http://BotKwamDee.blogspot.com...webblog เปิดเผยความจริงและกระแสสำนึกหลากหลาย เพื่อเป็นอาหารสมอง, แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความจริง, สะท้อนการเรียกร้องความยุติธรรมที่เปิดเผยแบบนิติธรรม, สื่อปฏิบัติการเสริมพลังเศรษฐกิจที่กระจายความเติบโตก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศสู่ประชาชนพื้นฐาน, ส่งเสริมการตรวจสอบและผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชน-เยาวชนในทุกระดับของกลไกพรรคการเมือง, พัฒนาอำนาจต่อรองทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการปกครองท้องถิ่นและยกระดับองค์กรตรวจสอบกลไกรัฐของภาคสาธารณะที่ต่อเนื่องของประชาชาติไทย

2555-09-26

บอคเซีย, +เด็กของโลก โดย ศิลา โคมฉาย

.

บอคเซีย
โดย ศิลา โคมฉาย คอลัมน์ แตกกอ-ต่อยอด
ในมติชนสุดสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1675 หน้า 67


กระแสชื่นชมกระหึ่มไปทั้งเมือง อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ร่วมฉลองชัยกับทีมพาราลิมปิกเกมส์ 2012 ที่สร้างผลงานยอดเยี่ยม คว้าชัยได้เกินเป้ากว่าเท่าตัวจากลอนดอนเกมส์ 
เมื่อนิ่งสดับตรับฟังจะเห็นมุมมองหลากหลาย 
ผู้คนธรรมดาทั่วไป ประเภทชาวบ้านร้านตลาดเห็นว่า เหรียญรางวัลไม่น่าจะเป็นความยิ่งใหญ่อะไรนัก หากเทียบกับจิตใจนักกีฬาคนพิการ ผู้สามารถเอาชนะความจำกัดทั้งปวงได้ราบคาบ 
โดยเฉพาะการเอาชนะตนเอง เด็ดเดี่ยว เข้มแข็ง เลือกมุมมองชีวิตอย่างต้องโค้งคารวะให้

มองความบกพร่องไม่สมบูรณ์ ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย กระทั่งเป็นจุดจบของชีวิต 
สิ่งนี้ยิ่งใหญ่ระดับมหึมา 
เป็นจิตใจ ที่อาจเป็นแรงบันดาลใจ ให้คนร่างกายสมบูรณ์ครบ 32 หรือของโลกทั้งมวล


ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลสงเคราะห์ ต้นสังกัดของตัวนักกีฬาเห็นว่า สิ่งที่สำคัญกว่าเหรียญรางวัล คือการสามารถพัฒนายิ่งขึ้นของตัวผู้พิการ ทั้งการสื่อสาร และการดูแลช่วยเหลือตนเอง 
อย่างที่คุณพัชราภรณ์ เอ็นดู ผู้อำนวยการสถานสงเคราะห์เด็กพิการทางสมองและปัญญา หรือบ้านราชาวดี ปากเกร็ด พูดถึง มงคล จิตเสงี่ยม หนึ่งในทีมเหรียญทองกีฬาบอคเซีย ซึ่งมีความพิการระดับช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ต้องมีพี่เลี้ยงคอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อได้ลองเล่นบอคเซียแล้วชื่นชอบ ค่อยๆ มีพัฒนาการที่ดีขึ้น 
จากคนที่พูดออกเสียงไม่ได้ สามารถพูดได้ชัด สื่อสารได้ดีพอควร 
ที่สำคัญฝีมือเล่นบอคเซีย ยกระดับ จนสามารถเข้าร่วมแข่งขันในระดับนานาชาติ

เหรียญทองเป็นความภาคภูมิใจ เมื่อผลของการลงแรงทุ่มเททำงานด้วยความเหนื่อยยาก ปรากฏให้เห็นจับต้องได้  
ย่อมเป็นแนวทาง และแรงกระตุ้นให้ผู้มีหน้าที่ ทำงานอย่างมีความสุข 
ขณะผู้นำ รับผิดชอบทีมพาราลิมปิก เห็นว่า สิ่งที่ควรยินดีมากกว่าชัยชนะของทีม กับความสำเร็จสูงกว่าเป้าหมาย คือการที่สังคมยอมรับ และต้อนรับนักกีฬาคนพิการอย่างกว้างขวาง เหมือนม่านหมอกอคติทั้งหลายสลายลง แสดงความชื่นชมแทบไม่ต่างจากการปฏิบัติต่อ นักกีฬาปกติทั่วไปที่ประสบความสำเร็จ 
แสดงความนับถือมิใช่เวทนา



