http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-09-19

(การ์ตูนที่รัก) จันทราประกาศิต1,2 โดย นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

.

บทแนะนำของปี 2554

จันทราประกาศิต ตอนที่ 1
โดย นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์  คอลัมน์ การ์ตูนที่รัก
ในมติชนสุดสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 31 ฉบับที่ 1613 หน้า 80


จันทราประกาศิต (Moon light Act) ผลงานของ ฟูจิตะ คาสุฮิโระ ลิขสิทธิ์ของวิบูลย์กิจ สนุกเกินคาด คุ้มค่าเสียเวลาอ่าน 
ดิสนี่ย์มักนำเทพนิยายมาดัดแปลงเป็นหนังการ์ตูนสุขสันต์นิรันดร การ์ตูนญี่ปุ่นนำนิทานโบราณที่เขาจบดีๆ มาดัดแปลงบ้าง ไม่หวานแหวว แต่หฤโหดและเรียลลิสติก 
ทั้งนี้ ยังไม่นับลายเส้นที่ดุเดือด ลงหมึกถมดำกันมันมือ ทำให้ฉากพูดคุยธรรมดา ฉากโวยวายหรือฉากต่อสู้ให้ความรู้สึกและกระตุกอารมณ์โหดๆ ออกมาได้เสมอ เตือนความจำว่านี่คือผลงานของนักเขียน ล่าอสูรกาย ที่เลือดพล่านหน้ากระดาษมาแล้ว 

โจทย์ของนิทานเรื่องนี้คือ เมื่อแสงจันทร์สาดส่องเป็นสีน้ำเงินมายังพื้นดิน โลกนิทานสำหรับเด็กจะเปลี่ยนแปลงไป เหล่าผู้อาวุโสแห่งโลกนิทานจึงตั้งบัญญัติแสงจันทร์ เจ้าหญิงครอบถ้วยเป็นทูตแห่งบทบัญญัติได้เลือก เก็คโค หลานชายคนขายบะหมี่ในโลกของผู้อ่านเป็นผู้ใช้บทบัญญัติ ทำหน้าที่ปราบตัวละครจากโลกนิทานที่เพี้ยนไปให้กลับคืนดังเดิม
เล่ม 2 สนุกมาก


กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีคุณตาคุณยายไปไหว้พระขอเทพประทานพรให้มีบุตร เทพประทานพรให้สองตายายมีบุตรสมใจ แต่เด็กชายนั้นสูงเพียงคืบเดียว เวลาผ่านไป เด็กนั้นโตเป็นหนุ่มแต่ความสูงไม่เปลี่ยนแปลง ตายายเรียกเขาว่า "นักพรตหนึ่งคืบ" 
"ข้าจะเข้าเมืองหลวงและเป็นซามูไรเยี่ยมยุทธ์ขอรับ" นักพรตหนึ่งคืบบอกลาตายายในวันหนึ่ง 
เขามีเข็มเย็บผ้าและฝักดาบฟางข้าวมุ่งหน้าสู่นครหลวงด้วยเรือถ้วยและพายตะเกียบ เขาผ่านอุปสรรคนานาประการจนกระทั่งมาพบเสนาบดีในนครหลวงและสมัครเป็นข้ารับใช้ เสนาบดีนั้นมีบุตรีคนหนึ่ง องค์หญิงชมชอบนักพรตหนึ่งคืบมาก จึงให้เขาอยู่เคียงกายเสมอ ส่วนนักพรตหนึ่งคืบก็คิดอยากเป็นสามีขององค์หญิงจึงวางแผนการ
"องค์หญิงกินข้าวสารอุจิมากิที่ข้าเฝ้าเอาไว้อย่างดีขอรับ" นักพรตหนึ่งคืบแจ้งแก่เสนาบดี ข้าวสารอุจิมากิคือข้าวสารเทพเจ้า "หลักฐานอยู่นี่!" นักพรตหนึ่งคืบพาเสนาบดีไปดูเม็ดข้าวสารที่ยังติดอยู่รอบปากของเจ้าหญิงที่กำลังนอนหลับอยู่
"ลูกสาวประพฤติตนน่าอับอายต้องไล่ไปให้พ้นเขตนครหลวง" เสนาบดีไล่องค์หญิงทั้งที่องค์หญิงไม่รู้เรื่องอะไรเลย นักพรตหนึ่งคืบดีใจออกเดินทางติดตามองค์หญิงไปด้วย ทั้งสองรอนแรมมาถึงเกาะมหัศจรรย์ที่ซึ่งมียักษ์อาศัยอยู่ แม้จะตัวเล็กแต่เชิงดาบเยี่ยม พวกยักษ์เห็นฝีมือร้ายกาจของนักพรตหนึ่งคืบ จึงพากันหนีไป ทิ้งค้อนกายสิทธิ์สมปรารถนาเอาไว้

