http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-09-23

สุรพศ: ‘คนดี’ตามอุดมการณ์ราชาชาตินิยม กับความรับผิดชอบต่อ‘รัฐประหาร’


.

สุรพศ ทวีศักดิ์: ‘คนดี’ ตามอุดมการณ์ราชาชาตินิยม กับความรับผิดชอบต่อ ‘รัฐประหาร’
ในมติชน ออนไลน์ วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2555 เวลา 10:30:00 น.
( และใน www.prachatai.com/journal/2012/09/42783 . . Sat, 2012-09-22 19:30  มีความคิดเห็นท้ายบท )


“คนดีก็มีที่ยืนเยอะ คนไม่ดีก็ยังมีที่ยืนอยู่ หน้าที่ของเราก็คือสร้างคนดีเบียดคนไม่ดีให้ไม่มีที่ยืนในชาติบ้านเมืองของเรา”

นี่คือ"วรรคทอง"ของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษกล่าวให้โอวาทในพิธีมอบทุน"มูลนิธิเปรมติณสูลานนท์"เมื่อวันที่16กันยายนที่ผ่านมาโดยให้เหตุผลว่า
"..สาเหตุที่กระผมต้องนำเรื่องนี้มาพูดเนื่องจากต้องการให้ผู้ที่เป็นแบบอย่างแก่เยาวชนของชาติได้ตระหนักและหันมาให้ความสำคัญกับการสร้างคนดีหากเราที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองช่วยกันพยายามสร้างจิตสำนึกให้เยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติบังเกิดความเข้าใจคุณธรรมจริยธรรมอย่างถ่องแท้ชาติบ้านเมืองของเราจะไม่มีคนโกง..." (คมชัด ลึก 16ก.ย.55)

แม้จะเป็นไปได้ว่าผู้พูดมีเจตนาดีต่อชาติบ้านเมือง(ไม่มีวาระทางการเมืองแอบแฝง?)แต่ในทางข้อเท็จจริงและเหตุผลเราก็ควรตั้งคำถามกับ"วาทกรรมสร้างคนดี-ขจัดคนเลว"อย่างยิ่งว่า ในที่สุดแล้วมันเป็นวาทกรรมที่สร้างปัญหา หรือแก้ปัญหาของระบบสังคมการเมืองตามที่เป็นอยู่กันแน่


ประการแรกพลเอกเปรมถูกยกย่องว่าเป็น"เสาหลักทางจริยธรรม"ของชาติแต่ "จริยธรรมของชาติ"ตามนิยามของเขาเป็นจริยธรรมตาม"อุดมการณ์ราชาชาตินิยม"ที่ถือว่า"ความดี/การเป็นคนดีหมายถึงการซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อชาติ ศาสน์กษัตริย์"ชาติตามนิยามนี้คือภาวะนามธรรมบางอย่างที่เป็นของศักดิ์สิทธิ์(ดังที่พลเอกเปรมมักพูดเสมอๆว่า "ชาติบ้านเมืองเป็นของศักดิ์สิทธิ์”)ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์นั้นอิงอยู่กับความศักดิ์สิทธิ์ของสถาบันกษัตริย์ที่อยู่เหนือการตรวจสอบไม่ใช่ชาติตามนิยามของรัฐประชาธิปไตยสมัยใหม่ที่ถือว่า"ชาติคือประชาชน"ที่มาร่วมกันทำข้อตกลงแบ่งปันสิทธิประโยชน์ต่างๆภายใต้กติกาที่สร้างขึ้นบน"หลักความยุติธรรม"ที่ถือว่าทุกคนมีเสรีภาพและมีความเป็นคนเท่ากัน

ฉะนั้น"จริยธรรมของชาติ"ตามอุดมการณ์ราชาชาตินิยมจึงเรียกร้อง"ความจงรักภักดี"ต่อชนชั้นปกครองที่อยู่เหนือการตรวจสอบซึ่งตรงกันข้ามกับจริยธรรมของชาติตาม"อุดมการณ์ประชาธิปไตย"ที่เรียกร้อง"การตรวจสอบ"บุคคลที่มีบทบาทสาธารณะทุกคนอย่างเท่าเทียมกันตามหลักเสรีภาพ ความเสมอภาคจริยธรรมแห่งสังคมประชาธิปไตยจึงหมายถึงการมีจิตสำนึกและความกล้าหาญในการปกป้องสิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาค ภราดรภาพซึ่งเป็นจริยธรรมที่"เสาหลักทางจริยธรรม"ของประเทศนี้ไม่เคยพูดถึงเลย


ประการที่สองฉะนั้นเมื่อพลเอกเปรมพูดถึง"ความซื่อสัตย์ไม่โกง"เขาจึงเน้นไปที่ความซื่อสัตย์ต่ออุดมการณ์ชาติศาสน์ กษัตริย์ ไม่ใช่ซื่อสัตย์ต่อ"อำนาจของประชาชน"และ"คนโกง"ก็มักจะหมายเฉพาะนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนเป็นหลักไม่ใช่เครือข่ายอำมาตย์ที่เป็นคนดีมีคุณธรรมตามมาตรฐานจริยธรรมที่ยึดอุดมการณ์ราชาชาตินิยม

