http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-09-03

กลยุทธ์ ยิ่งลักษณ์ กลยุทธ์“น้ำไหลนิ่ง” สูตร‘อาจารย์ชา’

.
คอลัมน์ ถุงแดง ในข่าวสดรายวัน - จำนำข้าว

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

กลยุทธ์ ยิ่งลักษณ์ กลยุทธ์ “น้ำไหลนิ่ง” สูตร ‘อาจารย์ชา’
ใน มติชน ออนไลน์  วันจันทร์ที่ 03 กันยายน พ.ศ. 2555 เวลา 13:00:52 น.


กลยุทธ์ของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เห็นและเป็นอยู่ในบาทก้าวย่างเข้าปีที่ 2 เด่นชัดอย่างยิ่งว่า พยายามรักษาสมาธิได้อย่างยอดเยี่ยม
เป็นกลยุทธ์อันอาจเรียกได้ว่า "น้ำไหลนิ่ง"

ใครที่เป็นศิษย์สาย พระอาจารย์ชา สุภัทโท แห่งวัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี จะเข้าใจ
1 เข้าใจในอาการไหลของน้ำ 
ขณะเดียวกัน 1 ซึ่งสำคัญเป็นอย่างมาก คือ เข้าใจในอาการไหลอย่างนิ่ง ไหลอย่างสงบ สม่ำเสมอ 
เป็นการเคลื่อนไหวอย่างมีสติ เป็นการเคลื่อนไหวอย่างเปี่ยมด้วยสมาธิ

ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของกระทรวงกลาโหม ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการบริหารจัดการน้ำและป้องกันอุทกภัย 
เดินไปข้างหน้าอย่างมั่นแน่ว 
ไม่หวั่นไหว ไม่วอกแวก กุมเป้าหมายอย่างมั่นคง นั่นก็คือ ต้องการสร้างเอกภาพ สร้างความสามัคคี เพื่ออาศัยเงื่อนไขเหล่านี้เป็นเหมือนกระดานหกทางการเมือง
สร้างผลงาน


ที่ลงความเห็นว่า กลยุทธ์ของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดำเนินไปตามพิมพ์เขียวแห่ง "น้ำไหลนิ่ง" ประเมินจากอะไร 
ประเมินจากกระบวนการแถลงผลงาน 
เริ่มจากกระทรวงการต่างประเทศ ตามมาด้วยกระทรวงเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร ตามมาด้วยกระทรวงกลาโหม 
เป็นไปในลักษณะดาวกระจาย 
เป็นยุทธการในแบบแยกกันดำเนินการ ไม่กระทำในลักษณะรวมศูนย์ ผลอันตามมาก็คือ ฝ่ายตรงข้ามจำเป็นต้องกระจายกำลังออกไปด้วย
ทำให้ไม่สามารถฟาดกระหน่ำได้ภายในหมัดเดียว


ยิ่งพรรคประชาธิปัตย์ชิงวิพากษ์วิจารณ์และประเมินผลงาน 1 ปี ของรัฐบาลก่อนล่วงหน้า ยิ่งทำให้กระบวนการยุทธ์ขาดการรวมศูนย์ 
ขาดพลัง ไร้น้ำหนัก เพราะเท่ากับยอมรับการกระจายกำลัง ยิ่งกระจายกำลังออกไปมากเท่าใด ก็ยิ่งขาดพลัง ไร้น้ำหนักมากเพียงเท่านั้น
ผลที่ติดตามมาอย่างฉับพลันทันใดก็คือ ฝ่ายค้านยังไม่สามารถรวมพลังในการเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไว้วางใจได้ตามเป้าหมาย
ทอดเวลาเนิ่นยาว

แท้จริงแล้ว ที่ฝ่ายค้านจำต้องทอดเวลาในการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปยาวนานออกไปจนแทบไม่มีกำหนดเนื่องมาจาก
1 กลยุทธ์ "น้ำไหลนิ่ง" ของฝ่ายรัฐบาล
ขณะเดียวกัน อีกจุด 1 ซึ่งจำเป็นต้องยอมรับก็คือ รัฐบาลยังไม่เปิดจุดอ่อนในเรื่องการทุจริตอย่างจะจะ