องค์หญิงตีค้อนนั้นขอพรให้นักพรตหนึ่งคืบมีร่างกายใหญ่ขึ้นเป็นคนปกติ แล้วทั้งสองก็เดินทางกลับปราสาทอย่างมีความสุข
ฝึบ! ปรากฏการณ์มูนสตรัก (moonstruck) เกิดขึ้นแล้ว


"แล้วไอ้นั่นเป็นใครน่ะ" เก็คโคกำลังวุ่นกับการขายบะหมี่หันมาถามเจ้าหญิงครอบถ้วยที่พาชายร่างจิ๋วเกาะบ่ามาด้วยคนหนึ่ง
"เจ้านี่ไม่รู้จักข้า" นักพรตหนึ่งคืบแสยะยิ้ม "ผู้อ่านไร้ปัญญาผิดคาดผู้นี้น่ะหรือเป็นผู้บังคับกฎ" 
เก็คโคหันมาใช้นิ้วดีดนักพรตหนึ่งคืบกระเด็นไป นักพรตหนึ่งคืบสะบัดดาบจิ๋วแทงสวนใส่ปลายจมูกเก็คโคด้วยความเร็วสุดหยั่งคาด ก่อนที่สองคนจะตีกันมากไปกว่านี้ เจ้าหญิงครอบถ้วยชิงอธิบาย "นักพรตหนึ่งคืบออกมาจากหนังสือเล่มเดียวกับข้าเจ้าค่ะ หนังสือนิทานชื่อโอโทงิโซชิ เขากับข้าอยู่ในยุคสมัยที่ใกล้เคียงกันเจ้าค่ะ"
ทันใดนั้น ที่ชานเมือง ยักษ์รถลากตนหนึ่งปรากฏกายฟาดกระบองยักษ์กระหน่ำลงบนพื้นชายฝั่งหนึ่งครั้ง แหลมที่ยื่นออกไปในทะเลหายไปครึ่ง ฝุ่นฟุ้งกระจายครอบคลุมทั้งเมือง "เจ้าคนถ่อยบังอาจเล่นเล่ห์เหลี่ยมกับเจ้าหญิงจนต้องพรากจากหัวอกพ่อแม่" ยักษ์ตาเดียวนั้นคำรามก้อง "ยอมไม่ได้ต้องทุบให้เละ" มันเงื้อกระบองอีกครั้ง "ด้วยกระบองยักษ์นี้" แล้วฟาดลงมาเต็มแรงเป็นครั้งที่สอง ตูม! ลายเส้นและความรุนแรงนั้นประหนึ่งจะฉีกหน้ากระดาษหนังสือการ์ตูนขาดกระจุย
"ข้าคือหนึ่งในยักษ์สองตนที่เป็นตัวประกอบในนักพรตหนึ่งคืบ" ยักษ์รถลากประกาศแก่ท่านชมรมการละคร

ท่านชมรมการละครคือชื่อที่เจ้าหญิงครอบถ้วยเรียกนักเรียนหญิงชั้นมัธยมปลายที่เป็นเพื่อนซี้ของเก็คโค เก็คโคเป็นคนดื้อรั้น มุทะลุดุดัน กระโชกโฮกฮากไม่มีสัมมาคารวะ ก็เป็นท่านชมรมการละครต้องคอยปราบให้อยู่หมัดและบังคับให้คอยช่วยเหลือเจ้าหญิงครอบถ้วยคุ้มกฎแห่งนิทาน 
"คิดว่าไอ้เลวนั่นมันทำอะไรเพื่อให้ได้ครอบครองเจ้าหญิง" ยักษ์รถลากตาเดียวแฉให้ทุกคนรู้ "มันจัดฉากให้ร้ายเจ้าหญิง มันเอาเม็ดข้าวสารไปติดไว้รอบปากตอนเจ้าหญิงหลับ ข้าจะล้างแค้นแทนเจ้าหญิง"
"อีตานักพรตหนึ่งคืบนี่มันเลวสุดๆ เลยนะเนี่ย" ท่านชมรมการละครชักจะเห็นด้วย


