http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-09-24

สรกล: “ชุดดำ”หรือ“ใจดำ”, นิทาน“แพะ”

.

“ชุดดำ”หรือ“ใจดำ”
โดย สรกล อดุลยานนท์ คอลัมน์สถานีคิดเลขที่ 12
ในมติชน ออนไลน์  วันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2555 เวลา 20:00:00 น.
(ที่มา คอลัมน์สถานีคิดเลขที่ 12 นสพ.มติชนรายวัน ฉบับวันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2555 หน้า 2 )


ทุกครั้งของการชุมนุมใหญ่ประท้วงรัฐบาลของประชาชนมักจะมี "มือที่ 3" เกิดขึ้นเสมอ 
14 ตุลาคม 2516 ก็มี "มือที่ 3" 
จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าใครยิงปืนจากกองสลาก ใครสั่งให้ตีนักศึกษาตกน้ำที่บริเวณสวนจิตรลดา 

เหตุการณ์พฤษภาคม 2535 ก็มี "มือที่ 3" 
ถ้า พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ไม่ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าเขาคือผู้อยู่เบื้องหลังการหาม พล.ต.จำลอง ศรีเมือง จากสนามหลวงไปยังสะพานผ่านฟ้า 
เป็นคนไล่ตีทหาร และเผาโรงพักนางเลิ้ง 
เราก็คงไม่รู้ว่ามี "มือที่ 3" ในเหตุการณ์ครั้งนั้น

แต่เพราะเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 หรือ พฤษภาคม 2553 "มวลชน" เป็นผู้ชนะอย่างเด็ดขาด 
คำถามเรื่อง "มือที่ 3" จึงหายไปกับสายลม 
พร้อมกับการหรี่ตาให้กับการเผาตึกกองสลาก หรือโรงพักนางเลิ้ง 
จำไม่ได้กับวิธีการต่อสู้ของมวลชนด้วยการขับรถเมล์พุ่งชนแนวทหาร
"ผู้ชนะ" คือ "ผู้ถูกต้อง"


แต่เหตุการณ์ เมษา-พฤษภาฯ "มวลชนเสื้อแดง" ไม่ได้เป็นผู้ชนะ 
เขาเป็น "ผู้แพ้" เหมือนกับนักศึกษาในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 
แต่ประวัติศาสตร์มักเขียนโดย "ผู้ชนะ" 
ตัวละคร "ชายชุดดำ" จึงเกิดขึ้น

ถามว่า "ชายชุดดำ" กับการใช้อาวุธสงครามมีจริงหรือไม่
ตอบว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมี "มือที่ 3" กระทำการเช่นนั้นจริง 
แต่ไม่ได้มีบทบาทถึงขั้นเป็นกองกำลังระดับ 500 คน 
เพราะถ้ายิ่งใหญ่ขนาดนั้น ทหารคงเสียชีวิตมากกว่านี้

และถ้ามีการทำเป็นขบวนการจริง ก็เป็นเรื่องน่าแปลกใจที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ครองอำนาจต่ออีกกว่า 1 ปี กลับไม่สามารถหาหลักฐานเรื่องขบวนการ "ชายชุดดำ" ได้เลย 
"ชายชุดดำจึงเหมือนตัวละครในหน้าประวัติศาสตร์ไทยแค่ 1 บรรทัด แต่สามารถสร้างภาพยนตร์ได้ทั้งเรื่อง 
ที่สำคัญ "ชายชุดดำ" กลายเป็นเหตุผลสร้างความชอบธรรมให้กับการปราบปรามประชาชนด้วยกระสุนจริง  
ซึ่งเป็นตรรกะที่ผิดเพี้ยนอย่างยิ่ง


กรณีที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้เราควรตั้งคำถามทีละขั้นตอน
1.ชายชุดดำมีจริงหรือไม่
2.ถ้ามีจริง ชายชุดดำกลุ่มนี้มีบทบาทแค่ไหนในเหตุการณ์ครั้งนี้
ถึงขนาดเป็นกองกำลังจริงหรือ 
3.แกนนำ นปช.รู้เห็นเป็นใจกับการกระทำของชายชุดดำหรือเปล่า

ความรับรู้ของ "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ-จตุพร พรหมพันธุ์" ในเหตุการณ์นี้จะอยู่ในระดับ พล.ต.จำลอง หรือ "ปริญญา เทวานฤมิตร" ในเหตุการณ์ "พฤษภาทมิฬ" 
รู้กันหรือไม่รู้เรื่องกับการกระทำของ พล.อ.พัลลภ


แต่คำถามที่ 4 สำคัญที่สุด 
ไม่ว่า "ชายชุดดำ" จะมีจริงหรือไม่ หรือเกี่ยวพันกับแกนนำ นปช.ระดับใด
รัฐบาลมีสิทธิปราบปรามประชาชนด้วยกระสุนจริงหรือไม่  มีสิทธิใช้ "พลซุ่มยิง" กับการสลายมวลชนหรือไม่ 
นี่คือ คำถามที่สำคัญที่สุด

