http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-08-18

ปชป..ต้องตัดกิ่งที่เคยต่อ การเลือกผู้ว่าฯกทม..คือเส้นตาย โดย มุกดา สุวรรณชาติ

.

ประชาธิปัตย์...ต้องตัดกิ่งที่เคยต่อ การเลือก ผู้ว่าฯ กทม...คือเส้นตาย
โดย มุกดา สุวรรณชาติ คอลัมน์ หลักศิลากลางน้ำเชี่ยว
ในมติชนสุดสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1670 หน้า 20


สถานการณ์การเมืองขณะนี้ไม่แรงอย่างที่คิด
ช่วงเวลานี้แม้คนบางกลุ่มไม่อยากปรองดอง แต่ส่วนที่ปรองดองก็ยังมีอยู่ ดองกันได้โดยไม่ต้องมีกฎหมาย แต่ใช้การทูต เพราะมีผู้ยอมรับแล้วว่าทุกอย่างเป็นอนิจจัง การเปลี่ยนแปลงอาจเกิดได้ทุกช่วงเวลา แม่ทัพที่ฉลาดย่อมหาทางถอยไว้สายหนึ่งเสมอ ไม่เชื่อลองถามคนที่ชื่อสนธิทั้งสองดู 
ส่วนเรื่องแกนนำ นปช. จะถูกถอนประกัน ฟ้าคงไม่ผ่าพวกคนดีง่ายๆ เพราะถ้ามีเรื่องสถานการณ์อาจลุกลามได้ โดยพวกไม่อยากปรองดอง

วันนี้รัฐบาลต้องเครียดกับการบริหารที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ฝ่ายค้านก็มีงานจับผิดเต็มมือ เกมเล็กๆ ที่เกิดขึ้นเป็นหมัดแย็บตามปกติ เกมยาวคือแก้รัฐธรรมนูญ แต่เกมใหญ่กำลังจะตามมา ทำให้ทุกพรรคทุกกลุ่มต้องปรับตัว 
เพื่อไทยแตกต้นจากตอไม้ไทยรักไทยที่ถูกโค่นด้วยขวานเผด็จการในปี 2549 ผ่านไปเกือบ 6 ปี การสนับสนุนจากมวลชน เหมือนน้ำมาหล่อเลี้ยงให้ตอไม้แตกต้นไม้ขึ้นมาใหม่ เป็น... เพื่อไทย แต่อนาคตก็มิใช่จะราบเรียบง่ายดาย การถอยเพื่อหวังหลบคมขวาน คมเลื่อยมิใช่ยุทธศาสตร์ที่ถูกต้องทั้งหมด 
แต่เรื่อง...เพื่อไทยแตกจากตอที่ถูกตัด...คงต้องว่ากันยาวในโอกาสต่อไป วันนี้เอาเรื่อง ประชาธิปัตย์...ต้องตัดกิ่งที่เคยต่อ...ก่อนก็แล้วกัน