จะเห็นว่ามูนสตรักมิใช่เป็นเพียงปรากฏการณ์แสงจันทร์สีน้ำเงินที่ฟาดบนตัวละครแห่งโลกนิทานจนเพี้ยนไป แต่ยังตบหัวผู้อ่านให้เปลี่ยนมุมมองที่มีต่อนิทานโบราณสักเรื่องเสียใหม่ การ์ตูนจันทราประกาศิต จึงมิใช่การ์ตูนโหวกเหวกธรรมดา แต่แทบจะเป็นหนังสือวิจารณ์วรรณกรรมในแบบฉบับการ์ตูนตลกร้ายเลยทีเดียว 
ยักษ์รถลากตาเดียวพร้อมกระบองมหากาฬใช้สัญญาณเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สายพาตัวเองและท่านชมรมการละครไปปรากฏตัวที่ร้านบะหมี่ที่ซึ่งเก็คโค เจ้าหญิงครอบถ้วยและเจ้าตัวการคือนักพรตหนึ่งคืบรออยู่แล้ว เพื่อสะสางบัญชีแค้น 
"โทษทีที่ตัดบทกะทันหัน ทุกท่านกำลังอ่านเรื่องจันทราประกาศิตอยู่" จู่ๆ การ์ตูนขึ้นเรื่องใหม่หน้าตาเฉย "หากย้อนกลับไป 65 ล้าน 5 แสนปีก่อนโน้น อาจมีหลายร้อยสาเหตุที่ทำให้ไดโนเสาร์สูญพันธุ์กะทันหัน" จากนั้นการ์ตูนใช้เนื้อที่หลายหน้าอย่างเคร่งขรึมบรรยายเรื่องอุกกาบาตพุ่งชนโลกด้วยมุม 30 องศาที่เม็กซิโก เกิดฝุ่นฟุ้งครอบคลุมทั่วโลก คิดเป็นน้ำหนัก 8,000 ล้านตัน ส่งผลต่อระบบนิเวศน์ทำให้ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ 
ตอนนี้ยักษ์ฟาดแผ่นดินเกิดฝุ่นครอบคลุมเกาะญี่ปุ่นจนบรรยากาศเปลี่ยนแปลง รัฐบาลสั่งอพยพผู้คนแล้ว ยักษ์ยังไล่ทุบนักพรตหนึ่งคืบไม่เลิก เหลืออีกเพียง 1,600 ล้านตัน คือทุบอีกสองครั้ง โลกก็จะถึงแก่ความพินาศ มนุษยชาติจะดับสูญเหมือนไดโนเสาร์ 

บอกแล้ว การ์ตูนญี่ปุ่นมักละเอียด  
เก็คโคต้องลงมือแล้ว ก่อนที่จะสายเกินไป แต่มันยังไม่ลงมือ 
"ทำไมเจ้าถึงไม่ยอมใช้เจ้าหญิงครอบถ้วยเป็นอาวุธ" นักพรตหนึ่งคืบโวยวายกับเก็คโค