เมื่อเป็นเช่นนี้จึงไม่มีการตั้งคำถามว่าพลเอกเปรมและบรรดาเครือข่ายอำมาตย์ที่เป็นคนดีมีคุณธรรมตามมาตรฐานดังกล่าวซื่อสัตย์ต่อประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญหรือไม่ เมื่อรัฐธรรมนูญห้ามทหารเกี่ยวข้องกับการเมืองแต่ผู้นำกองทัพกลับให้สัมภาษณ์แสดงความเห็นทางการเมืองผ่านสื่อมวลชนอย่างเป็นปกติเมื่อรัฐธรรมนูญห้ามองคมนตรีเกี่ยวข้องกับการเมือง แต่ประธานองคมนตรีกลับสนับสนุนให้องคมนตรีมาเป็นนายกฯของคณะรัฐประหาร 19กันยา49(สุรยุทธ์เป็นคนดีที่สุด)และกล่าวสนับสนุนหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ให้เป็นนายกฯของรัฐบาลที่ตั้งในค่ายทหาร(ประเทศไทยโชคดีที่ได้อภิสิทธิ์เป็นนายกฯ)เหล่านี้เป็นต้นล้วนแสดงให้เห็น ปัญหา"ความไม่ซื่อสัตย์"ต่อ"รัฐธรรมนูญ"และ"ประชาธิปไตย"


จริงอยู่การที่นักการเมืองโกงงบประมาณแผ่นดินหรือโกงอะไรต่างๆนั้น ก็เป็นการกระทำที่ผิดหลักจริยธรรมทางการเมืองผิดหลักการประชาธิปไตยและผิดกฎหมายแต่การกระทำผิดกฎหมายดังกล่าวนี้ก็เหมือนกับการทำผิดกฎหมายในกรณีอื่นๆเช่น ทำผิดกฎจราจร ปล้นทรัพย์ฆ่าคนฯลฯ  ซึ่งต้องแก้ไขด้วยการเอาผิดทางกฎหมายตามกระบวนการยุติธรรมในระบอบประชาธิปไตย 
ไม่ใช่เรื่องที่บรรดาคนดีมีคุณธรรมตามมาตรฐานอุดมการณ์ราชาชาตินิยมจะถืออภิสิทธิ์เข้ามาทำรัฐประหารเพื่อปราบคนโกง
เพราะ 1)ประชาชนไม่ได้มีฉันทามติให้ทำเช่นนั้น2)รัฐประหารเป็นการปล้นอำนาจประชาชนเป็นความไม่ซื่อสัตย์คดโกงฉ้อฉลอำนาจ สิทธิเสรีภาพของประชาชนเท่ากับอกตัญญูต่อชาติคือ"ประชาชน" และ 3)ไม่มีหลักประกันใดๆว่าบรรดาคนดีมีคุณธรรมที่รวมหัวกันทำรัฐประหารจะไม่โกงเพราะตรวจสอบไม่ได้


ประการสุดท้ายเมื่อมาตรฐานจริยธรรมแห่งชาติตามอุดมการณ์ราชาชาตินิยมขัดแย้งกับมาตรฐานจริยธรรมประชาธิปไตยใน"ระดับรากฐาน"จึงทำให้บรรดาคนดีมีคุณธรรมตามมาตรฐานดังกล่าวอ้างคุณธรรมความดีละเมิดหลักการประชาธิปไตย
เช่น รัฐธรรมนูญห้ามยุ่งการเมืองก็แสดงความเห็นทางการเมืองสนับสนุนฝ่ายการเมืองอย่างเปิดเผย(และไม่เปิดเผย?)
กระทั่งทำรัฐประหารในนามของการอ้าง"คุณธรรมความดี"เพื่อชาติบ้านเมืองอันศักดิ์สิทธิ์
จึงทำให้ "ที่ยืน"ของ"บรรดาคนดี"อยู่ตรงข้ามกับประชาธิปไตยเสมอ
เช่น 
-ที่ยืนในตำแหน่งนายกฯแห่งคณะรัฐประหาร 19กันยาและบนเขายายเที่ยง (ตามวาทะว่า"สุรยุทธ์เป็นคนดีที่สุด") 
-ที่ยืนในตำแหน่งนายกฯอำมาตย์อุ้ม และบนกองศพประชาชน(ตามวาทะว่า"ประเทศไทยโชคดีที่ได้อภิสิทธิ์เป็นนายกฯ")

ฯลฯ



แน่นอนว่าความเสียหายของชาติบ้านเมืองส่วนหนึ่งเกิดจากนักการเมืองโกงงบประมาณแผ่นดินซึ่งพวกเขาเหล่านั้นจะต้องถูกตรวจสอบและถูกดำเนินการตามกฎหมายด้วยกระบวนการยุติธรรมภายใต้ระบอบประชาธิปไตย

แต่คำถามที่สำคัญยิ่งกว่านั้น คือ แล้วบรรดาคนดีมีคุณธรรมที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อรัฐธรรมนูญปล้นอำนาจของประชาชนทำรัฐประหารล้มล้างประชาธิปไตยครั้งแล้วครั้งเล่าล่ะจะต้องรับผิดชอบทางกฎหมายอย่างไร? สังคมควรยอมรับการอ้างความเป็นคนดีมีคุณธรรมเพื่ออยู่เหนือ/ละเมิดรัฐธรรมนูญและฉีกรัฐธรรม ล้มประชาธิปไตยซ้ำซากเช่นนี้ตลอดไปหรือ?



.