ปชป. เสียบกิ่งต่อยอดไม่สำเร็จ 

ประชาธิปัตย์เปรียบเหมือนไม้อายุ เกิน 60 ปี เมื่อไม่ใช่บอนไซ ต้นและกิ่งก้านก็ต้องขยายใหญ่เป็นธรรมดา เมื่อเทียบกับตอไม้ที่ถูกตัดทิ้งแบบเพื่อไทยที่มีอายุเพียง 10 ปี นับว่าเก่าแก่กว่ามาก แต่ก็เป็นทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน เพราะไม้แก่ต้องมีกิ่งผุ รากเน่าเป็นธรรมดา นกหนูมากัดแทะ มาพึ่งพิงมากมาย 20 ปี มานี้ แม้ต้นไม่เล็กลง แต่ก็ไม่อาจชูยอดให้สูงเด่นเหนือต้นอื่น ได้แต่รอให้ไม้อื่นถูกโค่นจึงจะรับแดดได้เต็มที่
ในที่สุดเจ้าของสวน ก็ตัดสินใจหากิ่งพันธุ์ที่คิดว่าดีเยี่ยม โดยดัดแปลงพันธุกรรมมาจากต่างประเทศ เข้ามาทดลองปลูกและพัฒนาให้เข้ากับสภาพดินฟ้าอากาศในเมืองไทย 
และในที่สุดก็ตัดสินใจต่อกิ่งพันธุ์พิสดารนี้ โดยต่อแบบเสียบยอดกับต้นตอเดิม แต่ก็เติบโตไม่ทันใจ สุดท้ายต้องใช้ปุ๋ยเร่งการเติบโต ทั้งสีเขียว สีดำ สีน้ำเงินเข้าช่วย 
ในที่สุดกิ่งใหม่นี้ก็ชูช่อแตกดอกออกใบ อยู่ได้สองปี แต่เมื่อมีผลมาให้เก็บกินก็พบว่า ผลไม้จากกิ่งใหม่นี้ มิได้มีรสชาติหวานหอมดังที่คาดหวังไว้ กลับมีทั้งเปรี้ยวหวาน และขมผสมกันไป
แถมภายในยังมีหนอนเจาะไช เพราะไม่สามารถสร้างภูมิต้านทานโรค ในเมืองไทยได้สำเร็จ ตลาดต่างประเทศไม่มีใครยอมรับ
ความล้มเหลวครั้งนี้จะโทษใคร บ้างก็ว่าไม้กลายพันธุ์เอง บางคนก็ว่าเป็นเพราะคนที่ให้ปุ๋ยให้น้ำ แต่เวลาไม่อาจยืดไปได้เรื่อยๆ เพราะสภาพการเมืองบีบบังคับ
ถึงเวลาที่เจ้าของสวนจะต้องตัดสินใจว่าจะต้องทำลายกิ่งพันธุ์ไม้นี้ทิ้งไป หรือเก็บเอาไว้


การเลือกผู้ว่าฯ กทม. จะบีบให้ตัดสินใจ 

หลังการพ่ายแพ้เลือกตั้งปี 2554 มีผู้แนะนำให้เปลี่ยนหัวหน้าและทีมบริหารของ ปชป. แต่ดูเหมือนการเปลี่ยนแปลงที่ผ่านมา เป็นเพียงแค่การแสดงละคร ทุกอย่างยังเหมือนเดิม เจ้าของสวนยังขนปุ๋ยหลากสีเข้าไปเร่งการเติบโต 
หนึ่งปีที่ผ่านมาปรากฏว่าไม่ได้ผล แถมยังเป็นโรคกิ่งเน่าใบเหลืองร่วงหล่นเต็มพื้น 
ดูแล้วโรคนี้อาจขยายลามไปทั่วทั้งต้น ดังนั้น การตัดกิ่งทิ้งใบ จะต้องถูกดำเนินการอย่างจริงจังไม่เกินปลายปีนี้

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร จะหมดสมัยการเป็นผู้ว่าฯ กทม. ในเดือนมกราคม 2556 การเลือกตั้งใหม่น่าจะมีขึ้นในเดือน มีนาคม 2556 ถ้าผู้ว่าฯ ไม่ชิงลาออกก่อนเวลา ดังนั้น การกำหนดตัวผู้แข่งขันของทุกค่ายสำนักจะต้องเกิดขึ้นก่อนสิ้นปี 2555 
การแพ้ชนะในศึกชิงผู้ว่าฯ กทม. จะมีผลต่อการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2558 เพราะการเลือกตั้งที่ผ่านมาเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 ผลการเลือกตั้งใน กทม. พบว่า มีอยู่ถึง 10 เขต ที่ ปชป. ชนะเพื่อไทย โดยคะแนนเหนือกว่าเพียง 1 พัน-4 พันคะแนนเท่านั้น 
สถานการณ์แบบนี้สามารถพลิกกลับไปมาอย่างง่ายดาย 
ดังนั้น ปชป. ต้องกำหนดยุทธศาสตร์การป้องกันซ้อนถึงสองชั้น ทั้งเพื่ออำนาจในการบริหาร กทม. โดยได้เป็นผู้ว่าฯ ต่อ และโยงไปถึงการช่วงชิงชัยชนะการเลือกตั้งในปี 2558