เรื่องของเจ้าหญิงครอบถ้วยจะปรากฏในการ์ตูนเล่มหนึ่ง ตอนนี้กำลังเล่าเล่มสอง เมื่อทุกคนรวมทั้งเก็คโคกำลังของขึ้น รุมกล่าวโทษนักพรตหนึ่งคืบ นักพรตหนึ่งคืบจึงพรรณนาถึงชีวิตที่ยากลำบากของตนเองที่เกิดมาตัวจิ๋ว แม้ตายายที่ขอเขามาก็ซ่อนอาการผิดหวังไม่มิด เขาดั้นด้นออกจากบ้านทนรับการเหยียดหยามนานากว่าจะได้พบเจ้าหญิงที่ยินดีรับเขาไว้เคียงกาย แต่ก็เป็นเพียงตุ๊กตาข้างกาย 
"ตัวเจ้าโตมาเป็นคนปกติตั้งแต่เกิด จะมาเข้าใจหัวอกข้าได้อย่างไร!" มันกู่ร้อง "คิดว่าตัวข้าอยากเกิดมาตัวเล็กเช่นนี้หรือ!!" ปองรัก "ใครอยากตัวเล็กเมื่ออยู่ต่อหน้าคนรักบ้าง!!!" ให้ก้องโลก "ถ้ามีอะไรที่อยากได้ ข้าไม่มีทางได้มาด้วยวิธีธรรมดาอยู่แล้ว คนที่ตัวเล็กอ่อนแอตั้งแต่เกิด จะต้องตัดใจจากสิ่งที่อยากได้ทั้งหมดหรือไง" มันสรุป "ปัดโธ่ ว้อย!!!" 
"ฉันจะไปโวยกะเจ้าหญิงเอง" ท่านชมรมการละครเปิดประตูรถลากเพราะคาดเดาว่ายักษ์ตาเดียวนั้นจับเจ้าหญิงไว้ข้างในตัวรถ "นายเป็นใคร!?!"  
ที่นั่งในรถมิใช่องค์หญิงที่ถูกนักพรตหนึ่งคืบหลอกลวง แต่เป็นยักษ์อีกตนหนึ่งถูกโซ่ยักษ์ล่ามเอาไว้ มันคืออีกหนึ่งในสองของยักษ์ตัวประกอบจากนิทานเรื่องเดียวกัน 
"งั้นไอ้ตัวที่ลากรถคันนี้อยู่เป็นใคร?" ท่านชมรมการละครผงะถอยหลัง 
"แก ไอ้นักพรตหนึ่งคืบ แกทำมากเล่ห์จนข้าต้องพรากจากพ่อแม่" องค์หญิงปิศาจคืนร่างเดิมแล้ว

บัดนี้องค์หญิงปิศาจหน้าตาชั่วร้ายเงื้อกระบองประลัยกัลป์จะฟาดอีกแล้ว แต่เก็คโคก็ยังไม่ลงมือ ที่เก็คโคต้องทำคือใช้ร่างกายเจ้าหญิงครอบถ้วยต่างกระบองฟาดตัวละครเพี้ยนจากโลกนิทานให้หายจากมนต์สะกดของมูนสตรัก แต่เขาไม่อยากใช้ผู้หญิงเป็นเครื่องมือ 
"เหตุใดท่านเก็คโคจึงไม่มองบ้างว่า การที่ท่านเห็นข้าเป็นสตรีเพศนั้นเป็นเรื่องน่าเจ็บใจยิ่งนัก ตัวข้ายินดีเสี่ยงชีวิตเพื่อปฏิบัติหน้าที่เจ้าค่ะ" เจ้าหญิงครอบถ้วยระบายความในใจ "ดังนั้น ท่านไม่ควรแบ่งแยกชายหญิง" 
ถ้ายักษ์รถลากที่แท้เป็นองค์หญิงบุตรเสนาบดีที่ถูกนักพรตหนึ่งคืบหลอก ถ้าเช่นนั้นยักษ์หนึ่งในสองตัวประกอบหายไปไหนอีกตนหนึ่ง เจ้าหญิงครอบถ้วยเมื่อตัดใจมั่นจะไม่พึ่งเก็คโค และจะแก้ไขบทบัญญัติด้วยตนเอง เธอจึงออกตามหายักษ์อีกตนจนพบว่าถูกล่ามขังเอาไว้เช่นกัน กว่าจะถึงตอนนี้ เจ้าหญิงครอบถ้วยได้บรรยายความรู้สึกของสตรีเพศจนหมดสิ้น ส่วนยักษ์ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นจากมุมมองของตนเอง

