป็นหนึ่งในบัณฑิตใหม่ปีละสามแสนกว่าคนที่ระบบการศึกษาระดับเหนือชั้นแห่งประเทศสารขัณฑ์ผลิตออกมาเนี่ย


อ่านข่าวหนังสือพิมพ์พาดหัวว่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อนุญาตให้บัณฑิตกะเทย AKA สาวข้ามเพศ แต่งหญิงมารับปริญญาในปีนี้ได้!
ฮูเร! ยี้ฮ่าาาา!

แต่ด้วยข้อแม้เพียงข้อเดียวว่าเธอเหล่านี้จะต้องนำใบรับรองแพทย์มาแสดงว่าเธอ "ป่วย" เป็น "โรคสลับเพศ"
เอาส้งติงนาบหน้าเค้าไปเลยอาจจะดูเหมาะควรกว่านะครับ
องค์การอนามัยโลกประกาศมายี่สิบกว่าปีแล้วว่ารักร่วมเพศไม่ใช่โรค แต่เป็นหนึ่งความหลากหลายทางเพศของมนุษยชาติ
สงสัยข่าวยังมาไม่ถึง

นี่ใช้เวลาเดินทางนานยิ่งกว่ายานคิวริออสิตี้เดินทางไปดาวอังคารอีกสินะ---สงสัยไม่ค่อยมี "คิวริออสิตี้" เท่าไหร่ เลยไม่ค่อยรู้ข่าวคราวอะไรกะเค้า (กร๊าก) 
เหมือนบอกว่าคนผมหยิกไม่มีสิทธินั่งอยู่ในห้องเดียวกันกับคนผมตรงและคนผมหยักศกอ่ะครับ แล้วต่อมาเมื่อมีคนผมหยิกให้เห็นมากเข้าๆ ก็เลยพยายามแสดงความลิเบอรัลโดยการประกาศให้คนผมหยิกเข้ามานั่งได้แต่ต้องยอมรับซะก่อนว่าอาการผมหยิกนั้นเป็นโรคชนิดหนึ่ง ถ้าไม่มีใบอนุญาตเป็นพิเศษนี้ ก็ห้ามเข้าไปนั่งกับคนผมตรงและผมหยักศกอยู่ดี  
ทั้งๆ ที่องค์การอนามัยโลกก็ประกาศไปตั้งนานแล้วว่าอาการผมหยิกนั้นเป็นความหลากหลายทางพันธุกรรมของมนุษย์อย่างหนึ่ง
สงสัยข่าวยังเดินทางมาไม่ถึงสินะ เฮ้ย ไม่ใช่
เพ้อเจ้อแระตู อิอิอิ

ขอส่งสารไปถึงสาวข้ามเพศทั้งหลายนะครับ นี่คือการจับเอาวันสำคัญวันหนึ่งในชีวิตของคุณเป็นตัวประกันเพื่อบังคับให้คุณเอา "ความเป็นคนปกติ" ของคุณไปแลกเป็น "ความบ้า" แล้วเค้าจึงจะ "อนุญาต" ให้คุณ ได้เป็น "ตัวคุณ" ซึ่งอันที่จริงเป็นสิทธิอันชอบธรรมของคุณมาตั้งแต่แรก
โอ๊ย ไปเช่าชุดครุยมาถ่ายรูปก็พอแล้วเหอะ ไปถ่ายทั่วประเทศเลย แต่งหน้าทำผมซักสิบสองลุก จัดไปให้หายอยาก--- 



อ่านหนังสือชีวประวัติเล่มเล็กมีรูปการ์ตูนประกอบของรัฐบุรุษท่านหนึ่งของไทย ซึ่งเน้นเล่าเรื่องในช่วงชีวิตของท่านที่ท่านต้องโดนเกณฑ์ไปเป็นพลทหารทั้งที่ท่านเป็นนักเรียนนอก จบวิชากฎหมายจากประเทศอังกฤษ แม้กระนั้นท่านก็ยังปฏิบัติตามกฎหมายไทยอย่างเคร่งครัด ไปเกณฑ์ทหารเข้ากรมกองตามหน้าที่พลเมืองที่ดีโดยไม่ปริปากบอกใครถึงวุฒิการศึกษา และปฏิบัติตนสงบสำรวมเรียบร้อยเยี่ยงทหารเกณฑ์คนหนึ่ง 
ก็น่าประทับใจดีครับ โดยเฉพาะเมื่อพบว่าเนื้อที่ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ของหนังสือเล่มนี้ หมดไปกับการเล่าเรื่องความลำบากใจของท่าน เมื่อคนเค้าพบว่าท่านมีความรู้ภาษาอังกฤษเข้าขั้นเมพ จึงแต่งตั้งให้ท่านไปเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษแก่บรรดานายทหาร โดยที่ท่านเป็นพลทหาร--- 
ซึ่งปัญหาก็คือใครจะตะเบ๊ะใครก่อนครับ 

ปัญหาเรื่องใครจะตะเบ๊ะใครก่อนนี่แม่งเป็นปัญหาระดับชาติจริงๆ 
ตัวท่านรัฐบุรุษซึ่งเป็นทหารเกณฑ์ท่านก็ไม่ได้คิดมากในการที่ท่านจะต้องตะเบ๊ะนายทหารที่มีฐานะเป็นลูกศิษย์ แต่ปัญหาคือพวกหัวหน้านะสิ (มีเยอะซะด้วย)

กลุ่มแรกมาตรวจชั้นเรียนก็สั่งนายทหารลูกศิษย์ว่าการเป็นครูสำคัญกว่า จึงสั่งให้นายทหารตะเบ๊ะครูที่เป็นพลทหารก่อน แต่พอหัวหน้าอีกชุดนึงมาก็ไม่พอใจแล้วสั่งใหม่ว่า ยศสำคัญกว่า ยังไงพลทหารก็ต้องตะเบ๊ะก่อน ลูกศิษย์ก็ไม่สบายใจ บอกให้อาจารย์ถอดเข็มพลทหารออกก็แล้วกันจะได้เป็นพลเรือน นายทหารจะได้ตะเบ๊ะได้ในฐานะอาจารย์

พอหัวหน้าอีกชุดนึงมาก็เลยว้ากพลทหารอาจารย์อีกว่า การถอดเข็มนั้นผิดระเบียบ ห้ามถอด 
วนเวียนอยู่กับเรื่องนี้ หลายหน้ามากกกกกกกกกก 
ไม่รู้ว่าตกลงได้เรียนภาษาอังกฤษกันบ้างหรือเปล่า 
กว่าคนอ่านจะผ่านเรื่องราวช่วงนี้ของหนังสือไปได้เล่นเอาท้อกันเลยทีเดียว 
นี่แหละน้า มีแต่คนเอาจริงเอาจังกับเนื้อนอกมากกว่าเนื้อใน ลุกดีความสามารถป่นปี้เลยมีให้เห็นเกลื่อน
ฮ่าๆๆ

สนใจกายละเอียดกันมั่งก็ดีนะฮัฟว์
กายหยาบอ่ะ
ละละมันไปมั่งก็ได้ !!!


(จบแนวธรรมมะเฉยเระ)



.