http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-09-09

ประชาสังคมค้าน 3สมาคมเอกชนเร่งรัดรัฐบาลแก้กม. 37ฉบับ ชี้บางฉบับทำร้ายประชาชน

.

ประชาสังคมค้าน 3สมาคมเอกชนเร่งรัดรัฐบาลแก้กม. 37ฉบับ ชี้บางฉบับทำร้ายประชาชน
จาก มติชน ออนไลน์ วันอาทิตย์ที่ 09 กันยายน พ.ศ. 2555 เวลา 14:14:18 น.


ตามที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สมาคม (สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ สมาคมธนาคารไทยจะเสนอต่อนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในวันพุธที่ 12 กันยายนนี้ให้กฎหมาย และกฎระเบียบต่างๆ 37 ฉบับโดยอ้างว่า มีความล้าหลัง และเป็นอุปสรรคต่อการส่งเสริมศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในเวทีโลก 

นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า จากกฎหมายที่ภาคเอกชนต้องการแก้ 37 ฉบับนั้น มีบางฉบับที่ภาคประชาสังคมที่ทำงานด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมเห็นด้วย เช่น พรบ.องค์การอิสระสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ที่ควรต้องนำกฎหมายภาคประชาชนมาร่วมพิจารณา แต่ไม่เห็นด้วยในการเสนอขอแก้ไขในหลายฉบับ เช่น พรบ. ความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าไม่ปลอดภัย  2551, พรบ.สิ่งแวดล้อม  2535 ฯลฯ จึงไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของ กรอ.ที่ให้ตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจ เพื่อพัฒนา ปรับปรุงและแก้ไขกฎหมาย ดังกล่าวข้างต้น ประกอบด้วยผู้แทนภาคเอกชน  ผู้แทนหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง  ตลอดจนนักวิชาการนักกฎหมาย แต่ต้องมีส่วนร่วมจากภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้อง หรือมิเช่นนั้นก็ควรส่งให้คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) ที่มี ศ.คณิต ณ นคร เป็นประธานไปดำเนินการที่มีการรับฟังความคิดเห็นที่รอบด้าน



รศ.ดร.จิราพร ลิ้มปานานนท์ ประธานมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ไม่เห็นด้วยกับ การเสนอแก้ พ.ร.บ. พระราชบัญญัติความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย พ.ศ. 2551ตามที่ กรอ.เสนอ ดังนี้