วิเคราะห์การเคลื่อนไหว

ทีมวิเคราะห์มองว่าสถานการณ์การเมืองจากนี้ไป น่าจะมีกลุ่มใน ปชป. ที่ฉลาดพอ เกิดขึ้นเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ การปรับอำนาจภายในพรรค แม้ยังเป็นส่วนน้อยและต้องรอคอยเวลา ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งอยู่นอกพรรค เป็นของคุณชายสุขุมพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ที่มีการแอบฟอร์มกลุ่มกันอย่างลับๆ มานานแล้ว ก่อนการต่อสัญญา BTS จากนั้นก็ประกาศเดินหน้าสู้ 
ถึงวันนี้คุณชายอุตส่าห์ปีนบันไดขึ้นไปเปลี่ยนหลอดไฟ ส่องทางด้วยตนเอง นี่คือการประกาศอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะอย่างไร คุณชายก็จะลงแข่งเพื่อสืบทอดอำนาจการบริหาร กทม. เป็นสมัยที่สอง 
ปชป.จะส่งหรือไม่ส่งก็เป็นเรื่องของ ปชป. เพราะวันนี้มีทีมคุณชายมีความพร้อมทั้งเสบียงกรัง กำลังรบ และทีมที่ปรึกษา ผู้ที่ห้อมล้อมก็วิเคราะห์กันว่าชนะแน่นอน โอกาสอยู่ที่ 75% เพราะเพื่อไทยก็ไม่มีตัวเด็ด แถมยังมีการปัดขาเพื่อชิงการนำใน กทม.

แต่ในพรรค ปชป. เคยวิเคราะห์แล้วเห็นจุดอ่อนของคุณชายหลายด้าน ผลงานที่ผ่านมาก็ไม่มีอะไรชัดเจน กลัวว่า เมื่อส่งลงไปแล้ว จะถูกถลุงจนบอบช้ำ ยืนไม่ครบยก แต่ก็ยังหาตัวเก่งกว่านี้ไม่ได้ 
วันนี้ความคิดผู้ว่าฯ กับฝ่ายนำพรรคเหมือนยืนคนละมุม ยังไม่แน่ว่าใครคิดผิด


ผู้ว่าฯ กทม. กับหัวหน้าพรรค...ใครไปก่อน

ถึงวันนี้ปัญหาทับถมเข้าใส่ ฝ่ายนำ ปชป. มากขึ้นเรื่อยๆ ปัญหาใหญ่เรื่องการล้อมปราบประชาชน ปี 2553 ยังรุมเร้า แต่เรื่องเล็กๆ แค่เรื่องถูกกล่าวหาว่าหนีทหาร ก็แก้ไม่ตก คนที่มีปัญหาตั้งแต่ประวัติการเกิด การทหาร การทำงาน การมือง ทุกเรื่องต้องแก้ตัวหมด ก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว 
ตอนนี้จึงไม่รู้ว่าใครไม่อยากใกล้ใคร เพราะหัวหน้าพรรค ปชป. ก็อาจทำให้ความนิยมของพรรคร่วงหล่นลงไปอีกหลายขีด กว่าจะถึงปลายปี อาจมีผลติดลบ จะดึงเอาคะแนนของคุณชายสุขุมพันธุ์ร่วงลงไปตอนเลือกตั้ง 
สถานการณ์จากนี้ไปอีก 2-3 เดือน จึงเหมือนกับการกุมสภาพดูเชิงของกลุ่มต่างๆ ไม่ใช่เพื่อไทยกับ ปชป. เท่านั้น แต่ยังมีกลุ่มพันธมิตรเสื้อเหลืองที่จะไม่ยอมอยู่นิ่ง กำลังหลักของคุณชาย จึงรอเวลา ตัดสินใจ ไม่ใช่จะรอให้ ปชป. ส่งลงสมัคร แต่อาจจะขอให้ ปชป. อย่ามายุ่ง เพราะอยากจะลงอย่างอิสระเหมือนกับยุคที่ ดร.พิจิตต รัตตกุล เคยทำมาแล้ว แยกออกจาก ปชป. ลงแข่งอิสระและก็ชนะ พลตรีจำลอง ศรีเมือง แบบทิ้งห่าง 

