http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-08-31

มั่วชุดดำ, เอาตัวรอด, ตายแล้ว-ฆ่าซ้ำ, ต่างคนต่างคิดต่างทำ, อย่ามั่วนิ่ม ในคอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม

.
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง - ต่อต้าน การเมืองโรคระบาด จาก “ทักษิณ” แพร่มาถึง “อภิสิทธิ์”
คอลัมน์ เมืองไทย 25 น. - “ปราบโกง” ต้องไม่ใช่ล้างแค้น โดย ทวี มีเงิน


- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

มั่วชุดดำ
โดย สมิงสามผลัด 
คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
ในข่าวสดออนไลน์  วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555 เวลา 00:01 น.


"ชายชุดดำ" ยังเป็นมุขเก่าๆ ที่พรรคประชาธิปัตย์งัดขึ้นมาใช้ได้ตลอด 2 ปี 
เป็นข้ออ้าง-สร้างความชอบธรรมในการปราบปรามม็อบเสื้อแดง 98 ศพ

ล่าสุดนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกปชป.ก็ขุดเอาภาพเก่าๆ มาเปิดแถลงเสียใหญ่โต 
เป็นภาพ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ สมัยที่เป็น แกนนำนปช.นั่งแถลงข่าวหลังเวทีชุมนุม โดยมีผู้ชายสวมเสื้อดำ ใส่หมวกไหมพรม ยืนอยู่ข้างหลัง

นายชวนนท์พยายามชี้ให้เห็นว่ามีชาย ชุดดำอยู่ในม็อบเสื้อแดงจริง 
ทั้งที่ข้อเท็จจริงแล้ว หากจำกันได้ภาพดังกล่าวเป็นการแถลงข่าวของแกนนำนปช.ที่เวทีราชประสงค์เมื่อวันที่ 14 เม.ย.53


นายณัฐวุฒิ พา นายมานพ ชาญช่างทอง อาชีพเก็บของเก่าขาย และเป็นการ์ดอาสา มาเปิดตัวยืนยันความบริสุทธิ์ เพราะช่วงนั้นมีการโชว์รูปนายมานพเดินถือปืนเอ็ม 16 ระบุด้วยว่าเป็นชายชุดดำ เป็นทหารพรานปักธงชัย 
นายมานพซึ่งมีหน้าที่วิ่งซื้อหนังสือพิมพ์ให้แกนนำ นปช. ระบุว่า วันที่ 10 เม.ย. เกิดการปะทะระหว่างผู้ชุมนุมกับทหาร โดยผู้ชุมนุมล้อมทหาร 30 นายอยู่ จึงเข้าไปเจรจาให้ทหารปลดอาวุธ ซึ่งทหารก็ยินยอม ตนจึงแบกปืน 3 กระบอก ไปเก็บไว้ที่เวทีชุมนุม 

"ผมเป็นคนเดินนำ ช่างภาพถึงถ่ายรูปผมได้ จริงๆ แล้วผมถือปืนเยอะขนาดนั้น ถ้าจะยิงจะยิงยังไง แรมโบ้คงยิงไม่ได้เหมือนกัน ผมมีอาชีพเก็บของเก่า ไม่เคยเป็นทหารพรานค่ายปักธงชัยตามที่ถูกใส่ร้าย ไปตรวจสอบประวัติผมได้ แล้วที่สำคัญผมมีทหารอีก 30 นาย ที่ยอมปลดอาวุธเป็นพยานให้"


จึงแปลกใจว่าทำไม นายชวนนท์ ถึงยังมั่วนิ่ม ตีกินมุขชายชุดดำอยู่อีก

หรือว่าต้องการเอาใจ "มาร์ค-เทือก" ที่เพิ่งเข้าให้ปากคำคดี 98 ศพไปหมาดๆ 
เพราะทั้งคู่ก็ยังยืนกรานว่ามีชายชุดดำอยู่ในม็อบแดง
เป็น"มุข"อมตะของปชป.งัดขึ้นมาใช้ตลอดในยามคับขัน !?




++

เอาตัวรอด
โดย มันฯ มือเสือ  คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
ในข่าวสดออนไลน์  วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555 เวลา 00:01 น.