และเป็นคำถามที่ "สมชาย หอมละออ" สมควรต้องตอบอย่างยิ่ง



++

นิทาน“แพะ”
โดย สรกล อดุลยานนท์ คอลัมน์สถานีคิดเลขที่ 12
ในมติชน ออนไลน์  วันเสาร์ที่ 08 กันยายน พ.ศ. 2555 เวลา 21:00:19 น.
(ที่มา คอลัมน์สถานีคิดเลขที่ 12  นสพ.มติชนรายวัน ฉบับวันเสาร์ที่ 8 กันยายน 2555 )


กรณีของเด็กหนุ่มตระกูล "อยู่วิทยา" ซิ่งรถหรูเฟอร์รารีชนตำรวจเสียชีวิต กลายเป็น "ข่าวใหญ่" ต่อเนื่องมาหลายวัน
ส่วนหนึ่งเพราะรูปคดีที่ไม่ธรรมดา
ทั้งชนแล้วหนี
ที่สำคัญส่งคนขับรถมาเป็น "แพะ" ก่อนรับสารภาพในเวลาต่อมา

ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ ใครเป็นคนเสนอความคิดแก้ปัญหาแบบ "แพะ-แพะ" ขึ้นมา 
คิดเอง หรือมีคนเสนอแนะ 
คำสั่งด่วนย้าย พ.ต.ท.ปัณณ์ณภณ นามเมือง สวป.สน.ทองหล่อมาช่วยราชการน่าจะเป็นคำตอบได้ระดับหนึ่ง 

ในอดีตเรื่องการหาแพะรับบาปนั้นมักใช้เมื่อเป็นคดีใหญ่แต่หาตัวผู้กระทำผิดไม่ได้ 
เมื่อโดนเร่งคดีมาก กลยุทธ์หนึ่งในการปิดคดีก็คือ การหา "แพะ" 
พอรู้ตัวว่าใครทำ ข่าวก็เริ่มซาลง 
แต่สุดท้ายคดีลักษณะนี้จะจบลงด้วยการสั่งไม่ฟ้อง หรือยกฟ้อง


นานๆ ครั้งจึงจะมีเรื่องการหา "แพะ" เพื่อช่วยเหลือผู้ต้องหา 
อ่านข่าวนี้แล้วทำให้นึกถึงนิทานเรื่องหนึ่งที่มีรุ่นพี่เคยเล่าให้ฟัง 
มีตำรวจจาก 3 ประเทศคือ สหรัฐอเมริกา รัสเซีย และอีกประเทศหนึ่งในเอเชียไปอบรมเรื่องวิธีการสืบสวนสอบสวน 
วิธีการทดสอบฝีมือง่ายมาก

เขาปล่อย "กระต่าย" ตัวหนึ่งเข้าไปในป่า พร้อมคำสั่ง..
"ให้จับกระต่ายตัวนี้ให้ได้ภายในเวลา 1 ชั่วโมง" 
ตำรวจสหรัฐอเมริกาเริ่มก่อน 
เขาใช้เทคโนโลยีระดับสูง ทั้งดาวเทียม เครื่องตรวจสัญญาณทุกระบบค้นหากระต่ายในป่า
1 ชั่วโมงผ่านไปก็ยังหากระต่ายไม่เจอ 
ตำรวจสหรัฐประกาศยอมแพ้

ถึงคิวของตำรวจรัสเซียบ้าง  
เขาเดินลุยป่าราดน้ำมันจนทั่ว หยิบไฟแช็กขึ้นมาแล้วจุดไฟเผาป่า 
1 ชั่วโมงผ่านไป ไฟไหม้ป่าวอดวาย 
แต่สุดท้ายเขาก็หาซากกระต่ายไม่เจอ 
ตำรวจรัสเซียประกาศยอมแพ้

มาถึงคิวตำรวจจากประเทศหนึ่งในเอเชีย 
อาจารย์ปล่อยกระต่ายเข้าป่าผืนใหม่ 
เขาลุยเข้าไปในป่าท่ามกลางความสงสัยของทุกฝ่ายที่เฝ้ามอง 
เพราะไม่มีอุปกรณ์อะไรติดตัวเข้าไปเลย 
พักหนึ่ง เขาก็ลาก "แพะ" ตัวหนึ่งออกมา

อาจารย์ที่สอนส่ายหน้า 
"นี่มันแพะ เราต้องการกระต่าย" 
ตำรวจเอเชียยิ้ม 
"ใจเย็นๆ ใจเย็นๆ"

พูดจบก็หยิบปืนออกมาจ่อไปที่หัวแพะ ก้มตัวลงไปกระซิบเบาๆ ที่หูแพะ 
เจ้าแพะตาเหลือก รีบยกมือขึ้นเหนือหัวแล้วตะโกนลั่น 
"ผมเป็นกระต่ายครับ ผมเป็นกระต่าย"

จนถึงวันนี้รุ่นพี่คนที่เล่านิทานยังไม่ยอมบอกว่าตำรวจจากเอเชียคนนี้มาจากประเทศอะไร 
ที่สำคัญสั่งเสียงเข้มว่าเล่าต่อได้ แต่ห้ามบอกชื่อคนเล่าโดยเด็ดขาด 
เขาไม่อยากเป็น "กระต่าย" 



.