http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-09-12

The Tree โดย พรพิมล ลิ่มเจริญ

.

The Tree
โดย พรพิมล ลิ่มเจริญ  คอลัมน์ “ใส่บ่าแบกหาม”
ในมติชนสุดสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 07 กันยายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1673 หน้า 73


เธอจ๊ะ

The Tree เป็นหนังที่สองประเทศร่วมกันผลิต ประเทศออสเตรเลียและประเทศฝรั่งเศส เป็นหนังที่ได้รับเลือกให้ฉายในงานปิดเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ที่จัดเมื่อปี ค.ศ.2010 ปีเดียวกับที่ Uncle Boonmee Who Can Recall His Past Lives ของคุณอภิชาติพงศ์ได้รางวัลปาล์มทองคำนั่นแหละ
หนังดูง่ายๆ แต่สะเทือนใจไปถึงไหนๆ
ในข่าวกล่าวว่า เมื่อหนังฉายจบ ผู้ชมร่วม 2,500 คน ยืนปรบมือให้ยาวนานร่วม 7 นาที
The Tree สร้างจากนิยายเขียนโดย Judy Pascoe นักเขียนชาวออสเตรเลียเรื่อง Our Father Who Art in a Tree และผู้กำกับฯ Julie Bertuccelli เป็นชาวฝรั่งเศส ดูท่าจะสนุกตอนผลิตงานนี้นะ 

มาจากต่างที่ต่างถิ่นกันเลย


เรื่องก็เริ่มที่ครอบครัวโอนีล มีพ่อ มีแม่ ลูกชาย 3 คน และลูกสาว 1 คน 
พ่อทำงานบริษัท house remover บริการย้ายบ้านแบบที่ย้ายทั้งหลัง ยกบ้านขึ้นจากพื้น เอาขึ้นรถ แล้วก็บรรทุกพาไปที่ที่อยากจะไปอยู่ หนังไปถ่ายที่รัฐควีนส์แลนด์ประเทศออสเตรเลีย เมืองที่ไปถ่ายมีบ้านแบบ removal home เยอะแยะ มีใต้ถุน เห็นกันจะจะชัดเจนว่ายกบ้านขึ้นรถได้ แล้วก็เอาไปวางไว้ที่ดินแห่งใหม่ได้ เห็นกันจะจะตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก
บ้านที่อยู่กันก็ตั้งอยู่ไกลออกไปนอกเมือง เลยได้บรรยากาศโล่งโปร่งสบายมาก The Tree ใช้ต้นไม้ใหญ่ยักษ์ 1 ต้น Teviotville Tree ตระกูลเดียวกับต้นมะเดื่อ แผ่รากและกิ่งก้านสาขากว้าง 34 เมตร สูง 20 เมตร เขาว่าหาต้นไม้ให้เข้ากับเนื้อเรื่องก็ใช้เวลาปาเข้าไป 2 ปี ตระเวนดูต้นไม้ร่วมพันต้นเห็นจะได้ ต้องทำ casting ประหนึ่งดารานำ ก็เพราะต้นไม้เป็นพระเอกนี่นะ ดูชื่อเรื่องก็เดาได้ 
เรื่องนี้แม่ไม่ต้องทำงาน

My husband earned enough money for both of us.
สามีฉันหาเงินพอ สำหรับเราทั้งคู่

เหตุผลแบบนี้ดีนะ เวลาใครถามว่าทำงานอะไร ภรรยาไทยชอบตอบว่าเป็นแม่บ้าน ฟังดูไม่เก๋ ออกแนวเก็บกวาดเช็ดล้างถู แบบนี้เก๋มาก สามีหาเงินพียงพอ ดูมีศักดิ์ศรีภรรยากว่ามาก ฉันว่า


แม้พ่อจะเดินทางบ่อยๆ ไม่ได้เป็นพ่อแบบที่อยู่บ้านทุกวันครอบครัวก็ผาสุกดี ไปห่างบ้านพ่อก็โทรศัพท์มาทุกบ่อยทุกวัน 
วันหนึ่ง พ่อก็กลับบ้าน ขับรถมาเจอลูกสาวกับเพื่อนกลางทาง ก็รับขึ้นรถ พาเพื่อนลูกไปส่งบ้านที่อยู่ละแวกเดียวกัน

Keep your head down, darling. 
อย่าซ่าให้มากนักนะจ๊ะ

พ่อและลูกโบกมือลาเพื่อนลูก กล่าวลาแบบขำๆ
Keep your head down ในหมู่เพื่อนนักกอล์ฟ ก็แปลไปตรงตัวแปลว่า เก็บคอ ก้มหน้าลง เวลาจะสวิงลูก ในกรณีนี้ไม่มีใครตีกอล์ฟ ก็แค่อยากบอกว่า ไม่ต้องทำตัวให้โดดเด่น อยู่อย่างปกติธรรมดา ไม่หาเรื่องไม่มีเรื่องก็พอแล้ว