จากเหตุการณ์ขัดแย้งในกระทรวงกลาโหม
กระทั่ง พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหมมีคำสั่งย้าย พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกลาโหม และบิ๊กทหารอีก 2 นายไปช่วยราชการสำนักรัฐมนตรีกลาโหม 
หลายฝ่ายโฟกัสไปยัง ผบ.เหล่าทัพโดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ว่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไร 
ปรากฏว่างวดนี้ พล.อ.ประยุทธ์ออกมาแบบกลางๆ ไม่เอียงเข้าข้างฝ่ายใด ทั้งมองว่าเป็นเรื่องภายในกระทรวงกลาโหม ไม่เกี่ยวกับกองทัพบก

ท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์สร้างความผิดหวังให้กับนักการเมืองบางพรรคและบุคคลบางกลุ่ม ที่พยายามนำเรื่องนี้มาขยายให้เป็นประเด็นขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับกองทัพ 
แต่ดูท่าทางจะแป้ก 
เหตุเพราะเรื่องถูก"ตัดตอน"ก่อนจะไปถึงตัว นายกฯ อีกทั้งผบ.เหล่าทัพก็ไม่ได้บ้าจี้ตามคำยุแหย่ 
กล่าวถึงความพยายาม "เสี้ยม" กองทัพกับฝ่ายการเมืองให้แตกกันนั้น มีมาเสมอต้นเสมอปลายตั้งแต่รัฐบาลเพื่อไทยเข้ามาบริหารประเทศ

เพราะฝ่ายยุแหย่เชื่อในตำราเดิมๆ ว่า หากกองทัพงัดข้อกับรัฐบาลเมื่อไหร่ ฝ่ายที่อยู่ไม่ได้ก็คือฝ่ายหลัง


ความเชื่อดังกล่าวนำมาสู่การโหมกระพือว่า เป้าหมายรัฐบาลในการเดินหน้าลุยแหลกคดี 98 ศพจากเหตุการณ์เม.ย.-พ.ค.2553 
ก็เพื่อหาทางเล่นงานทหารและบิ๊กกองทัพตามแรงกดดันของกลุ่มเสื้อแดง 
แต่แผนเสี้ยมก็แป้กแล้วแป้กอีก 

เนื่องจากรัฐบาลและกองทัพทำความเข้าใจตรงกันแล้วว่าบั้นปลายคดี 98 ศพ เป้าหมายแท้จริงอยู่ที่ตัวผู้มีอำนาจสั่งการในตอนนั้น
มากกว่าจะมุ่งเอาผิดเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติ


จะว่าไปแล้วมีแต่อดีตแกนนำรัฐบาลบางคนเท่านั้น ที่พอโดนพนักงานสอบสวนเค้นคอหนักเข้า กลับโยนความผิดไปให้บรรดาแม่ทัพขุนทหารที่อยู่ร่วมใน ศอฉ.ขณะนั้น 
เอาตัวรอดคนเดียวสบายใจเฉิบ



++

ตายแล้ว-ฆ่าซ้ำ
โดย คาดเชือก คาถาพัน  คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
ในข่าวสดออนไลน์  วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2555 เวลา 00:01 น.


ไม่ว่าเวลาจะผ่านมากี่วันกี่เดือนกี่ปี 
ผู้ที่มีอำนาจใน ศอฉ. หรือศูนย์อำนวยการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งรับผิดชอบเหตุการณ์สลายการชุมนุมของประชาชนเมื่อปี 2553 
ก็ยังยืนยันกระต่ายขาเดียวอยู่นั่นแล้วว่า
การตัดสินใจใช้กำลังทหารเข้าสลายการชุมนุมของประชาชนในครั้งนั้น เป็นการกระทำที่ถูกต้อง
ไล่เรียงกันมาตั้งแต่ระดับใหญ่ที่สุด(ในขณะนั้น)อย่าง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
จนกระทั่งถึงผู้บัญชา การเหตุการณ์ตัวจริงอย่างนายสุเทพ เทือกสุบรรณ 