ถ้าไม่ตัดกิ่งที่เป็นโรค ต้นไม้ใหญ่จะติดโรคทั้งต้นและตายในที่สุด ดังนั้น ภายใน 90 วันนี้ ถ้า ปชป. ไม่ตัดกิ่งที่เป็นโรคออก เชื่อว่าคุณชายจะต้องโดดหนีออกมาแน่นอน เพราะต้องใช้เวลามาทำการล้างคราบเก่า เปลี่ยนยี่ห้อ เช็ดถูทาสี ให้ใหม่เอี่ยม 
ถ้าคราบเก่าเช็ดไม่ออก สีใหม่ไม่สดใส เวลาลงสนามต่อสู้ โอกาสชนะก็ยาก


ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับ ปชป.

ถ้าคุณชายสุขุมพันธุ์ ออกมาจาก ปชป. และชนะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. อนาคตของคุณชายและคณะก็จะรุ่งโรจน์ แม้ต้องทำงานประสานกับพรรคเพื่อไทย ก็ไม่ใช่เรื่องยากลำบาก แต่ ปชป. จะหน้าแตก เพราะแสดงว่า การหนีออกไปจาก ปชป. มีคนยอมรับมากกว่า สถานการณ์แบบนี้ กิ่งพันธุ์ที่เป็นโรคก็ต้องถูกตัดทิ้งทันที 
ถ้าย้อนดูอดีต นับตั้งแต่ ดร.พิจิตต หนีออกมา ปชป. ก็ไม่เคยชนะอีกเลย แต่ถ้าคุณชายสุขุมพันธุ์แพ้เลือกตั้ง ปชป. ก็จะถูกด่าอยู่ดีในข้อหาที่ว่า กิ่งที่เป็นโรค ลามไปติดคุณชายสุขุมพันธุ์ ทำให้พ่ายแพ้ 
ผู้วิเคราะห์สรุปว่า ผู้ที่กำหนดว่าเกมนี้จะเดินอย่างไร คือคุณชายสุขุมพันธุ์ ไม่ใช่ฝ่ายนำ ปชป.



ทางเลือก ที่ยังเหลืออยู่ของ ปชป.

สถานการณ์ในวันนี้ ปชป. ต้องปรับปรุงโฉมหน้าโดยด่วน (ยังไม่ต้องพูดถึง นโยบายหรือเรื่องอื่นๆ) มีทางเลือกแรกคือเอาคนในพรรค เช่น อดีต นายกฯ ชวน หลีกภัย กลับมา หรือนำเอาคนรุ่นใหม่ เช่น คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หรือ คุณกรณ์ จาติกวณิช มานำพรรค

ทางเลือกที่สอง ปชป. มีตัวเด็ดที่จะหมดภาระหน้าที่จากต่างประเทศในปลายปีนี้คือ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ สมาชิกเก่าแก่ของพรรค จบโทและเอกจาก ม.ฮาร์วาร์ด เคยเป็น รมว.กระทรวงต่างประเทศ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเลขาธิการอาเซียน จนถึงสิ้นปี 2555
ปัญหาอยู่ที่ว่า ดร.สุรินทร์จะมีบารมีพอและจะกล้าเข้ามาสะสางปัญหาที่ดำรงอยู่ภายในพรรคขณะนี้หรือไม่

การเข้ามาในช่วงที่พรรคตกต่ำ โอกาสที่ตัวเองจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาก็มีมาก ถ้าผิดพลาดขึ้นมา เกียรติภูมิที่พยายามสร้างมาชั่วชีวิตก็อาจทลายลงในแค่ปีเดียว 
นอกจากนั้น โอกาสเป็นนายกรัฐมนตรี ในช่วงที่พรรคตกต่ำก็มีน้อยยิ่งกว่าน้อย บางที ดร.สุรินทร์ อาจจะรอต่อไปอีกสักพักก็ได้



เวลา 6 เดือน จะเร็วเหมือน 6 วัน ดูนายกฯ ยิ่งลักษณ์สิ แวบเดียวก็ผ่าน 300 วันอันตรายมาแล้ว ยืนจนครบ 1 ปี แต่จากนี้ไปจะเป็น 200 วันอันตรายของ อดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ



.