ข้อ 1.1 เรื่องการกำหนดภาระการพิสูจน์ให้ต่างจากที่กฎหมายบัญญัติไว้ในขณะนี้ ไม่เห็นด้วย เนื่องจากวัตถุประสงค์หลักของกฎหมาย PL คือ การแก้ไขปัญหาในการพิสูจน์ของฝ่ายผู้เสียหายที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าสินค้านั้นไม่ปลอดภัยอย่างไร จำเป็นต้องมีกฎหมายนี้ออกมา โดยที่สินค้าในปัจจุบันไม่ว่าจะผลิตภายในประเทศหรือนำเข้า มีกระบวนการผลิตที่ใช้ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสูงขึ้นเป็นลำดับ การที่ผู้บริโภคจะตรวจพบว่าสินค้าไม่ปลอดภัยกระทำได้ยาก
ข้อ 1.2 ไม่เห็นด้วยกับการเพิ่มข้อยกเว้นความรับผิด เพราะ หากเพิ่มเป็นข้อยกเว้น เมื่อผู้บริโภคได้รับความเสียหายจากสินค้าประเภทนี้ ผู้ประกอบการจะได้ประโยชน์จากข้อยกเว้น หากผู้เสียหายกล่าวอ้างว่า สินค้าไม่ได้มาตรฐานผู้เสียหายต้องมีภาระการพิสูจน์ว่าสินค้าที่ตนได้ใช้นั้นผลิตไม่ได้มาตรฐาน (ตามที่บังคับ)
ข้อ 1.3     สิทธิเรียกร้องความเสียหายจากกฎหมายหลายฉบับ หากผู้เสียหายมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายได้ด้วยกฎหมายหลายฉบับ ให้ผู้เสียหายเลือกใช้สิทธิตามกฎหมายใดกฎหมายหนึ่งเพียงฉบับเดียว อ่านโดยข้อความแล้วไม่เข้าใจว่า จะให้ผู้เสียหายเลือกหรืออย่างไร เพราะในปัจจุบัน มาตรา 3 ก็ให้ใช้กฎหมายที่คุ้มครองมากกว่าเป็นฐานในการเรียกร้อง 
ข้อ 1.4    ความรับผิดระหว่างผู้ประกอบการ ควรกำหนดให้ชัดเจนว่า  ต้องรับผิดเป็นส่วนเท่า ๆ กัน  เว้นแต่ตามพฤติการณ์ศาลจะพิจารณาเป็นอย่างอื่น ประเด็นนี้ไม่เห็นด้วยกับการเสนอเปลี่ยนหลักการในกฎหมายปัจจุบันซึ่งให้รับผิดร่วมกันต่อผู้เสียหาย ตามมาตรา 5 ที่เหมาะสมแล้ว
ข้อ 1.5     ไม่เห็นด้วยกับ คำจำกัดความสินค้าที่ไม่ปลอดภัย แก้ไขคำคำจำกัดความ “สินค้าที่ไม่ปลอดภัย” ให้มีความหมายถึงเฉพาะสินค้าที่ไม่ปลอดภัย เพราะเหตุบกพร่องจากการผลิต การออกแบบ หรือคำเตือนเท่านั้น เพราะความหมายเดิมครอบคลุมดีแล้วในการคุ้มครองผู้บริโภค

นอกจากนี้ยังไม่เห็นด้วยกับการยกเลิก พรบ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ที่เสนอให้ไปใช้พรบ.การแข่งขันทางการค้าแทนนั้น เพราะสินค้าและบริการที่เป้นการผูกขาด กลไกการแข่งขันไม่เกิด ดังนั้นจึงยังจำเป็นต้องมีพรบ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 และต้องแก้ไขพรบ.การแข่งขันทางการค้าเพื่อให้แข่งขันได้จริง




นางสาวสุภัทรา นาคะผิว ผู้อำนวยการมูลนิธิศูนย์คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ ไม่เห็นด้วยกับ การที่สมาคมโรงพยาบาลเอกชนเสนอให้ยกเลิกธรรมนูญสุขภาพที่ไม่ให้ภาครัฐสนับสนุนภาษีหรือสิทธิพิเศษการลงทุนกับธุรกิจการแพทย์ “นายกรัฐมนตรีเป็นผู้บริหารประเทศ เป็นทั้งประธานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ และเป็นประธานคณะกรรมการการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) จะต้องตัดสินใจเพื่อประโยชน์ของคนทั้งประเทศ ซึ่งสาระของธรรมนูญสุขภาพก็ไม่ได้ไปกล่าวโทษภาคธุรกิจที่ทำมาหากิน  แต่ไม่ใช่หน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องไปสนับสนุนธุรกิจทางการแพทย์โดยให้สิทธิพิเศษทางภาษีและการลงทุนซึ่งควรต้องนำมาใช้เพื่อประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ และในประเทศที่เน้นหลักประกันสุขภาพของประชาชน (เช่นที่รัฐบาลนายกฯยิ่งลักษณ์กำลังดำเนินการอยู่)ต่างต้องควบคุมการทำธุรกิจการแพทย์ทั้งสิ้น เพราะจะมีผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมกับประชาชน”


นางสาวเพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยมูลนิธิบูรณนิเวศ ระบุว่า ความเห็นในส่วนที่เกี่ยวกับข้อเสนอด้านสิ่งแวดล้อมและการควบคุมมลพิษ ว่า มีความเห็นต่างกับข้อเสนอ  กกร. เรื่องการแก้ไข พรบ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมฯ พ.ศ. 2535 ในเรื่องการอุทธรณ์คำสั่งในการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม ที่ต้องการให้เอกชนสามารถอุทธรณ์คำวินิจฉัยหรือคำสั่งของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเมื่อรายงานนั้นไม่ได้รับความเห็นชอบ
เหตุผลคือ 1) การพิจารณาอีไอเอเป็นกระบวนการที่เปิดโอกาสให้มีการปรับปรุงรายงได้เป็นขั้นตอนอยู่แล้ว หากว่ารายงานไม่ผ่านความเห็นชอบนั่นหมายถึงว่า โครงการนั้นๆ ย่อมมีปัญหารุนแรงหรือมีความไม่เหมาะสมที่จะให้ดำเนินการจริงๆ หรืออาจจะก่อความเสียหายอย่างมากได้
2) การแก้ไขมาตราใดมาตราหนึ่งเป็นการเฉพาะใน พรบ. สิ่งแวดล้อม 2535 ตามข้อเสนอดังกล่าวเป็นการสะท้อนถึงความเห็นแก่ประโยชน์เฉพาะกลุ่มของภาคธุรกิจโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์โดยรวมในมิติต่างๆ ของประเทศ โดยเฉพาะความยั่งยืนและคุณภาพที่ดีของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวลด้อม ซึ่งการกระทำดังกล่าวไม่ได้นำไปสู่การแข่งขันทางการค้าทียั่งยืนในระยะยาวของประเทศไทยในตลาดโลกแต่อย่างใด เพราะขณะนี้ในสหภาพยุโรปและอีกหลายประเทศก็มีมาตรการส่งเสริมเรื่องความผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและธรรมาภิภาพของเอกชนมากขึ้น
3) พรบ. สิ่งแวดล้อม 2535 ควรมีการแก้ไขทั้งฉบับ เนื่องจาก พรบ. ฉบับปัจจุบันไม่ครอบคลุมปัญหาและความเสียหายอีกหลายอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เช่น
- กรณีการจัดทำอีไอเอควรมีการแก้ไขให้ครอบคลุมไปถึงการศึกษาผลกระทบเชิงพื้นที่ ไม่ใช่รายโครงการ,  และอีไอเอควรมีผลต่อการอนุมัติการก่อสร้างโครงการและการยกเลิกการก่อสร้างโครงการ
- การแก้ไขในประเด็นกองทุนสิ่งแวดล้อมให้ครอบคลุมวัตถุประสงค์ของการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและการเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงชุมชนที่ได้รับผลกระทบด้วย 
- การเพิ่มโทษสำหรับผู้ก่อมลพิษทางแพ่งและทางอาญา เป็นต้น

ไม่เห็นด้วยกับการคัดค้าน ร่าง พรบ. มาตรการการคลังเพื่อสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .. และร่างพระราชกฤษฎีกาที่เกี่ยวข้อง... แต่เห็นว่า ร่าง พรบ. นี้มีประโยชน์ต่อสาธารณะ หากจะมีการปรับปรุงก็ควรเปิดโอกาสให้สาธารณะและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องฝ่ายต่างๆ ให้ความเห็นกับร่าง พรบ. ฉบับนี้อย่างกว้างขวาง

ไม่เห็นด้วยกับการคัดค้านร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์การปนเปื้อนมลพิษในดินและน้ำใต้ดินภายในบริเวณโรงงาน  แต่มีความเห็นเพิ่มเติมว่า ประเทศไทยควรมีการตรากฎหมายย่อยที่ควบคุมและป้องกันการปนเปื้อนมลพิษในสิ่งแวดล้อมทั้งในและนอกพื้นที่โรงงาน รวมถึงการกำหนดมาตรการฟื้นฟู เยียวยาปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรม และการเพิ่มโทษรุนแรงขึ้นกับผู้ก่อมลพิษ




.