และคนที่เป็นฟันเฟืองสำคัญอย่าง นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภา ความมั่นคงแห่งชาติ
ซึ่งเข้าใจได้ 
เพราะขณะที่นายถวิลเป็นข้าราชการคนแรกๆ ที่ถูกย้ายสลับตำแหน่งเมื่อรัฐบาลชุดปัจุบันเข้ามามีอำนาจ


คดีความเรื่องผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว 98 ศพและผู้ได้รับบาดเจ็บพิการกว่า 2,000 รายของนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ก็ใกล้ตัวเข้ามาทุกที 
ต้องไปให้การที่นั่นที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นศาลหรือ ดีเอสไอ 
วันนี้อาจไปในฐานะพยาน แต่ไม่มีใครกล้ารับประกันว่าพรุ่งนี้หรือวันไหน 'สถานภาพ' ของทั้งสองท่านนี้จะเปลี่ยนไป 
ฉะนั้น เมื่อตัดสินใจทำไปแล้วก็ต้องยืนกรานเอาไว้ให้ถึงที่สุด
ว่าที่ตัดสินใจไป สั่งการไปนั้น ถูกต้องชอบธรรมแล้ว

ตายเจ็บเท่าไหร่ ไม่ใช่เรื่องที่ 'ฉัน' จะต้องไปสนใจ
ใครบอกให้เดินผ่าน 'เขตกระสุนจริง' เล่า 
เพราะทัศนคติที่เห็นชาวบ้านเป็นผักปลาเช่นนี้เอง ถึงเกิดเหตุการณ์ล้อมปราบ สั่งการให้ใช้อาวุธสงครามและกระสุนจริงขึ้นมาได้

แต่หากเห็นว่าความคิดที่ว่านี้เป็น "ทัศนคติอันตราย" แล้ว
ก็ต้องเห็นด้วยว่า วิธีการปกปิดบิดเบือนข้อเท็จจริงในอาชญากรรมที่เกิดขึ้น 
ก็อันตรายไม่แพ้กันหรือยิ่งกว่า


++

ต่างคนต่างคิดต่างทำ
โดย จ่าบ้าน  คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
ในข่าวสดออนไลน์  วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2555 เวลา 00:01 น.


ถึงอย่างไรเหตุร้ายในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตราบเท่าที่ผู้ก่อความไม่สงบยังไม่บรรลุเป้าหมายที่ต้องการ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็น 'อะไร' 
นับวันเหตุที่เกิดขึ้นมักมุ่งไปในทางข่มขู่ภาคเอกชนในเชิงธุรกิจการค้า เช่นการใช้คาร์บอมบ์ กับบริษัทจำหน่ายรถยนต์เป็นเหตุให้รถยนต์ใหม่เสียหายจำนวนไม่น้อย 
แม้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต 
แต่เชื่อว่าเจ้าของและผู้ที่ทำธุรกิจต่างได้รับผลกระเทือน ทางด้านจิตใจไม่น้อย

ตลอดเวลาที่ผ่านมา มีใครต่อใครที่ทั้งรับผิดชอบและมีส่วนรับผิดชอบ ต่างออกมาแสดงความคิดเห็น เสนอแนะ แนวทาง และชี้ถึงปัญหากับการแก้ไขปัญหามากมาย กระทั่งหากนำข้อเสนอและความคิดเห็นทั้งหมดมารวบรวมเรียบเรียงเป็นหมวดหมู่ ก็น่าจะเห็นแนวทางแก้ไขปัญหาความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ 
เท่าที่สดับตรับฟังความคิดเห็น และแนวทางแก้ไขปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องความคิดเห็นของใครคนนั้น ใครคนนี้ แทบว่าไม่มีใครยอมรับความคิดเห็นของใครสักคน หรือหลายคน แล้วนำมาประมวลไปสู่การแก้ไขปัญหาที่แท้จริงอย่างเป็นรูปธรรม
ไม่ใช่หากไม่รับความคิดเห็นของฉัน ฉันก็ไม่ยอมรับความคิดเห็นของเธอ 
สังคมไทยวันนี้เป็นอย่างนี้ไปแล้ว