ไม่ว่าในเรื่องการป้องกันน้ำท่วมเสมอเป็นเพียงข้อสงสัย
ไม่ว่าในโครงการรับจำนำข้าวที่ว่าสูญเสียเงินหลายหมื่นล้านบาท ก็เสมอเป็นเพียงข้อสงสัยในลักษณะเหวี่ยงแห
เหวี่ยงแหไปยังระดับ "ปฏิบัติการ"
ไม่มีอะไรโยงสายยาวไปยังรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ที่รับผิดชอบโดยตรง ยิ่งนายกรัฐมนตรียิ่งห่างไกล ที่วิพากษ์วิจารณ์กันน้ำลายแตกฟองก็เสมอเป็นเพียงปลาซิวปลาสร้อย ปลายอ้อปลายแขม


เมื่อจับทุจริตคอร์รัปชั่นไม่ได้เสียแล้วก็ยากที่จะยื่นถอดถอนได้
เมื่อไม่สามารถยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ ก็ไม่สามารถเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้าไปแทนที่
เสียเวลาไปเปล่าๆ


ยอมรับเถิดว่ากลยุทธ์ "น้ำไหลนิ่ง" เหมาะอย่างยิ่งกับท่วงทำนองของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
นั่นก็คือ เดินหน้าทำงานตามนโยบายสถานเดียว นั่นก็คือ ไม่ยอมเสียสมาธิ ต่อปากต่อคำกับการตอดนิดตอดหน่อยอันมาจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  
รอเวลาน็อกด้วยผลงาน



+++

จำนำข้าว
คอลัมน์ ถุงแดง ในข่าวสดรายวัน วันอังคารที่ 04 กันยายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 22 ฉบับที่ 7949 หน้า 8


ตลอดทั้งเดือนก.ย.นี้คงต้องจับตาดูข้อสรุปโครงการรับจำนำข้าวรอบใหม่

ปกติจะเปิดรับจำนำในช่วงเดือนต.ค. แต่ในปีนี้ยังมีปัญหาคารา คาซังทั้งเรื่องการปิดโครงการรับจำนำข้าวนาปีฤดูกาลผลิต 2554/2555 เพื่อให้รับรู้ผลขาดทุน ซึ่งคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติให้ปิดบัญชีปีต่อปี 
บัญชีปิดไม่ลงเพราะข้าวในสต๊อกยังเหลืออีกเพียบ ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์เพิ่งเริ่มระบายข้าวสารล็อตแรกไปได้เพียงแค่ 7.5 แสนตัน จากจำนวนข้าวสารที่รับจำนำนาปีและนาปรังรวมกัน 10.68 ล้านตัน

ปัญหาอีกเรื่องคือเงินที่จะนำมาใช้รับจำนำข้าวว่าจะเอามาจากไหน 
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) ส่งสัญญาณมาตลอดว่าไม่มีเงินที่จะนำมารับจำนำข้าวอีกแล้ว เพราะเงินที่ใช้ในโครงการรับจำนำข้าวปี 2554/2555 จำนวน 9 หมื่นล้านบาทยังไม่ได้คืน 
ถ้าจะให้รับจำนำอีก ธ.ก.ส.เสนอให้รัฐกู้ทั้งหมด โดยมีการประเมินว่าการรับจำนำข้าวรอบใหม่จะใช้เงินถึง 4.05 แสนล้านบาท มีปริมาณข้าว 25 ล้านตัน แบ่งเป็นข้าวนาปี 15 ล้านตัน ใช้เงิน 2.5 แสนล้านบาท ข้าวนาปรัง 10 ล้านตัน ใช้เงิน 1.5 แสนล้านบาท

การรับจำนำข้าวในรอบที่ผ่านมาใช้เงินไปแล้ว 2.67 แสนล้านบาท ปริมาณข้าว 17 ล้านตัน ในส่วนนี้ยังไม่รวมการรับจำนำนาปรังรอบ 2 อีก 2 ล้านตัน วงเงิน 3 หมื่นล้านบาทที่รัฐบาลเพิ่งมีนโยบายออกมา

สิ่งที่กำลังถูกจับตาคือโครงการรับจำนำสร้างผลขาดทุนเท่าไหร่ โดยมีการประเมินไว้ตั้งแต่ระดับหลายหมื่นล้านบาทจนถึงระดับแสนล้านบาท

ยิ่งใกล้วันเปิดรับจำนำรอบใหม่ รัฐต้องรีบเคลียร์ให้ชัด



- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

อ่านประกอบ เรื่อง โครงการรับจำนำข้าว ใครได้ประโยชน์? โดย พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์
ได้ที่ http://botkwamdee.blogspot.com/2012/08/pch-mnply.html



.