ผมได้เห็นและยอมรับ ด้วยจิตคารวะชื่นชมมิต่างจากใครๆ แต่ใจมิวายแอบตั้งข้อสังเกตบางมุม ประสาพวกจิตไม่ว่าง 
กระแสต้อนรับชื่นชมที่มาแรงและท่วมท้น มอบให้ทีมพาราลิมปิก เป็นแรงส่งจากความไม่สมหวังนัก กับผลงานของทัพนักกีฬาคนปกติ ซึ่งพลาดคลาดเคลื่อนจากเป้าหมายที่วางไว้ หรือเปล่านะ? 

แม้จะไม่มีการโกหกสีขาวให้ชีช้ำหัวใจ  
แบบว่า เมื่อไม่อาจเฮ...สุดเสียง กระโดดตัวลอย เหวี่ยงกำปั้นตะบันอากาศ ฉลองชัย ยามเทใจเชียร์นักสู้ คนซึ่งร่างกายสมบูรณ์ปกติ เราก็ภาคภูมิใจในตัวแทนที่เป็นคนพิการได้นี่!  
บางทีความคิดเอนเอียงไปทางร้ายก็ลอบแสดงตัว

หรือเป็นแรงอัดอั้นสั่งสม ผู้คนอาจกำลังผิดหวังอย่างแรงกับกีฬายอดนิยม ซึ่งร้างราจากความสำเร็จให้พอได้ชื่นใจมานานนักแล้ว และดูเหมือนถดถอยลงถึงระดับเสื่อมทรุด ทั้งสูญเสียศรัทธาและเกิดความสับสน เช่น กำลังเป็นอยู่ในแวดวงกีฬาฟุตบอลระดับชาติ  
พวกเขาเลยพร้อมจะเทใจไปให้ใครก็ได้ ซึ่งเหมาะควรจะยกย่อง  

ฟุตบอลอาชีพ ดำเนินการตามมาตรฐานต่างประเทศเจริญแล้ว ทั้งกฎระเบียบ การจัดการแข่งขัน เป็นที่ภาคภูมิในการเติบใหญ่ขยายตัวต่อเนื่อง แต่เอาเข้าจริง เนื้อในที่ใครต่างรู้ กำลังชุลมุนอยู่กับการไม่เชื่อถือ ยอมรับ ไว้วางใจกัน หวาดระแวง ขั้นแข่งขันกันภายในประเทศ ต้องใช้ผู้ตัดสินจากต่างประเทศ เกาหลี ญี่ปุ่น จีน... 
เชื่อในมาตรฐานความสามารถ และความบริสุทธิ์ยุติธรรม  
เหมือนจะรู้ว่า ถึงที่สุดแล้ว หากระบบลอกเลียนของนอก กลไกส่วนสำคัญก็ต้องอาศัยของนอก 
คนกันเองภายใน พลาดซ้ำซาก สร้างความเสียหายสูง ที่สำคัญไม่มั่นใจความตรงไปตรงมา

แม้จะมีข้อสังเกตว่า การยอมรับอาจมาจากจิตวิทยาพื้นๆ ที่คนไทยเรามักเชื่อในคุณภาพของนำเข้า ความสามารถในการควบคุมเกม ไม่ได้พิเศษเลอเลิศอะไรนัก คนนอกพวกนี้ไม่หวั่นไหวกับแรงกดดันใด เพราะเขาไม่เข้าใจภาษาต่างหาก 
ไม่รับรู้ว่า ใครขาใหญ่ขาเล็ก