แต่ฉับพลันทันใด รถกำลังจะเข้าจอดหน้าบ้าน พ่อก็เกิดอาการหัวใจวาย พ่อดับเครื่องยนต์ได้ทันก่อนหมดสติไป รถชะลอไปชนต้นไม้พอดี หนูซีโมนลูกสาวที่อยู่บนรถด้วย ตกใจ
พ่อสิ้นลมต่อหน้าต่อตา

ในงานศพ ทำไมไม่มีใครร้องไห้เลยล่ะ หนูซีโมนถามเพื่อนรัก

That"s how it is when people are really sad.
คนเราเวลาเสียใจอะไรมากๆ ก็เป็นแบบนี้แหละ

โถๆ น่าเอ็นดู 8 ขวบแค่นี้ อุตส่าห์หาคำมาปลอบเพื่อน



พอพ่อตาย แม่ก็เอาแต่ทุกข์ตรมระทมเศร้าปล่อยให้ลูกดูแลกันเอง

They still haven"t engraved his name.
It"s been two months.
ยังไม่สลักชื่อพ่ออีก 
ปาเข้าไปสองเดือนแล้ว

แม่ไม่ใส่ใจในทุกสิ่ง หลุมฝังศพพ่อยังไม่เรียบร้อย ทำไมแม่ก็เฉยเฉื่อยชาใส่ได้ เรื่องสำคัญขนาดนี้ 
อยู่มาวันหนึ่ง หนูซีโมนก็มาแอบกระซิบแม่ว่า รู้แล้วว่าพ่ออยู่ไหน

I heard him.
หนูได้ยินเสียงพ่อ

หนูซีโมนบอกสั้นๆ 
วันๆ ถ้าไม่ไปโรงเรียน หนูน้อยก็เอาแต่ปีนป่าย อาศัยบนต้นไม้ จนแม่ชักเริ่มเป็นห่วงเป็นกังวล 
ข้างฝ่ายต้นไม้ก็มาก่อปัญหาเสียได้ รากที่ชอนไชทำเอาระบบท่อส่งน้ำรวน ข้างบ้านก็บ่นว่ารากชอนไชไปถึงรั้วและทำรั้วพัง ซ่อมซ้ำแล้วซ้ำอีกมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว

It"s not his fault. 
ไม่ใช่ความผิดของเขา

เรียกต้นไม้ว่า "เขา" ก็เพราะวิญญาณของพ่ออยู่ในนั้น 
เพื่อนรักเป็นอีกคนที่หนูน้อยซีโมนบอกความลับ เพื่อนรับรู้โดยดีแต่แค่แปลกใจ

I thought people came back 
as animals, not plants.
ฉันนึกว่าคนจะกลับมาในร่างสัตว์
ไม่ยักเคยนึกว่าจะเป็นต้นไม้


แต่ความจริงคือ ทั้งแม่และลูกน้อยซีโมนต่างผลัดกันมาเอนอิงพิงต้นไม้ แค่คนละเวลา สองคนไม่เห็นว่าตัวเองก็ผูกพัน  
จากนั้น แม่ก็ออกไปทำงาน จะให้รอรับเงินจากลุงอย่างเดียวเห็นจะไม่ได้และไม่งาม 
แม่ได้พบเจอเพื่อนใหม่ แม่พาเพื่อนชายคนสนิทมาบ้าน มีเทศกาลแม่ก็ชวนมาร่วมงาน 
หนูซีโมนไม่อยากร่วม

It"s our first Christmas without Dad. 
And you don"t care!
นี่เป็นคริสต์มาสที่ไม่มีพ่อครั้งแรก 
แต่แม่ก็ไม่แคร์!

หนูซีโมนเองก็ไม่แคร์ พูดใส่แม่เสียงดังกลางงาน แล้วก็วิ่งหนีไป 
แม่ก็อุตส่าห์ตามไปปรับความเข้าใจ

But I"m certain that Dad wants us to enjoy ourselves. 
And we"re going to miss him for as long as we live
but we"re going to have to learn
to live with that.
แม่ว่าพ่อต้องอยากให้เราสนุก 
แล้วเราจะคิดถึงพ่อตลอดไป 
เราจะเรียนรู้จะอยู่อย่างนี้ให้ได้
อยู่แบบไม่มีพ่อ เป็นไปได้อย่างไร

หนูซีโมนตอบว่าไม่ 

ไม่เข้าใจวันนี้ วันหน้าก็ยังมี



แต่ต้นไม้ที่คิดว่าพ่ออยู่ในนั้นนั่นน่ะสิ พอโดนลมแรงเข้า กิ่งไม้ใหญ่หนาหนักก็หักโครมลง ทำเอาผนังบ้านพังไปทั้งแถบ ก็ซ่อมกันไป หนูซีโมนไม่ยอมให้โค่น 
อย่างไรก็ดี หนูต้องได้โอกาสในการเรียนรู้ ลมแรงมันก็ไม่ได้พัดผ่านมาหนเดียว 
The Tree เป็นหนังชีวิต เศร้าๆ แต่ชีวิตมีความหวัง The Tree เป็นหนังที่ดีมากๆ เลย

ฉันเอง 




.