คือต่างคนต่างมีความคิดเห็นของตัวเอง ไม่มีใครยอม รับความคิดเห็นของใคร แม้แต่ของหน่วยงานหรือหน่วยราชการด้วยกันเอง หน่วยเหนือก็ไม่ยอมรับความคิดของหน่วยล่าง รัฐบาลก็ไม่ยอมรับความคิดของข้าราชการ ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทบว่าไม่ยอมรับคำสั่งของผู้บังคับบัญชา 
จึงเป็นเหตุให้ทหารตำรวจจำนวนหนึ่งต้องบาดเจ็บ ล้มตายเพราะการทำงานที่ไม่ประสานสัมพันธ์กันเท่าที่ควร โดยเฉพาะการตรวจจับตั้งด่านทั้งกลางวันและกลางคืน ปล่อยให้คนร้ายนำคาร์บอมบ์เข้าไปในเขตอันตรายได้ และเป็นเหตุขึ้นทุกครั้ง แม้วันนี้พรุ่งนี้

เป็นอันว่าที่ประชุมก็ว่ากันไป ที่ออกปฏิบัติการก็ทำหน้าที่ต่อไป จะตายจะเจ็บอีกเท่าไหร่ไม่มีใครรู้



++

อย่ามั่วนิ่ม
โดย สมิงสามผลัด 
คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
ในข่าวสดออนไลน์  วันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2555 เวลา 00:01 น.


ยังงุนงงอยู่กับกรณีส.ส.สอบตกของพรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เปิดเผยผลตรวจสอบของคณะอนุกรรมการกรณีการชุมนุมของคนเสื้อแดง เมื่อปี 53 
เพราะรายงานฉบับดังกล่าวไม่ใช่ของใหม่อะไร

เคยเป็นข่าวมาแล้ว ตั้งแต่ปีที่แล้วว่าคณะอนุกรรมการชุดนั้นสรุปแบบขัดสายตาชาวโลก 
ดันฟันธงว่าการสั่งการใดๆ ของรัฐบาลชุดที่แล้ว ถูกต้องเหมาะสมทั้งสิ้น !? 
แบบว่ามีสิทธิ์ชอบธรรมในการสั่งปราบปรามคนเสื้อแดงนำไปสู่การสูญเสีย 98 ศพจนโดนกระแสสังคมต่อต้านรุนแรง 
ในตอนนั้น กก.สิทธิฯชุดใหญ่ต้องปฏิเสธว่าเป็นรายงานที่ยังไม่ผ่านการเห็นชอบ


กระทั่งปชป.เรียกร้องให้เปิดรายงานนี้อีกครั้งเมื่อ 2-3 วันก่อน 
ฉะนั้น มองได้อย่างเดียวว่ามีความพยายามนำรายงานสรุปของคณะอนุกรรมการที่ยังไม่ผ่านการเห็นชอบ มาขยายเป็นประเด็นที่มีประโยชน์ต่อรัฐบาลชุดที่แล้ว 
แบบว่า ปราบม็อบ 98 ศพไม่ผิด !? 
จนล่าสุดนางวิสา เบ็ญจะมโน กก.สิทธิฯ ระบุว่า ข้อมูลที่หลุดออกมาเป็นของเก่า รายงานที่กสม.ทำอยู่ตอนนี้ไม่ใช่อย่างที่เห็น การดำเนินการของ กสม.อยู่ระหว่างประมวลข้อมูลโดยกรรมการทั้งคณะลงมาพิจารณา และมีผู้ทรงคุณวุฒิมาช่วย ต้องทำอย่างรอบคอบ รอบด้าน เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เมื่อเสร็จเป็นรายงานฉบับสมบูรณ์ กรรมการทั้ง 7 คนลงนามแล้วก็จะแถลง



เช่นเดียวกับนพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิฯอีกคน ระบุว่า ประธานคณะกรรมการเชิญผู้ทรงคุณวุฒิมาร่วมพิจารณา เบื้องต้นทราบว่ารายงานฉบับจริงไม่ตรงกับที่สื่อเผยแพร่ออกมา 
ฟังจากกก.สิทธิฯทั้ง 2 คนก็ชัดเจนแล้วว่าแนวทางการตรวจสอบของกก.สิทธิฯชุดใหญ่ คงไม่เหมือนกับที่คณะอนุกรรมการเคยสรุปเข้าข้างคนปราบม็อบ
ดังนั้น อย่ามั่วนิ่มเอารายงานฉบับเก่ามาหวังผลสร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง



+++

ต่อต้าน การเมืองโรคระบาด จาก “ทักษิณ” แพร่มาถึง “อภิสิทธิ์”
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
ในข่าวสดออนไลน์  วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2555 เวลา 00:01 น.