บอกแล้ว ว่าเป็นการ์ตูนวรรณกรรมวิจารณ์


"ได้โปรด เจ้าหญิงกรุณาคืนสติด้วย" ยักษ์และท่านชมรมการละครพยายามเจรจาสุดฤทธิ์ "ตอนที่โดนนักพรตหนึ่งคืบหลอกน่ะ ท่านได้พยายามแก้ไขความเข้าใจผิดหรือเปล่า ได้พยายามอธิบายให้ท่านพ่อเข้าใจหรือเปล่า" 
"ตัวข้า..." องค์หญิงร่ำไห้แล้ว "โดนหลอกก็ไม่เป็นไร" อ้าว "เพราะว่าตัวข้านั้น" องค์หญิงหลั่งน้ำตาเป็นสายเลือด "รักท่านนักพรตเหลือกิน"
ทุกฝ่ายตกตะลึง ที่ถูกมูนสตรักมิใช่องค์หญิง มิใช่ยักษ์ตัวประกอบทั้งสองตน งั้นเป็นใครกันแน่ 
"อยากทุบเป็นบ้า" คนที่ถูกมูนสตรักแท้จริงเผยโฉมแล้ว "ตอนนี้องค์หญิงเป็นเครื่องมือของข้าแล้ว มา มาทุบอีกสองครั้ง โลกก็จะเข้าสู่ยุคน้ำแข็ง"

เก็คโคลุกยืนแล้ว ในมือมันคือกระบองเจ้าหญิงครอบถ้วยเตรียมออกศึก ถึงเก็คโคจะมีอุดมการณ์ไม่ใช้สตรีเพศ แต่ถึงเวลากลืนอุดมการณ์แล้ว
ใครกันแน่ที่ถูกแสงจันทร์สีน้ำเงินฟาด
โปรดติดตามการ์ตูนไร้สาระที่มีสาระยิ่งนัก



++

จันทราประกาศิต ตอนที่ 2
โดย นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์  คอลัมน์ การ์ตูนที่รัก
ในมติชนสุดสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 31 ฉบับที่ 1614 หน้า 75


เมื่อซินเดอเรลล่าถูกมูนสตรัก ด้วยอาถรรพ์แห่งแสงจันทร์สีน้ำเงิน ซินเดอเรลล่าก็หลุดเข้ามาในโลกนักอ่าน จากสาวน้อยเศษถ่านนั่งรถม้าฟักทองเร่งรีบกลับบ้านให้ทันเที่ยงคืน บัดนี้หล่อนกลายเป็นจ้าวแห่งความเร็วที่พร้อมท้าประลองมฤตยูกับสิงห์นักซิ่งทุกถนน! 
"หากตัวละครจากนิทานเรื่องใดเกิดอาการคลั่งแสงจันทร์แล้วออกจากหนังสือโดยไม่กลับไปภายในห้าวันแล้วล่ะก็... นิทานที่ขาดตัวเอกไปจะต้องสูญสลาย (ดิสแอพเพียร์) เจ้าค่ะ" เจ้าหญิงครอบถ้วยอธิบายเงื่อนไขของหนังสือการ์ตูนชุดนี้เพิ่มเติม 
"หมายความหนังสือจะหายไปสินะ" ท่านชมรมการละคร เพื่อนสาวของเก็คโคขอคำยืนยัน 
"มิผิด รวมถึงความทรงจำที่เคยอ่านด้วย" เจ้าหญิงครอบถ้วยฟันธง 
"สำหรับหนังสือซึ่งเป็นที่อยู่ของพวกเราแล้วถือเป็น..." นักพรตหนึ่งคืบสำทับ "คือความตายสมบูรณ์แบบ"

ที่นิทานเรื่องเจ้าหญิงครอบถ้วยและนักพรตหนึ่งคืบยังไม่สูญสลายหายไปเป็นเพราะสองคนหาตัวแทนไปรับบทของตัวเองในนิทานเอาไว้ก่อนแล้ว ชวนให้เก็คโคต้องทอดถอนใจว่าการ์ตูนญี่ปุ่นช่างไปได้เรื่อยๆ 
ทันใดนั้น เจ้าชายจากนิทานซินเดอเรลล่าก็มาถึงโลกนักอ่านเพื่อขอยืมตัวท่านชมรมการละครไปปลอมตัวเป็นซินเดอเรลล่าขัดตาทัพในโลกนิทานก่อน ระหว่างนี้ขอเก็คโคและเจ้าหญิงครอบถ้วยช่วยบังคับกฎซินเดอเรลล่าให้กลับไปให้จงได้ 
ท่านชมรมการละครเป็นนักเรียนมอปลายเสียเปล่าไม่เคยอ่านหนังสือซินเดอเรลล่าจึงไม่รู้ว่าเป็นซินเดอเรลล่าต้องทำอะไรบ้างทำให้โลกนิทานชุลมุนวุ่นวายไปหมด ในขณะเดียวกันที่โลกนักอ่าน เก็คโคท้าประลองสปีดควีนซินเดอเรลล่าแล้ว