ผมสนใจ ชอบคิดถึงปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดและดำเนินไปในแวดวงฟุตบอลไทย ด้วยความรู้สึกว่า กำลังได้เห็นการย่อส่วนภาพรวมของทั้งสังคมแบบชัดเจน  
สังคมซึ่งนิยมให้องค์ประกอบภายนอก โอ่อ่าดูดีกว่าศักยภาพแท้จริงภายใน  
พร่ำหาระบบสมบูรณ์แบบ เฉกเช่นอารยะ ขณะไม่เคยเห็นแนวความคิด และความเป็นไปได้ในการจัดการให้เกิดวัฒนธรรมอันสอดคล้องต้องกันมารองรับ ทุกปัจจัยยังคงดำเนินไปตามครรลองที่เคยเป็น...  
ความคิดอันฟุ้งกระจายจำพวกนี้ ก่อเกิดกลางกระแสยินดีชื่นชมชัยชนะ ของทีมพาราลิมปิกเกมส์  
โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงภาพท่วงท่าการลุ้นขณะแข่งขัน และแสดงความดีใจ ประกาศชัยชนะแบบสุดอารมณ์ของ พัทธยา เทศทอง เจ้าของ 2 เหรียญทอง บอคเซีย คิดถึงความฝันของเขาที่จะสร้างสนามกีฬาประเภทนี้ เพื่อช่วยพัฒนาผู้พิการทางสมอง

บางทีคนไม่ได้พิการสมองบางประเภท ก็อาจต้องการบอคเซีย




+++
บทความของปี 2554 

เด็กของโลก
โดย ศิลา โคมฉาย คอลัมน์ แตกกอ-ต่อยอด
ในมติชนสุดสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 05 สิงหาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 31 ฉบับที่ 1616 หน้า 63


ผมหัวเราะเบาๆ เหมือนพยายามสร้างบรรยากาศปลอบโยนลูก ให้พอคลายจากอาการกระฟัดกระเฟียด 
เธอเพิ่งฝ่าสายฝนบางๆ มอมแมมกลับมา หลังจากลุยมันออกไปสัมภาษณ์งานเมื่อหลายชั่วโมงก่อน 
งานออกแบบผลิตภัณฑ์ ที่ตรงกับความตั้งใจและสาขาที่ร่ำเรียน 
แต่พบการสัมภาษณ์ที่ค่อนข้างประหลาดคาดไม่ถึง

เจ้าของกิจการผลิตและจำหน่ายของที่ระลึก ที่เรียกกันว่าของพรีเมี่ยม เหมือนไม่ค่อยสนใจในเนื้องาน ความถนัด ความรู้ความสามารถ กลับใส่ใจกับการแต่งตัวที่ดูเรียบร้อยเกินไป ไม่ค่อยเป็น "ติสต์ เสื้อเชิ้ตขาวแขนยาวกับกระโปรงดำ ไม่น่าสมัครงานด้านศิลป์
เมื่อเธอชี้แจงว่า พ่อแม่แนะนำเรื่องกาลเทศะในการสมัครงาน จึงถูกถามไปถึงพ่อแม่ อาชีพการงาน 
แล้วเธอก็หมดความอดทน โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ กับคำถามจี้ลึกไม่เลิกว่า เป็นลูกนักเขียนประเภทไหน ไส้แห้งหรือเปล่า? 

ผมหัวเราะแม้น้ำเสียงจะไม่กังวาน บอกลูกว่า ยังพอมองในแง่ดีได้ สิ่งที่ประสบคือด้านหนึ่งของโลกที่เป็นจริง การได้พบเผชิญแล้วทำความเข้าใจ ช่วยให้เรารู้จักชั่งใจ ไม่เล็งผลเลิศ  
คำถามต่อนักเขียน ต้องถือเป็นเรื่องธรรมดา มีมายาวนาน

อันที่จริง หลังเรียนจบ เธอได้พบกับโลกเป็นจริงอันน่าคร้าม ที่อยู่ห่างออกไปนอกกำแพงครอบครัวมาหลายคราว การลองหางานผ่านอินเตอร์เน็ต ทำให้กลายเป็นเหยื่อโอชะของนักขายประกันมืออาชีพ ที่กำลังสร้างและขยายฐานทีมงานขาย เธอต้องรับโทรศัพท์ซ้ำๆ ซากๆ วันละหลายๆ ครั้ง ทั้งพูดตรงและแฝงเล่ห์ล่อหลอก ทั้งดื้อด้านไม่ยอมรับการปฏิเสธ 
กว่าจะสลัดหลุดต้องตัดรอนกันด้วยถ้อยคำรุนแรง