 กรณีกลุ่มเสื้อแดงบางเมือง สมุทรปราการ ร่วมกับ กลุ่มเสื้อแดงปทุมธานี ชูป้ายประท้วง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่สมาคมไต้หวันแห่งประเทศไทย 
 กับกรณีที่กลุ่มเสื้อเหลืองสหรัฐประท้วง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ลอสแองเจลิส 
 เป็นปฏิบัติการทางการเมืองของคนต่างเสื้อสี ต่างเป้าหมาย แม้จะสะท้อนความรู้สึกอันรุนแรง เร่าร้อน แทบไม่แตกต่างกัน 
 เป็นคนละเรื่อง เป็นคนละสาเหตุ เกิดขึ้นในเทศะต่างกัน

 ถามว่าคนของพรรคประชาธิปัตย์รู้สึกอย่างไรกับปฏิบัติการของคนเสื้อเหลืองที่ลอสแองเจลิส 
 แน่นอน รู้สึกต่างกันอย่างยิ่งกับปฏิบัติการของคนเสื้อแดงที่สมุทรปราการ 
 ต่างกันเพราะว่าปฏิบัติการของคนเสื้อแดงพุ่งเป้าไปยัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต่างกันเพราะปฏิบัติการของคนเสื้อเหลืองพุ่งเป้าไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
 เท่านั้นหรือ


 มีจุดร่วมระหว่างปฏิบัติการของคนเสื้อเหลืองที่ลอสแองเจลิส กับ ปฏิบัติการของคนเสื้อแดงที่สมุทรปราการที่สมควรทำความเข้าใจ 
 นั่นก็คือ เป็นปฏิบัติการต่อต้านตัวบุคคล 
 เพียงแต่ที่ลอสแองเจลิสต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพียงแต่ที่สมาคมไต้หวันแห่งประเทศต่อต้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 
 เมื่อต่อต้านสำเร็จก็ให้การจัดงานของสถานที่เหล่านั้นดำเนินต่อไป

 จะแตกต่างก็เพียงแต่ว่าการต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เกิดขึ้นที่ลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา การต่อต้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เกิดขึ้นที่สมาคมไต้หวันแห่งประเทศไทย สมุทรปราการ ประเทศไทย 
 ผลสะเทือนจึงไม่เหมือนกัน


 การต่อต้านตัวบุคคลในลักษณะนี้ปะทุขึ้นตั้งแต่ก่อนรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 เมื่อแม่ค้าซอยละลายทรัพย์ตะโกนด่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 
 ปฏิบัติการนั้นได้รับการยกย่องเชิดชูจากสื่อบางฉบับ 

 จากนั้น ปฏิบัติการต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็แพร่ระบาดไหม้ลาม และขยายวงออกไปแม้กระทั่ง นายสมัคร สุนทรเวช เมื่อเดินทางไปสหรัฐก็ถูกต่อต้าน 
 ทั้งๆ ที่ป่วยหนัก ทั้งๆ ที่พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปแล้ว

 ขณะที่การต่อต้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในส่วนบุคคลเพิ่งปรากฏถี่ขึ้นภายหลังสถานการณ์สลายการชุมนุมเมื่อเดือนเมษายน พฤษภาคม 2553
 ตาย 98 บาดเจ็บ 2,000 
 ไม่ว่าต่อกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ว่าต่อกรณี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ล้วนมีรากที่มา
 เป็นรากที่มาแห่งอารมณ์ เป็นรากที่มาแห่งความไม่พอใจในทางการเมืองที่สั่งสม หมักหมมอยู่ในความรู้สึกของชาวบ้าน กระทั่งไม่สามารถกักเก็บไว้ได้ต้องสำแดงออกมาให้เป็นที่ปรากฏ

 กรรมใดใครก่อ



+++

“ปราบโกง” ต้องไม่ใช่ล้างแค้น
โดย ทวี มีเงิน  คอลัมน์ เมืองไทย 25 น.
ในข่าวสดออนไลน์  วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2555 เวลา 00:01 น.