"กลับไปเป็นซินเดอเรลล่าน่ะหรอ ฮ่าๆๆๆ" สปีดควีนแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย "กลับไปอยู่ในหนังสือน่ะหรือ ขอดิสแอพเพียร์ไปยังจะดีกว่า" 
"ทำไมไม่ยอมกลับไปในหนังสือขนาดนั้น" เก็คโคข้องใจ "เธอเคยลำบากแต่ตอนจบเธอมีความสุขแล้วนี่นา ทำไมเอาแต่แข่งรถ ทำไมเอาแต่ใจตัวแบบนี้" 
"เอาแต่ใจงั้นรึ" สปีดควีนเบรกแตกแล้ว เงื้อขายกส้นสูงกระแทกกลางใบหน้าเก็คโคเลือดกระฉูด "เอาแต่ใจเหรอ? ที่ผ่านมาอย่าว่าแต่เอาแต่ใจเลย จะเถียงหรือต่อปากต่อคำคนอื่นยังไม่เคยเลย"
เก็คโคจี้ถูกใจดำสปีดควีนซินเดอเรลล่าแล้ว หล่อนระเบิดคำพูดต่อ "ทั้งตอนแม่ตายแล้วพ่อไปแต่งงานกับแม่เลี้ยง ทั้งตอนพี่สาวติดแม่เลี้ยงทั้งสองมารังแกฉัน ฉันยอมตลอดเพราะไม่อยากมีเรื่องบาดหมาง ตอนเจ้าหญิงจอมเวทมาปรากฏตัวให้ไปงานราตรีของเจ้าชายก็เหมือนกัน ถึงตอนนั้นจะดีใจแต่ว่า... ถึงทุกอย่างจะจบลงด้วยดีแต่ฉันเอะใจว่า... เท่าที่ผ่านมาในชีวิตของฉัน ฉันไม่เคยตัดสินใจอะไรเองเลย คนรอบตัวพูดอะไรฉันก็ได้แต่ทำตามจะได้ไม่มีเรื่องบาดหมางกัน และเมื่อเริ่มทำตามคำบงการไปเรื่อยก็เริ่มมีความสุข?"
"ซินเดอเรลล่าจ๊ะ จากนี้ทุกอย่างจะเป็นของเธอ" เป็นเจ้าชายรูปงามบอก "เธอไม่ต้องทำอะไรเลยแค่อยู่เคียงกายฉันก็พอ" 
"ไม่ต้องตัดสินใจอะไร ไม่ต้องทำอะไร" ซินเดอเรลล่ารำพึง "เราจะต้องเป็นแบบนี้เหรอ? เราต้องใช้ชีวิตแบบนี้จนแก่เหรอ?" แววตาของนังซินฉายแววอำมหิต "ฉันเองก็ทำอะไรเป็น!"

เมื่อเห็นว่าพูดกันไม่รู้เรื่องแน่แล้ว เก็คโคจึงลงแข่งประลองความเร็วและใช้กฎบัญญัติแสงจันทร์ด้วยความช่วยเหลือของเจ้าหญิงครอบถ้วยปราบซินเดอเรลล่าจนได้ 
"ฉันรู้ว่าตัวเองโชคดีกว่าทุกคนในโลก" ซินเดอเรลล่าร่ำไห้ "แต่เรื่องความสุขน่ะ มิใช่สิ่งที่จะให้คนอื่นตัดสินแทน ฉันต้องเป็นคนตัดสินเองสิ!"
จะเห็นว่าจากนิทานซินเดอเรลล่าธรรมดา การ์ตูนญี่ปุ่นลากไปเรื่องสตรีและปรัชญาว่าด้วยเรื่องความสุขได้ จากเรื่องนี้ยังมีเรื่อง พิน็อคคิโอ ฮันเซลกับเกรเธล และนิทานญี่ปุ่นอีกหลายเรื่อง เช่น หมวกหูทิพย์ เศรษฐีฟาง คนวิปลาสกับเจ้าหญิงแตงกวา ข้าวปั้นหมุนกลิ้ง แต่ละเรื่องแต่ละตอนให้ข้อคิดและมุมมองใหม่ที่มีต่อนิทาน โดยมีเก็คโคและเจ้าหญิงครอบถ้วยเป็นตัวยืนโรง