หลังเสียงปลอบประโลมแผ่วผ่าน ผมเหมือนต้องเผชิญบางคำถาม...เราพยายามปลูกสร้างบ่มเพาะลูกให้โลก เพราะไม่คิดว่าเขาเป็นแค่ลูกของเรา แต่เป็นเด็กของโลกที่ต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่รับผิดชอบกับโลก 
แน่นอนว่า เรื่องพวกนี้เป็นไปตามธรรมชาติ ผมไม่เคยคิดประกาศ ออกคำสั่ง ผลักดัน เคี่ยวเข็ญ แต่โดยวิถีชีวิต สันดาน สังคมเฉพาะส่วนที่เป็นไป ชักนำสำนึกลูกให้ก้าวไปในทางนั้น  
ลูกๆ ไม่เคยได้รับการจุดประกาย เสริมประสบการณ์ จากงานวิชาการปรเภทคณิตคิดเร็ว อาจเข้าร่วมงานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีอยู่บ้าง แต่มักคุ้นเคยกับป่าเขา ทะเล งานคอนเสิร์ตเพื่อสังคม ห้องบันทึกเสียง ศิลปิน มิตรสหาย ชาวบ้าน และการชุมนุม... 
อยู่กับลุงๆ อาๆ ที่บางรายห่ามๆ ยุยงหลานๆ ว่า ยังไม่ต้องกังวลกับเรื่องการเรียนอะไรนัก เอาแค่คิดเลขเป็น ทอนเงินได้ถูกก็พอแล้ว... 

เด็กได้ใช้ชีวิตเด็กเต็มที่ เล่นให้สนุก ร้องเพลงของตัว และเรียนเพื่อรู้ ค่อยเติบโตเป็นมนุษย์สมบูรณ์ 
แต่ลูกก็เติบโตในโลกที่มีวิถีและจุดหมายของตัว ซึ่งมันระดมเอาทุกปัจจัย สรรพกำลังล้นเหลือเกินจะมีสิ่งใดต้านทาน เพาะสร้างผู้คนเพื่อสนองรองรับจุดหมาย ซึ่งอยู่ต่างออกไปราวคนละขั้ว 
ในโลกแห่งการบริโภคไม่บันยะบันยัง กัดกร่อนและทำลายตัวเอง



ข่าวคราวล่าสุดที่ปรากฏ โลกกำลังปลูกสร้างเด็กๆ ในประเทศพัฒนา ให้เป็นผู้สามารถใช้และเอาประโยชน์สูงสุดจากเทคโนโลยี เพื่อการเรียนรู้ได้อย่างไร้ขีดจำกัด ด้วยวิธีการง่ายๆ และแสนสะดวก 
ปรับเปลี่ยนการเรียนการสอน ตักตวงความรู้จากแหล่งดิจิตอล 
ตำราเรียนถูกแปลงเป็นสื่อสุดสนุกทันสมัย บรรจุลงแท็บเล็ตเครื่องเดียว ทั้งยังสามารถเชื่อมโยงกับแหล่งความรู้อื่นๆ ทั่วโลก แทนการต้องแบกหนังสือจนหลังแอ่น เข้าห้องสมุดเสาะค้นกันจนอาน

เด็กของโลกเช่นนี้ ย่อมเป็นผู้มีความรู้ เปี่ยมความสามารถ เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่ได้เปรียบ นำหน้าในโลกแห่งการแข่งขัน แต่พวกเขาอาจไม่ใช่มนุษย์ที่สมบูรณ์ 
ในบ้านเราดูเหมือนมีความคิดจะก้าวไปบนหนทางนี้ เพียงแต่ยังเป็นแค่นโยบายการหาเสียงเลือกตั้งที่ยังลอยๆ...จะแจกแท็บเล็ตให้กับนักเรียนในโรงเรียนทุกคน...ซึ่งความเป็นไปได้จริง ต้องผ่านการลงทุนมหาศาล ใช้เวลาตระเตรียมการไม่น้อย ทั้งการสร้างสรรค์ บรรจุสรรพตำราลงในเครื่องมือ การสร้างความรู้ความพร้อมให้บุคลากรที่เกี่ยวข้อง

ที่สำคัญคือเนื้อหาการสร้างเด็กของโลก ที่มีส่วนดูแลและรับผิดชอบกับโลกของพวกเขา



.