ผลงาน 1 ปีรัฐบาลแม้การทำงานจะผ่านอย่างเฉียดฉิว แต่การปราบปราม "ทุจริตคอร์รัปชั่น"สอบตก ดูๆ แล้วไม่ว่า รัฐบาลไหนๆ มักไม่ให้ความสำคัญเรื่องปราบปรามทุจริตเหมือนกันหมด รัฐบาลนี้ทำงานมา 1 ปีเพิ่งจะมีพิธีเปิดโครงการต้านคอร์รัปชั่น เมื่อเร็วๆ นี้ 

แต่ก็น่าแปลกใจที่จู่ๆ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็ขุดกรณี "ซีทีเอ็กซ์"ของสนามบินสุวรรณภูมิและกรณีปล่อยกู้อย่างมีเงื่อนงำของอดีตผู้บริหารแบงก์กรุงไทย ที่เงียบหายไปนานจนคนคิดว่าเป็นมวยล้มไปแล้วขึ้นมาปัดฝุ่นกันใหม่ ขณะที่ดีเอสไอก็ให้ความสนใจเรื่องทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลแบบไม่ค่อยปกติ 
ทำเอาคนในพรรคเพื่อไทยวิตกกังวลว่าจะเป็นสัญญาณของขบวนการจ้องล้มรัฐบาลโดยหยิบประเด็นทุจริตมายึดโยงให้พันมาถึงรัฐบาลนี้

อันที่จริงยังมีการทุจริตในโครงการต่างๆ ที่เงียบหายจนคนลืม อย่าง "โครงการซูเปอร์คอมพิวเตอร์"ของกรมอุตุนิยมวิทยาที่เคยอื้อฉาวโด่งดังเป็นอภิโปรเจ็กต์หนึ่ง มีนักการเมืองที่เพิ่งพ้นคุกการเมืองดูแลในฐานะรัฐมนตรี จนป่านนี้ไม่มีใครจำได้ "โครงการคอมพิวเตอร์ 3 พันล้าน"กระทรวงสาธารณสุขยังไปไม่ถึงไหน กรณีรุกที่ดินเขาแพง เกาะสมุย สุราษฎร์ธานี



ยังมีอีกหลายโครงการที่เงียบไปเฉยๆ ต้องเร่งดำเนินการไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลที่แล้วหรือรัฐบาลนี้ 
สดๆ ร้อนๆ กรณีทุจริตงบน้ำท่วมตั้งแต่งบเยียวยาจัดซื้อจัดจ้าง เฉพาะอย่างยิ่งกรณีมีการจัดงบฯ ซื้อเครื่องจักร 300 ล้านไปลงจังหวัดแพร่ที่ฝ่ายค้านอภิปรายในสภา อย่าคิดแค่เป็นเกมการเมือง แต่รัฐบาลในฐานะจำเลยต้องเข้าไปดูข้อเท็จจริง เพราะมีข้อสังเกตถึงความผิดปกติหลายอย่าง ดูจากข้อเท็จจริงจะเห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องซื้อเครื่องจักรมาใช้อย่างถาวรเทียบกับการให้ผู้รับเหมารับช่วงต่อไม่ต้องเสียค่าบำรุงรักษาให้ยุ่งยาก
ที่สำคัญแพร่เป็นจังหวัดเล็กๆ ความเสียหายน้อยกว่านครสวรรค์ อยุธยา ปทุมธานี แต่ได้รับงบประมาณในการจัดซื้อขณะที่จังหวัดเหล่านี้ไม่ได้ ฉะนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปราบปรามทุจริตจะต้องไม่เพิกเฉย จะต้องตรวจสอบหาข้อเท็จจริงให้ได้ รัฐบาลก็ต้องพิสูจน์ว่ามีความตั้งใจในการปราบโกง ไม่ละเว้นแม้แต่คนในรัฐบาล มิเช่นนั้นถูกมองว่าแค่ตีปี๊บ

ชาวบ้านเขาจะรอดูคะแนนปราบคอร์รัปชั่นว่าปีหน้าจะสอบได้หรือสอบตกซ้ำซาก 



.