ถึงเล่มห้า เปิดตัวสาวบรรณารักษ์นักอ่านหนังสือ เธอเป็นเด็กมอปลายแสนสวย บุคลิกนิ่งขรึมเรียบร้อย ที่บ้านเป็นร้านหนังสือเก่า ยามว่างที่โรงเรียนไปทำงานบรรณารักษ์ สติปัญญานับว่าเป็นเลิศไม่เป็นที่สอง ทันใดนั้นโลกนักอ่านก็บังเกิดสัตว์ประหลาดตัวสูงใหญ่ส่งเสียงร้องประหลาดแสนน่ากลัว เสียงเหมือนสัตว์หลายประเภทรวมกันเป็นพลังทำลายล้าง 
"บรรณารักษ์ตรงนั้นน่ะ ฉันมีเรื่องอยากจะถามหน่อย" เก็คโคทำมาดเข้มเข้าห้องสมุดชี้หน้าบรรณารักษ์ "มีนิทานเรื่องที่มีสัตว์สี่ตัวร้องไปเรื่อยหรือเปล่า" 
"น่าจะเป็นเรื่องวงดนตรีแห่งเบรเมน จากรวมนิทานกริมม์" สาวน้อยร่างระหงว่า 
ครั้งนี้เป็นสัตว์ทั้งสี่คือไก่ แมว หมา และลาถูกมูนสตรัก มันจึงหลุดจากโลกนิทานเข้าสู่โลกนักอ่านอาละวาดไปทั่ว ขณะเดียวกันสาวน้อยบรรณารักษ์ผู้งดงามและปราดเปรื่องได้รับการติดต่อจากแมวเหมียวอัศวินให้ทำหน้าที่ผู้คุ้มกฎบทบัญญัติแสงจันทร์อย่างเป็นทางการ 
ที่แท้เก็คโคและเจ้าหญิงครอบถ้วยทำงานโดยพลการ!

สัตว์ประหลาดแห่งเบรเมนอาละวาดไปทั่ว กองทัพอากาศญี่ปุ่นส่งเครื่องบินโจมตีมันอย่างหนักหน่วงก็ไม่สามารถหยุดยั้งมันได้ เก็คโคไปอ่านหนังสือมาแล้วจึงรู้จุดอ่อนของมัน 
"ตัวไหนแก่ ต้องโดนทิ้ง!" เก็คโคใช้เครื่องกระจายเสียงพูดกับพวกมัน 
แก่แล้วขนของหนักไม่ได้ แก่แล้วช่วยล่าสัตว์ไม่ได้ แก่แล้วช่วยจับหนูไม่ได้ แก่แล้วจะเอาไปทำอาหาร ทั้งลา หมา แมว ไก่ กลัวที่สุดคือคำนี้ ทำเอาพวกมันยืนซึมไปเลย  
"ทุบทีเดียวให้กลับสภาพเดิม" เก็คโคเงื้อกระบองเจ้าหญิงครอบถ้วยพุ่งเข้าใส่เตรียมฟาดพวกเบรเมน "บังคับกฎบัญญัติแห่งแสง..." 
แต่มิทันขาดคำ เสียงหนึ่งดังขึ้นแทรก พร้อมคมดาบพาดผ่านกรีดกราย "บังคับกฎบัญญัติแห่งแสงจันทร์" ขาดคำสัตว์ในฟาร์มทั้งสี่ก็ขาดเป็นแปดท่อนลอยคว้าง เงาร่างหนึ่งปรากฏตัวถือดาบ มันคือแมวเหมียวอัศวินนั่นเอง "พวกนายเป็นผู้ไร้สิทธิบังคับกฎ"
มันอธิบายต่อไปว่าเดี๋ยวนี้จะทำงานบังคับกฎต้องไปยื่นเรื่องขออนุญาตจากหน่วยงานบังคับกฎและรอการอนุมัติก่อน "ฉันชื่อ อิเดยะ แปโรต์ เป็นทูตมาจากโลกนิทานเรื่องแมวใส่รองเท้าบู๊ต ส่วนท่านผู้นี้คือท่านคุโด ผู้ทรงสิทธิ์บังคับกฎบัญญัติแห่งแสงจันทร์" มันหมายถึงสาวบรรณารักษ์นั่นเอง 

ถึงตอนนี้เก็คโคพบคู่แข่งแล้ว เขาเพียงใช้เจ้าหญิงครอบถ้วยผู้มีวัตรปฏิบัติอันเรียบร้อยต่างกระบองฟาดตัวละครที่คลั่งแสงจันทร์ให้คืนสติกลับโลกนิทาน แต่ อิเดยะ แปโรต์ ลงมือคือสังหาร โดยมีสาวน้อยบรรณารักษ์ผู้เลอโฉมเป็นผู้จัดการ



ถึงเล่มหก ปรากฏร่างเด็กผู้หญิงในชุดสีแดงถือตะกร้าวิ่งผ่านไป "ต้องทำลาย" หล่อนพูดเบาๆ กริยาร่าเริงสดใส ใบหน้าชั่วร้าย แววตาไร้แวว หล่อนจะเป็นใครไปได้นอกจากหนูน้อยหมวกแดง 
หนูน้อยหมวกแดงมาครั้งนี้เพื่อตามล่าล้างแค้นคนสามคน มันลงมือไปแล้วสองคนอย่างสยดสยอง เมื่อมันจะลงมือเป็นครั้งที่สาม เป็น อิเดยะ แปโรต์ ชิงลงมือด้วยอำมหิตยิ่งกว่า ที่แท้แล้วหนูน้อยหมวกแดงมีปมอะไรที่แก้ไม่ได้กันแน่ ทำไมเธอถึงเหี้ยมยิ่งนัก เก็คโคสืบรู้ความจริงแล้วจะทำอะไรได้ อิเดยะ แปโรต์ จะทำอะไร หรือโลกนิทานและโลกนักอ่านจะถึงจุดจบกันครั้งนี้ 

แมวในรองเท้าบู๊ต หรือ Puss in Boots เป็นหนึ่งในหนังสือรวมนิทานของ ชาร์ลส แปโรต์ (Charles Perrault 1628-1703) ตีพิมพ์ในปี 1697 แม้ว่าจะเป็นนิทานเด็กแสนสนุกแต่แมวเหมียวในรองเท้าบู๊ตทั้งโกหก ขี้โกง ขู่กรรโชก และขโมย ทั้งหมดนี้เพื่อให้เจ้านายของตนประสบความสำเร็จ ได้แจ้งเกิด และนำความมั่งคั่งมาให้แก่ตนเองด้วย เป็นวิธีเดียวที่สามัญชนในฝรั่งเศสเมื่อศตวรรษที่ 17 จะเงยหน้าอ้าปากได้ พฤติกรรมของ อิเดยะ แปโรต์ จึงไม่ต่างจากบรรพบุรุษเท่าไรนัก แต่สาวบรรณารักษ์นักอ่านจะยอมให้ใช้เป็นเครื่องมือเหมือนเจ้าชายในนิทานหรือเปล่ายังต้องติดตามกันต่อไป 
หนูน้อยหมวกแดง หรือ Little Red Riding Hood เป็นเรื่องเล่าเก่าแก่มีมาก่อนศตวรรษที่ 17 ก่อนที่ ชาร์ลส แปโรต์ จะนำมาเล่าใหม่และตีพิมพ์ครั้งแรกในหนังสือรวมนิทานเล่มเดียวกันเมื่อปี 1697 ประเด็นทางจิตวิเคราะห์ของหนูน้อยหมวกแดงลึกซึ้งและซับซ้อน ส่วนใหญ่เป็นประเด็นการเจริญทางเพศของเด็กสาว การมีประจำเดือน การพูดกับคนแปลกหน้า ความตาย การเกิดใหม่ พฤติกรรมกินเนื้อคน รวมทั้งเรื่องมนุษย์หมาป่า มีหนังหลายเรื่องและการ์ตูนญี่ปุ่นจำนวนมากพาดพิงหนูน้อยหมวกแดง หนังการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง Jin-Roh หรือ คน-หมาป่า เป็นตัวอย่างหนึ่ง หนังเรื่องล่าสุดออกฉายปีนี้คือ Red Riding Hood ก็ยังนำเรื่องมาตีความใหม่

โปรดหาอ่านตอนจบของหนูน้อยหมวกแดงคลั่งแสงจันทร์เอาเอง



.